ทำเนียบรัฐบาล--16 ก.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2540 (ครั้งที่ 65) ซึ่งได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2540 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเสนอ และถือเป็นมติคณะรัฐมนตรี ดังนี้
1. การแก้ไขสัญญาจัดสร้างและประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียมระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม กับบริษัทสุโขทัยปิโตรเลี่ยม จำกัด
เห็นชอบร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจัดสร้างและประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียม เพื่อการส่งออกระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม กับบริษัท สุโขทัยปิโตรเลี่ยม จำกัด เพื่อยกเลิกข้อ 4 ผลประโยชน์ตอบแทนแก่รัฐ ข้อ 5 เงินผลประโยชน์พิเศษ และข้อ 14 หนังสือค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาแห่งสัญญาจัดจ้างและประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียมเพื่อการส่งออก ฉบับลงวันที่ 23 สิงหาคม 2539 และมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปดำเนินการลงนามในสัญญาดังกล่าวโดยเร็วต่อไป
2. แนวทางในการเพิ่มบทบาทของภาคเอกชนในกิจการด้านพลังงาน
2.1 เห็นชอบแนวทางการขายหุ้นของรัฐที่ดำเนินการได้เร็ว โดยให้การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.)รับไปพิจารณาขายหุ้นของ ปตท. ในบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ให้แก่ Strategic Investor ที่เหมาะสมด้วยทั้งนี้ ให้หน่วยงานดังต่อไปนี้รับไปจัดทำรายละเอียด แล้วนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ภายใน 1 เดือนดังนี้
1) บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) : การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), บริษัท ผลิตไฟฟ้าจำกัด, กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.)
2) บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) : การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.),กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงการคลัง, สพช.
3) บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) : กระทรวงการคลัง, สพช., บริษัท บางจากปิโตรเลียมจำกัด, ปตท.
4) บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด : กระทรวงการคลัง, สพช.
2.2 รับทราบแนวทางในการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) โดยมอบหมายให้ กฟผ. ปตท. และ สพช. เร่งดำเนินการศึกษาแนวทางในการแปรรูปให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และศึกษาความเหมาะสมของแนวทางในการแปรรูปเพิ่มเติม แล้วนำเสนอ กพช. ภายในเดือนพฤศจิกายน 2540
2.3 ให้การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จัดทำรายละเอียดในการแปรรูปกิจการผลิตภัณฑ์คอนกรีต แล้วนำเสนอ กพช. ภายใน 1 เดือน
3. การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเตา
เห็นชอบในหลักการว่าไม่ควรมีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเตา แต่ในขณะนี้เห็นควรให้ยังคงจัดเก็บภาษีตามเดิมไปก่อน จนกว่าฐานะการเงินการคลังของประเทศจะอยู่ในภาวะที่เหมาะสมแล้ว จึงพิจารณาดำเนินการให้มีการยกเลิกการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเตาต่อไป
4. นโยบายราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว
เห็นชอบข้อเสนอปรับปรุงนโยบายราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ตามแนวทางที่ 2 ทั้งนี้ ให้นำระบบลอยตัวเต็มที่ หรือระบบกึ่งลอยตัวมาใช้ และให้พิจารณาลดอัตราภาษีสรรพสามิตและปรับปรุงสูตรราคา ณ โรงกลั่น เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบที่จะมีต่อประชาชน โดย
4.1 มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์) รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลังในการลดอัตราภาษีสรรพสามิต LPG และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย รับไปพิจารณาปรับสูตรราคา ณ โรงกลั่น
4.2 ให้นำผลการดำเนินการตามข้อ 4.1 เสนอต่อคณะกรรมการพิจารณานโยบายพลังงานเพื่อพิจารณากำหนดโครงสร้างราคาและขั้นตอนปฏิบัติที่ชัดเจน รวมทั้งดำเนินการออกประกาศและประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์ในการกำหนดราคาต่อไป
5. แนวทางในการรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน
