แท็ก
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักนายกรัฐมนตรี
ร่างพระราชบัญญัติ
กระทรวงยุติธรรม
สภาผู้แทนราษฎร
คณะรัฐมนตรี
ทำเนียบรัฐบาล--6 ต.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา) และกระทรวงยุติธรรมเสนอ ร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการกำหนดให้มีตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสในศาลชั้นต้นจำนวน 2 ฉบับ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจาณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ดังนี้
1. ร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส พ.ศ. .... ซึ่งได้พิจารณายกร่างขึ้นมาใหม่แทนร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลากาาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ..... โดยมีสาระสำคัญคือ
1.1 กำหนดให้มีตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสในศาลชั้นต้น โดยกำหนดอำนาจหน้าที่ของผู้พิพากษาอาวุโสให้ชัดเจนว่านอกจากนั่งพิจารณาพิพากษาคดีในศาลชั้นต้นแล้วให้เป็นที่ปรึกษาของผู้พิพากษาในศาลนั้นด้วย และให้มีอำนาจสั่งคำร้อง ฯลฯ เช่นเดียวกับอำนาจของผู้พิพากษาคนเดียวตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม
1.2 กำหนดเงินเดือนของผู้พิพากษาอาวุโส โดยให้รับเงินเดือนเท่ากับเงินเดือนเดิมก่อนดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส นอกจากนี้ ได้ระบุความหมายของเงินเดือนเดิมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งกำหนดในเรื่องการได้รับเงินประจำตำแหน่งให้สอดคล้องกับการได้รับเงินเดือนด้วย
1.3 ผู้พิพากษาอาวุโสไม่มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการตุลาการผู้ทรงคุณวุฒิใน ก.ต.
2. ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ
2.1 แก้ไขเรื่องการเกษียณอายุของข้าราชการตุลาการ จากร่างเดิมที่กำหนดให้มีการเกษียณอายุเพียง 2 กรณี เป็น3 กรณี คือ 1) กรณีปกติจะเกษียณอายุเมื่อสิ้นปีงบประมาณที่มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ 2) กรณีที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุใสจะเกษียณอายุเมื่อสิ้นปีงบประมาณที่มีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์เมื่อไม่ผ่านการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่และ 3) กรณีผู้พิพากษาอาวุโสที่ผ่านการประเมินดังกล่าวแล้ว จะเกษียณอายุเมื่อสิ้นปีงบประมาณที่มีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสฯ
2.2 แก้ไขระยะเวลาการยื่นบัญชีรายชื่อข้าราชการตุลาการที่มีสิทธิจะได้รับบำเหน็จบำนาญเพราะเกษียณอายุ จากเดิมที่กำหนดให้ยื่นก่อนเกษียณอายุไม่น้อยกว่าหนึ่งปี เป็นให้ยื่นก่อนไม่น้อยกว่าหกสิบวัน
กระทรวงยุติธรรมพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วยกับหลักการของร่างพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับ ยกเว้นเรื่องให้สิทธิผู้พิพากษาอาวุโสได้รับเลือกเป็นกรรมการตุลาการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการตุลาการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งกระทรวงยุติธรรมขอยืนยันหลักการเดิม คือมิให้ข้าราชการผู้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสมีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการตุลาการฯ และได้แก้ไขเพิ่มเติมข้อยกเว้นดังกล่าวในร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส พ.ศ. .... เสนอมาเพื่อดำเนินการอีกฉบับหนึ่ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 6 ตุลาคม 2541--
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา) และกระทรวงยุติธรรมเสนอ ร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการกำหนดให้มีตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสในศาลชั้นต้นจำนวน 2 ฉบับ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจาณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ดังนี้
1. ร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส พ.ศ. .... ซึ่งได้พิจารณายกร่างขึ้นมาใหม่แทนร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลากาาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ..... โดยมีสาระสำคัญคือ
1.1 กำหนดให้มีตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสในศาลชั้นต้น โดยกำหนดอำนาจหน้าที่ของผู้พิพากษาอาวุโสให้ชัดเจนว่านอกจากนั่งพิจารณาพิพากษาคดีในศาลชั้นต้นแล้วให้เป็นที่ปรึกษาของผู้พิพากษาในศาลนั้นด้วย และให้มีอำนาจสั่งคำร้อง ฯลฯ เช่นเดียวกับอำนาจของผู้พิพากษาคนเดียวตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม
1.2 กำหนดเงินเดือนของผู้พิพากษาอาวุโส โดยให้รับเงินเดือนเท่ากับเงินเดือนเดิมก่อนดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส นอกจากนี้ ได้ระบุความหมายของเงินเดือนเดิมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งกำหนดในเรื่องการได้รับเงินประจำตำแหน่งให้สอดคล้องกับการได้รับเงินเดือนด้วย
1.3 ผู้พิพากษาอาวุโสไม่มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการตุลาการผู้ทรงคุณวุฒิใน ก.ต.
2. ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ
2.1 แก้ไขเรื่องการเกษียณอายุของข้าราชการตุลาการ จากร่างเดิมที่กำหนดให้มีการเกษียณอายุเพียง 2 กรณี เป็น3 กรณี คือ 1) กรณีปกติจะเกษียณอายุเมื่อสิ้นปีงบประมาณที่มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ 2) กรณีที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุใสจะเกษียณอายุเมื่อสิ้นปีงบประมาณที่มีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์เมื่อไม่ผ่านการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่และ 3) กรณีผู้พิพากษาอาวุโสที่ผ่านการประเมินดังกล่าวแล้ว จะเกษียณอายุเมื่อสิ้นปีงบประมาณที่มีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสฯ
2.2 แก้ไขระยะเวลาการยื่นบัญชีรายชื่อข้าราชการตุลาการที่มีสิทธิจะได้รับบำเหน็จบำนาญเพราะเกษียณอายุ จากเดิมที่กำหนดให้ยื่นก่อนเกษียณอายุไม่น้อยกว่าหนึ่งปี เป็นให้ยื่นก่อนไม่น้อยกว่าหกสิบวัน
กระทรวงยุติธรรมพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วยกับหลักการของร่างพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับ ยกเว้นเรื่องให้สิทธิผู้พิพากษาอาวุโสได้รับเลือกเป็นกรรมการตุลาการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการตุลาการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งกระทรวงยุติธรรมขอยืนยันหลักการเดิม คือมิให้ข้าราชการผู้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสมีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการตุลาการฯ และได้แก้ไขเพิ่มเติมข้อยกเว้นดังกล่าวในร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส พ.ศ. .... เสนอมาเพื่อดำเนินการอีกฉบับหนึ่ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 6 ตุลาคม 2541--