ทำเนียบรัฐบาล--7 ส.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการการให้ครูใหญ่และครูโรงเรียนเอกชน มาตรา 15(2) ที่จัด การศึกษาตามหลักสูตรที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการเข้าร่วมกองทุนสงเคราะห์ครูใหญ่และครู โรงเรียนเอกชน ตั้งแต่ปีการศึกษา 2539 (พฤษภาคม 2539 เป็นต้นไป) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ เสนอ และให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์และ วิธีการดำเนินการร่วมกับกระทรวง การคลัง และสำนักงบประมาณ โดยให้คำนึงถึงความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย สำหรับงบประมาณที่จะใช้ใน การดำเนินการให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณแล้วให้ดำเนินการต่อไป เพื่อเป็นการ เสริมสร้างขวัญกำลังใจและความมั่นคงในอาชีพแก่ครูใหญ่และครูโรงเรียนเอกชนที่จัดการศึกษาตาม หลักสูตรที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการ เกิดความเสมอภาคระหว่างครูโรงเรียนเอกชนอย่าง เท่าเทียมกันและส่งเสริมบรรยากาศการลงทุนการศึกษา
กองทุนสงเคราะห์ครูใหญ่ และครูโรงเรียนเอกชนก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2518 โดย เริ่มจากเงินงบประมาณที่รัฐสมทบให้ในปีแรก 30 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนจ่ายให้แก่ครูใหญ่ และครูในรูป ของสวัสดิการและเงินชดเชยต่าง ๆ ในระยะแรกการจัดสวัสดิการให้เฉพาะค่ารักษาพยาบาลประเภท คนไข้ในโรงพยาบาลของรัฐเฉพาะตัวครู คู่สมรส และบุตรเท่านั้น ปัจจุบันกองทุนสงเคราะห์เติบโต ขึ้นมีเงินสมทบกองทุนประมาณ 4,313.426ล้านบาท นำดอกผลมาจ่ายเป็นเงินสวัสดิการให้แก่ครูใหญ่ และครูโรงเรียนเอกชน ที่จัดการศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับการบรรจุถูกต้องทำ การสอนประจำ และรับค่าตอบแทนเป็นรายเดือน ในกรณีเจ็บป่วยและคลอดบุตรให้แก่ครู คู่สมรส บุตร และบิดา มารดาของครู เงินช่วยเหลือบุตรรายเดือน เงินค่าการศึกษาบุตร เงินทุนเลี้ยงชีพครู เงินเพิ่ม พิเศษสำหรับผู้ที่เป็นครูมานาน แต่กองทุนสงเคราะห์ครูใหญ่และครูโรงเรียนเอกชน ยังไม่ครอบคลุมถึง ครูใหญ่และครูโรงเรียนเอกชน มาตรา 15(2) ที่จัดการศึกษาตามหลักสูตรที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงศึก ษาธิการ เนื่องจากในขณะนั้นโรงเรียนเอกชน มาตรา 15(2) ที่จัดการศึกษาตามหลักสูตรที่ได้รับอนุมัติ จากกระทรวงศึกษาธิการ มีสภาพเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีครูประจำการเพียงคนเดียว คือ ครูใหญ่ ซึ่ง เป็นทั้งผู้รับใบอนุญาตและผู้จัดการ นอกจากนั้นจะเป็นครูรับจ้างสอนเป็นรายชั่วโมง มีการเข้าออกของ บุคลากรสูง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 6 สิงหาคม 2539--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการการให้ครูใหญ่และครูโรงเรียนเอกชน มาตรา 15(2) ที่จัด การศึกษาตามหลักสูตรที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการเข้าร่วมกองทุนสงเคราะห์ครูใหญ่และครู โรงเรียนเอกชน ตั้งแต่ปีการศึกษา 2539 (พฤษภาคม 2539 เป็นต้นไป) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ เสนอ และให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์และ วิธีการดำเนินการร่วมกับกระทรวง การคลัง และสำนักงบประมาณ โดยให้คำนึงถึงความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย สำหรับงบประมาณที่จะใช้ใน การดำเนินการให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณแล้วให้ดำเนินการต่อไป เพื่อเป็นการ เสริมสร้างขวัญกำลังใจและความมั่นคงในอาชีพแก่ครูใหญ่และครูโรงเรียนเอกชนที่จัดการศึกษาตาม หลักสูตรที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการ เกิดความเสมอภาคระหว่างครูโรงเรียนเอกชนอย่าง เท่าเทียมกันและส่งเสริมบรรยากาศการลงทุนการศึกษา
กองทุนสงเคราะห์ครูใหญ่ และครูโรงเรียนเอกชนก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2518 โดย เริ่มจากเงินงบประมาณที่รัฐสมทบให้ในปีแรก 30 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนจ่ายให้แก่ครูใหญ่ และครูในรูป ของสวัสดิการและเงินชดเชยต่าง ๆ ในระยะแรกการจัดสวัสดิการให้เฉพาะค่ารักษาพยาบาลประเภท คนไข้ในโรงพยาบาลของรัฐเฉพาะตัวครู คู่สมรส และบุตรเท่านั้น ปัจจุบันกองทุนสงเคราะห์เติบโต ขึ้นมีเงินสมทบกองทุนประมาณ 4,313.426ล้านบาท นำดอกผลมาจ่ายเป็นเงินสวัสดิการให้แก่ครูใหญ่ และครูโรงเรียนเอกชน ที่จัดการศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับการบรรจุถูกต้องทำ การสอนประจำ และรับค่าตอบแทนเป็นรายเดือน ในกรณีเจ็บป่วยและคลอดบุตรให้แก่ครู คู่สมรส บุตร และบิดา มารดาของครู เงินช่วยเหลือบุตรรายเดือน เงินค่าการศึกษาบุตร เงินทุนเลี้ยงชีพครู เงินเพิ่ม พิเศษสำหรับผู้ที่เป็นครูมานาน แต่กองทุนสงเคราะห์ครูใหญ่และครูโรงเรียนเอกชน ยังไม่ครอบคลุมถึง ครูใหญ่และครูโรงเรียนเอกชน มาตรา 15(2) ที่จัดการศึกษาตามหลักสูตรที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงศึก ษาธิการ เนื่องจากในขณะนั้นโรงเรียนเอกชน มาตรา 15(2) ที่จัดการศึกษาตามหลักสูตรที่ได้รับอนุมัติ จากกระทรวงศึกษาธิการ มีสภาพเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีครูประจำการเพียงคนเดียว คือ ครูใหญ่ ซึ่ง เป็นทั้งผู้รับใบอนุญาตและผู้จัดการ นอกจากนั้นจะเป็นครูรับจ้างสอนเป็นรายชั่วโมง มีการเข้าออกของ บุคลากรสูง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 6 สิงหาคม 2539--