5.1 เห็นชอบข้อเสนอการรับซื้อไฟฟ้าจากภายนอกประเทศ ตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอ เพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. ต่อไป
5.2 มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์) เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยไปเจรจากับรัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในเรื่องการขยายความร่วมมือด้านพลังงานของทั้งสองประเทศ และการเจรจารับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำจิงหง ในมณฑลยูนนาน เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ประเทศไทย
5.3 เห็นชอบในหลักการของร่างบันทึกความเข้าใจเรื่อง การรับซื้อไฟฟ้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเจรจารับซื้อไฟฟ้ากับรัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป
6. หนี้ค่าไฟฟ้าของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ
6.1 เห็นชอบให้ส่วนราชการที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 250,000 หน่วยต่อเดือน ซึ่งจะต้องซื้อไฟฟ้าในอัตราเดียวกันกับธุรกิจเอกชนทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2540 เป็นต้นไปอยู่แล้ว และรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง มีวิธีการชำระเงินค่าไฟฟ้าเช่นเดียวกับธุรกิจเอกชน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2540 เป็นต้นไป โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย ดำเนินการแจ้งให้หน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจดังกล่าว มาทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าด้วย
6.2 ให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายชำระเงินให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใน 30 วัน นับถัดจากวันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาการชำระเงินค่าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของ กฟผ. ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2540 เป็นต้นไป หากชำระเงินเกิน 30 วัน ให้มีเบี้ยปรับโดยคิดเป็นรายวันในอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำของเงินกู้เบิกเกินบัญชี (MOR)ประกาศโดยธนาคารกรุงไทย บวกด้วยสอง
6.3 ในกรณีที่การดำเนินการในข้อ 6.1 มีปัญหาในทางปฏิบัติเกี่ยวกับเบี้ยปรับที่เกิดจากการชำระค่าไฟฟ้าเกินกำหนด ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติรับไปพิจารณาแก้ไขปัญหาร่วมกับกระทรวงการคลังและสำนัก-งบประมาณ แล้วนำเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณานโยบายพลังงานให้ความเห็นชอบ เพื่อให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป
7. ราคาก๊าซธรรมชาติที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย จำหน่ายให้ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP)
7.1 รับทราบการดำเนินการแก้ไขสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติระหว่างการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.)กับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) เพื่อให้สอดคล้องกับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กับ SPP
7.2 เห็นชอบโครงสร้างราคาขายก๊าซธรรมชาติที่ ปตท. ขายให้กับ SPP ตามที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยเสนอ
7.3 มอบหมายให้ ปตท. รับไปดำเนินการแก้ไขสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติระหว่าง ปตท. กับ SPP เพื่อให้เป็นไปตามร่างสัญญามาตรฐาน และเพื่อให้ราคาซื้อขายเป็นไปตามโครงสร้างราคาใหม่ ทั้งนี้ ให้โครงสร้างราคาใหม่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2540
7.4 สำหรับ SPP ที่ยังไม่ได้ลงนามในสัญญา ให้ ปตท. ยึดถือร่างสัญญามาตรฐาน และโครงสร้างราคาใหม่เป็นหลักในการดำเนินการ
7.5 มอบหมายให้ สพช. และ ปตท. พิจารณาความเหมาะสมของโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ และสัญญาซื้อก๊าซธรรมชาติที่ ปตท. จำหน่ายให้กับผู้ใช้ก๊าซประเภทอื่น ๆ นอกจา IPP และ SPP โดยกำหนดประเภทผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติที่เป็นลูกค้าของ ปตท. เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าและในกระบวนการผลิต และกลุ่มผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบในการผลิต ทั้งนี้ โครงสร้างราคาขายก๊าซธรรมชาติดังกล่าวอาจมีลักษณะเป็นขั้นบันได โดยมีหลักการให้ผู้ใช้ก๊าซฯ ในปริมาณมากได้รับราคาที่ถูกกว่าผู้ใช้ก๊าซฯ ในปริมาณที่น้อยกว่า แล้วให้นำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงาน-แห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป
