ทำเนียบรัฐบาล--28 ธ.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามมติคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การสวนยาง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ในการขยายระยะเวลาการใช้วงเงินการปรับอัตราดอกเบี้ย การเพิ่มวงเงินกู้เพื่อชำระดอกเบี้ย และการตั้งงบประมาณเพื่อชำระหนี้แต่ละปีงบประมาณ ซึ่งจะทำให้มีเงินชำระค่าดอกเบี้ยค้างจ่ายและสามารถต่อตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อเป็นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของโครงการแทรกแซงตลาดยางพาราในส่วนที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้เป็นหนี้ปกติ รวมทั้งทำให้การดำเนินงานตามโครงการแทรกแซงตลาดยางพาราทุกระยะยังคงสามารถดำเนินการต่อไปได้หลังจากวันที่ 31 ธันวาคม 2542 แล้ว รวม 4 ข้อ ดังนี้
1. ให้ขยายระยะเวลาวงเงินกู้โครงการแทรกแซงตลาดยางพาราที่กู้จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำแนกเป็น11 วงเงิน รวมทั้งสิ้น 18,626 ล้านบาท โดยให้ขยายเวลาเป็นสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2543 และให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน
2. ให้เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย และอัตราเบี้ยปรับผิดกำหนดชำระของโครงการแทรกแซงตลาดยางพาราตามที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ปรับลดตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) คิดเบี้ยปรับที่เกิดขึ้นจากการผิดนัดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยที่ผ่านมาได้ และอนุมัติให้ใช้วงเงินกู้ส่วนที่เหลือตามวงเงินกู้ 1,000 ล้านบาท ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 30 ธันวาคม 2542 ให้สามารถชำระค่าดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้
3. ให้กู้เงินธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพิ่มเติมเพื่อชำระดอกเบี้ย เบี้ยปรับส่วนที่ค้างชำระส่วนที่จะเกิดขึ้นในปี2542 และในปี 2543 รวม 487 ล้านบาท มีระยะเวลาสิ้นสุดการใช้วงเงินในวันที่ 31 ธันวาคม 2543 โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน
4. ให้สำนักงบประมาณตั้งงบประมาณเพื่อชดเชยผลการขาดทุนและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นของโครงการแทรกแซงตลาดยางพาราแต่ละช่วง เมื่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองบัญชีโครงการแต่ละช่วงแล้ว โดยให้ใช้การประเมินมูลค่ายางของโครงการแทรกแซงตลาดยางพาราตามราคาตลาดในขณะปิดบัญชีได้ แทนการรอจำหน่ายยางทั้งหมดแล้วปิดบัญชีเพื่อไม่ให้รัฐต้องรับภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นเนื่องจากรอเวลาการจำหน่ายยาง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 28 ธันวาคม 2542--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามมติคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การสวนยาง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ในการขยายระยะเวลาการใช้วงเงินการปรับอัตราดอกเบี้ย การเพิ่มวงเงินกู้เพื่อชำระดอกเบี้ย และการตั้งงบประมาณเพื่อชำระหนี้แต่ละปีงบประมาณ ซึ่งจะทำให้มีเงินชำระค่าดอกเบี้ยค้างจ่ายและสามารถต่อตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อเป็นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของโครงการแทรกแซงตลาดยางพาราในส่วนที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้เป็นหนี้ปกติ รวมทั้งทำให้การดำเนินงานตามโครงการแทรกแซงตลาดยางพาราทุกระยะยังคงสามารถดำเนินการต่อไปได้หลังจากวันที่ 31 ธันวาคม 2542 แล้ว รวม 4 ข้อ ดังนี้
1. ให้ขยายระยะเวลาวงเงินกู้โครงการแทรกแซงตลาดยางพาราที่กู้จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำแนกเป็น11 วงเงิน รวมทั้งสิ้น 18,626 ล้านบาท โดยให้ขยายเวลาเป็นสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2543 และให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน
2. ให้เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย และอัตราเบี้ยปรับผิดกำหนดชำระของโครงการแทรกแซงตลาดยางพาราตามที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ปรับลดตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) คิดเบี้ยปรับที่เกิดขึ้นจากการผิดนัดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยที่ผ่านมาได้ และอนุมัติให้ใช้วงเงินกู้ส่วนที่เหลือตามวงเงินกู้ 1,000 ล้านบาท ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 30 ธันวาคม 2542 ให้สามารถชำระค่าดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้
3. ให้กู้เงินธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพิ่มเติมเพื่อชำระดอกเบี้ย เบี้ยปรับส่วนที่ค้างชำระส่วนที่จะเกิดขึ้นในปี2542 และในปี 2543 รวม 487 ล้านบาท มีระยะเวลาสิ้นสุดการใช้วงเงินในวันที่ 31 ธันวาคม 2543 โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน
4. ให้สำนักงบประมาณตั้งงบประมาณเพื่อชดเชยผลการขาดทุนและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นของโครงการแทรกแซงตลาดยางพาราแต่ละช่วง เมื่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองบัญชีโครงการแต่ละช่วงแล้ว โดยให้ใช้การประเมินมูลค่ายางของโครงการแทรกแซงตลาดยางพาราตามราคาตลาดในขณะปิดบัญชีได้ แทนการรอจำหน่ายยางทั้งหมดแล้วปิดบัญชีเพื่อไม่ให้รัฐต้องรับภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นเนื่องจากรอเวลาการจำหน่ายยาง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 28 ธันวาคม 2542--