ทำเนียบรัฐบาล--3 ส.ค.--บิสนิวส์
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจพิจารณาเรื่อง การเพิ่มทุนและสนับสนุนทางการเงินของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ในบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. ให้การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) เพิ่มทุนใน THAPPLINE เพื่อดำเนินการต่อท่อเชื่อมมาบตาพุด - ศรีราชา ตามสัดส่วนที่ ปตท. ถือหุ้นอยู่เท่ากับร้อยละ 30.6 คิดเป็นเงิน 115.5 ล้านบาท
2. กรณีที่ THAPPLINE จำเป็นที่ต้องเพิ่มทุนขึ้นอีก เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของผู้ให้กู้ คือ มีเงื่อนไขผู้ถือหุ้นต้องลงทุนเพิ่มเติมอีกประมาณ 710 ล้านบาท หรือดำเนินการเพิ่มทุนจาก 377.5 ล้านบาท เป็นประมาณ 1,090 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สัดส่วนที่ผู้ถือหุ้นลงทุนเท่ากับการกู้เงิน (สัดส่วนหนี้สินต่อทุนเท่ากับ 1:1) และคาดว่าจะมีความเป็นไปได้สูงขึ้นที่จะได้รับเงินกู้จำนวนดังกล่าว และผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนด้วยแล้ว ให้ ปตท. สามารถเพิ่มทุนได้อีกภายในวงเงินประมาณ 218 ล้านบาท เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นเดิมที่ร้อยละ 30.6 หรือให้ ปตท. ลดสัดส่วนการถือหุ้นลง กรณีที่มีผู้สนใจที่จะเข้าร่วมทุนใน THAPPLINE หรือผู้ร่วมทุนเดิมประสงค์จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน THAPPLINE ทั้งนี้สัดส่วนการถือหุ้นของ ปตท. จะต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 ตามที่คณะรัฐมนตรีได้กำหนดไว้การจัดตั้งบริษัท THAPPLINE เป็นไปตามนโยบายของรัฐที่จะปรับปรุงระบบการขนส่งน้ำมันของประเทศให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดต้นทุนการขนส่งน้ำมันในระยะยาว และกระจายศูนย์กลางการจ่ายน้ำมันเพิ่มเติมให้ครอบคลุมไปยังภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเตรียมพัฒนาระบบโครงข่ายท่อขนส่งน้ำมันให้กระจายไปในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ การลงทุนเพิ่มเติมโครงการท่อต่อเชื่อมมาบตาพุด - ศรีราชา พร้อมทั้งการปรับโครงสร้างทางการเงิน (Restructuring) เป็นวิธีการที่สามารถแก้ปัญหาของบริษัท THAPPLINE ให้สามารถรับน้ำมันจากโรงกลั่นน้ำมันระยอง และโรงกลั่นน้ำมันสตาร์ฯ ที่มาบตาพุด เพื่อเพิ่มปริมาณการขนส่งน้ำมันให้เป็นไปตามปริมาณที่ได้ประมาณการไว้ ซึ่งจะทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัท THAPPLINE ดีขึ้นในระยะยาว
โครงการท่อส่งน้ำมัน THAPPLINE เป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เนื่องจากเหตุผลหลายประการ คือ
1. สามารถลดจำนวนการขนส่งน้ำมันทางการคมนาคมอื่นได้ ดังนี้
- ลดการขนส่งน้ำมันทางรถได้ 30,000 เที่ยว/ปี
- ลดการขนส่งน้ำมันทางเรือได้ 1,700 เที่ยว/ปี
- ลดการขนส่งน้ำมันทางรถไฟได้ 1,340 เที่ยว/ปี
2. สามารถลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และลดปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากการขนส่ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 3 สิงหาคม 2541--
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจพิจารณาเรื่อง การเพิ่มทุนและสนับสนุนทางการเงินของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ในบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. ให้การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) เพิ่มทุนใน THAPPLINE เพื่อดำเนินการต่อท่อเชื่อมมาบตาพุด - ศรีราชา ตามสัดส่วนที่ ปตท. ถือหุ้นอยู่เท่ากับร้อยละ 30.6 คิดเป็นเงิน 115.5 ล้านบาท
2. กรณีที่ THAPPLINE จำเป็นที่ต้องเพิ่มทุนขึ้นอีก เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของผู้ให้กู้ คือ มีเงื่อนไขผู้ถือหุ้นต้องลงทุนเพิ่มเติมอีกประมาณ 710 ล้านบาท หรือดำเนินการเพิ่มทุนจาก 377.5 ล้านบาท เป็นประมาณ 1,090 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สัดส่วนที่ผู้ถือหุ้นลงทุนเท่ากับการกู้เงิน (สัดส่วนหนี้สินต่อทุนเท่ากับ 1:1) และคาดว่าจะมีความเป็นไปได้สูงขึ้นที่จะได้รับเงินกู้จำนวนดังกล่าว และผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนด้วยแล้ว ให้ ปตท. สามารถเพิ่มทุนได้อีกภายในวงเงินประมาณ 218 ล้านบาท เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นเดิมที่ร้อยละ 30.6 หรือให้ ปตท. ลดสัดส่วนการถือหุ้นลง กรณีที่มีผู้สนใจที่จะเข้าร่วมทุนใน THAPPLINE หรือผู้ร่วมทุนเดิมประสงค์จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน THAPPLINE ทั้งนี้สัดส่วนการถือหุ้นของ ปตท. จะต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 ตามที่คณะรัฐมนตรีได้กำหนดไว้การจัดตั้งบริษัท THAPPLINE เป็นไปตามนโยบายของรัฐที่จะปรับปรุงระบบการขนส่งน้ำมันของประเทศให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดต้นทุนการขนส่งน้ำมันในระยะยาว และกระจายศูนย์กลางการจ่ายน้ำมันเพิ่มเติมให้ครอบคลุมไปยังภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเตรียมพัฒนาระบบโครงข่ายท่อขนส่งน้ำมันให้กระจายไปในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ การลงทุนเพิ่มเติมโครงการท่อต่อเชื่อมมาบตาพุด - ศรีราชา พร้อมทั้งการปรับโครงสร้างทางการเงิน (Restructuring) เป็นวิธีการที่สามารถแก้ปัญหาของบริษัท THAPPLINE ให้สามารถรับน้ำมันจากโรงกลั่นน้ำมันระยอง และโรงกลั่นน้ำมันสตาร์ฯ ที่มาบตาพุด เพื่อเพิ่มปริมาณการขนส่งน้ำมันให้เป็นไปตามปริมาณที่ได้ประมาณการไว้ ซึ่งจะทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัท THAPPLINE ดีขึ้นในระยะยาว
โครงการท่อส่งน้ำมัน THAPPLINE เป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เนื่องจากเหตุผลหลายประการ คือ
1. สามารถลดจำนวนการขนส่งน้ำมันทางการคมนาคมอื่นได้ ดังนี้
- ลดการขนส่งน้ำมันทางรถได้ 30,000 เที่ยว/ปี
- ลดการขนส่งน้ำมันทางเรือได้ 1,700 เที่ยว/ปี
- ลดการขนส่งน้ำมันทางรถไฟได้ 1,340 เที่ยว/ปี
2. สามารถลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และลดปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากการขนส่ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 3 สิงหาคม 2541--