8. ข้อเสนอแก้ไขกฎเกณฑ์ของรัฐเพื่อส่งเสริมโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Southern Seaboard)
เห็นชอบข้อเสนอปรับปรุงกฎเกณฑ์ของรัฐ เพื่อจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนทั่วไปสำหรับเก็บน้ำมัน (คสน.) บริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลของประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าปิโตรเลียมและมีน้ำมันสำรองในประเทศมากขึ้น โดยให้ดำเนินการปรับปรุงกฎเกณฑ์ของรัฐ ดังนี้
8.1 ขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2539 ในเรื่องการระงับการอนุมัติให้จัดตั้งคลัง คสน.โดยมิให้ใช้บังคับกับการจัดตั้งคลัง คสน. ตามหลักเกณฑ์ที่จะได้มีการกำหนดขึ้น โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติรับไปศึกษาและนำเสนอหลักเกณฑ์ในการจัดตั้งคลัง คสน. ที่เหมาะสมต่อไป
8.2 ให้กรมทะเบียนการค้าแก้ไขกฎเกณฑ์การควบคุมคุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิง มิให้นำประกาศกำหนดคุณภาพสำหรับน้ำมันที่จำหน่ายในประเทศ มาใช้บังคับกับน้ำมันที่นำมาเก็บในคลัง คสน. และน้ำมันที่ส่งออกไปจำหน่ายในประเทศ
8.3 ให้กรมศุลกากรแก้ไขประกาศกรมศุลกากร ฉบับที่ 12/2539 เรื่อง ระเบียบเกี่ยวกับคลังสินค้าทัณฑ์บนทั่วไปสำหรับเก็บน้ำมัน มิให้นำหลักเกณฑ์วิธีการที่กรมศุลกากรถือปฏิบัติสำหรับการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในประเทศ มาใช้บังคับกับการนำเข้าของคลัง คสน. เพื่อให้คลัง คสน. สามารถนำเข้า - ส่งออก และเก็บรักษาน้ำมันที่มีคุณภาพแตกต่างจากที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศกำหนดได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 16 กันยายน 2540--
คณะรัฐมนตรีรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2540 (ครั้งที่ 65) ซึ่งได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2540 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเสนอ และถือเป็นมติคณะรัฐมนตรี ดังนี้
1. การแก้ไขสัญญาจัดสร้างและประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียมระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม กับบริษัทสุโขทัยปิโตรเลี่ยม จำกัด
เห็นชอบร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจัดสร้างและประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียม เพื่อการส่งออกระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม กับบริษัท สุโขทัยปิโตรเลี่ยม จำกัด เพื่อยกเลิกข้อ 4 ผลประโยชน์ตอบแทนแก่รัฐ ข้อ 5 เงินผลประโยชน์พิเศษ และข้อ 14 หนังสือค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาแห่งสัญญาจัดจ้างและประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียมเพื่อการส่งออก ฉบับลงวันที่ 23 สิงหาคม 2539 และมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปดำเนินการลงนามในสัญญาดังกล่าวโดยเร็วต่อไป
2. แนวทางในการเพิ่มบทบาทของภาคเอกชนในกิจการด้านพลังงาน
2.1 เห็นชอบแนวทางการขายหุ้นของรัฐที่ดำเนินการได้เร็ว โดยให้การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.)รับไปพิจารณาขายหุ้นของ ปตท. ในบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ให้แก่ Strategic Investor ที่เหมาะสมด้วยทั้งนี้ ให้หน่วยงานดังต่อไปนี้รับไปจัดทำรายละเอียด แล้วนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ภายใน 1 เดือนดังนี้
1) บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) : การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), บริษัท ผลิตไฟฟ้าจำกัด, กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.)
2) บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) : การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.),กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงการคลัง, สพช.
3) บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) : กระทรวงการคลัง, สพช., บริษัท บางจากปิโตรเลียมจำกัด, ปตท.
4) บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด : กระทรวงการคลัง, สพช.
