ทำเนียบรัฐบาล--18 ก.พ.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้เสนอร่างประกาศใช้อนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงการรัษฏากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีที่เก็บจากเงินได้ระหว่างประเทศกับประเทศอิสราเอล
อนึ่ง การลงนามอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนฯ ระหว่างประเทศไทยกับอิสราเอลได้ดำเนินการ เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2539 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้น (นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย) เป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทยและ นาย Avraham Shochat รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอิสราเอลเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลอิสราเอล ซึ่งต่อมาได้มีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสารอนุสัญญาฯ ระหว่างกัน เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2539 ทำให้อนุสัญญาฯ มีผลใช้บังคับนับตั้งแต่วันที่มีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2540--
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้เสนอร่างประกาศใช้อนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงการรัษฏากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีที่เก็บจากเงินได้ระหว่างประเทศกับประเทศอิสราเอล
อนึ่ง การลงนามอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนฯ ระหว่างประเทศไทยกับอิสราเอลได้ดำเนินการ เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2539 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้น (นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย) เป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทยและ นาย Avraham Shochat รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอิสราเอลเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลอิสราเอล ซึ่งต่อมาได้มีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสารอนุสัญญาฯ ระหว่างกัน เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2539 ทำให้อนุสัญญาฯ มีผลใช้บังคับนับตั้งแต่วันที่มีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2540--