2.2 รับทราบแนวทางในการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) โดยมอบหมายให้ กฟผ. ปตท. และ สพช. เร่งดำเนินการศึกษาแนวทางในการแปรรูปให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และศึกษาความเหมาะสมของแนวทางในการแปรรูปเพิ่มเติม แล้วนำเสนอ กพช. ภายในเดือนพฤศจิกายน 2540
2.3 ให้การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จัดทำรายละเอียดในการแปรรูปกิจการผลิตภัณฑ์คอนกรีต แล้วนำเสนอ กพช. ภายใน 1 เดือน
3. การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเตา
เห็นชอบในหลักการว่าไม่ควรมีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเตา แต่ในขณะนี้เห็นควรให้ยังคงจัดเก็บภาษีตามเดิมไปก่อน จนกว่าฐานะการเงินการคลังของประเทศจะอยู่ในภาวะที่เหมาะสมแล้ว จึงพิจารณาดำเนินการให้มีการยกเลิกการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเตาต่อไป
4. นโยบายราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว
เห็นชอบข้อเสนอปรับปรุงนโยบายราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ตามแนวทางที่ 2 ทั้งนี้ ให้นำระบบลอยตัวเต็มที่ หรือระบบกึ่งลอยตัวมาใช้ และให้พิจารณาลดอัตราภาษีสรรพสามิตและปรับปรุงสูตรราคา ณ โรงกลั่น เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบที่จะมีต่อประชาชน โดย
4.1 มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์) รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลังในการลดอัตราภาษีสรรพสามิต LPG และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย รับไปพิจารณาปรับสูตรราคา ณ โรงกลั่น
4.2 ให้นำผลการดำเนินการตามข้อ 4.1 เสนอต่อคณะกรรมการพิจารณานโยบายพลังงานเพื่อพิจารณากำหนดโครงสร้างราคาและขั้นตอนปฏิบัติที่ชัดเจน รวมทั้งดำเนินการออกประกาศและประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์ในการกำหนดราคาต่อไป
5. แนวทางในการรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน
5.1 เห็นชอบข้อเสนอการรับซื้อไฟฟ้าจากภายนอกประเทศ ตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอ เพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. ต่อไป
5.2 มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์) เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยไปเจรจากับรัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในเรื่องการขยายความร่วมมือด้านพลังงานของทั้งสองประเทศ และการเจรจารับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำจิงหง ในมณฑลยูนนาน เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ประเทศไทย
5.3 เห็นชอบในหลักการของร่างบันทึกความเข้าใจเรื่อง การรับซื้อไฟฟ้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเจรจารับซื้อไฟฟ้ากับรัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป
6. หนี้ค่าไฟฟ้าของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ
6.1 เห็นชอบให้ส่วนราชการที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 250,000 หน่วยต่อเดือน ซึ่งจะต้องซื้อไฟฟ้าในอัตราเดียวกันกับธุรกิจเอกชนทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2540 เป็นต้นไปอยู่แล้ว และรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง มีวิธีการชำระเงินค่าไฟฟ้าเช่นเดียวกับธุรกิจเอกชน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2540 เป็นต้นไป โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย ดำเนินการแจ้งให้หน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจดังกล่าว มาทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าด้วย
6.2 ให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายชำระเงินให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใน 30 วัน นับถัดจากวันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาการชำระเงินค่าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของ กฟผ. ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2540 เป็นต้นไป หากชำระเงินเกิน 30 วัน ให้มีเบี้ยปรับโดยคิดเป็นรายวันในอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำของเงินกู้เบิกเกินบัญชี (MOR)ประกาศโดยธนาคารกรุงไทย บวกด้วยสอง
6.3 ในกรณีที่การดำเนินการในข้อ 6.1 มีปัญหาในทางปฏิบัติเกี่ยวกับเบี้ยปรับที่เกิดจากการชำระค่าไฟฟ้าเกินกำหนด ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติรับไปพิจารณาแก้ไขปัญหาร่วมกับกระทรวงการคลังและสำนัก-งบประมาณ แล้วนำเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณานโยบายพลังงานให้ความเห็นชอบ เพื่อให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป
7. ราคาก๊าซธรรมชาติที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย จำหน่ายให้ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP)
7.1 รับทราบการดำเนินการแก้ไขสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติระหว่างการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.)กับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) เพื่อให้สอดคล้องกับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กับ SPP
7.2 เห็นชอบโครงสร้างราคาขายก๊าซธรรมชาติที่ ปตท. ขายให้กับ SPP ตามที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยเสนอ
7.3 มอบหมายให้ ปตท. รับไปดำเนินการแก้ไขสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติระหว่าง ปตท. กับ SPP เพื่อให้เป็นไปตามร่างสัญญามาตรฐาน และเพื่อให้ราคาซื้อขายเป็นไปตามโครงสร้างราคาใหม่ ทั้งนี้ ให้โครงสร้างราคาใหม่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2540
7.4 สำหรับ SPP ที่ยังไม่ได้ลงนามในสัญญา ให้ ปตท. ยึดถือร่างสัญญามาตรฐาน และโครงสร้างราคาใหม่เป็นหลักในการดำเนินการ
7.5 มอบหมายให้ สพช. และ ปตท. พิจารณาความเหมาะสมของโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ และสัญญาซื้อก๊าซธรรมชาติที่ ปตท. จำหน่ายให้กับผู้ใช้ก๊าซประเภทอื่น ๆ นอกจา IPP และ SPP โดยกำหนดประเภทผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติที่เป็นลูกค้าของ ปตท. เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าและในกระบวนการผลิต และกลุ่มผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบในการผลิต ทั้งนี้ โครงสร้างราคาขายก๊าซธรรมชาติดังกล่าวอาจมีลักษณะเป็นขั้นบันได โดยมีหลักการให้ผู้ใช้ก๊าซฯ ในปริมาณมากได้รับราคาที่ถูกกว่าผู้ใช้ก๊าซฯ ในปริมาณที่น้อยกว่า แล้วให้นำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงาน-แห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป
8. ข้อเสนอแก้ไขกฎเกณฑ์ของรัฐเพื่อส่งเสริมโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Southern Seaboard)
เห็นชอบข้อเสนอปรับปรุงกฎเกณฑ์ของรัฐ เพื่อจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนทั่วไปสำหรับเก็บน้ำมัน (คสน.) บริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลของประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าปิโตรเลียมและมีน้ำมันสำรองในประเทศมากขึ้น โดยให้ดำเนินการปรับปรุงกฎเกณฑ์ของรัฐ ดังนี้
8.1 ขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2539 ในเรื่องการระงับการอนุมัติให้จัดตั้งคลัง คสน.โดยมิให้ใช้บังคับกับการจัดตั้งคลัง คสน. ตามหลักเกณฑ์ที่จะได้มีการกำหนดขึ้น โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติรับไปศึกษาและนำเสนอหลักเกณฑ์ในการจัดตั้งคลัง คสน. ที่เหมาะสมต่อไป
8.2 ให้กรมทะเบียนการค้าแก้ไขกฎเกณฑ์การควบคุมคุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิง มิให้นำประกาศกำหนดคุณภาพสำหรับน้ำมันที่จำหน่ายในประเทศ มาใช้บังคับกับน้ำมันที่นำมาเก็บในคลัง คสน. และน้ำมันที่ส่งออกไปจำหน่ายในประเทศ
8.3 ให้กรมศุลกากรแก้ไขประกาศกรมศุลกากร ฉบับที่ 12/2539 เรื่อง ระเบียบเกี่ยวกับคลังสินค้าทัณฑ์บนทั่วไปสำหรับเก็บน้ำมัน มิให้นำหลักเกณฑ์วิธีการที่กรมศุลกากรถือปฏิบัติสำหรับการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในประเทศ มาใช้บังคับกับการนำเข้าของคลัง คสน. เพื่อให้คลัง คสน. สามารถนำเข้า - ส่งออก และเก็บรักษาน้ำมันที่มีคุณภาพแตกต่างจากที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศกำหนดได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 16 กันยายน 2540--