ทำเนียบรัฐบาล--20 ก.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบการจัดวางระบบการประเมินผลหน่วยงานและโครงการในระบบเปิด ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ประธานคณะกรรมการว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนของหน่วยงานของรัฐ เสนอ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานภาคราชการ และสร้างวัฒนธรรมใหม่โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารและการจัดการภาครัฐ รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับแผนแม่บทการปฏิรูประบบราชการ พ.ศ. 2540 - 2544 และแผนปฏิรูประบบบริหารภาครัฐดังกล่าว ดังนี้
1. กำหนดนโยบายและหลักการให้ทุกส่วนราชการดำเนินการให้มีการประเมินผลหน่วยงานและโครงการในระบบเปิด ตามที่สำนักงาน ก.พ. และคณะกรรมการว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนของหน่วยงานของรัฐกำหนด และกำหนดให้มีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประเมินผลหน่วยงานและโครงการในระบบเปิด เพื่อให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป
2. ในระยะแรก ให้สำนักงาน ก.พ. รับผิดชอบเป็นหน่วยงานกลางทำหน้าที่ในการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของส่วนราชการ และรายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเป็นระยะ พร้อมทั้งจัดเตรียมและพัฒนาองค์กรเพื่อให้ทำหน้าที่ประเมินผลหน่วยงานและโครงการ
3. ให้สำนักงาน ก.พ. เป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมและพัฒนาเจ้าหน้าที่เพื่อรับผิดชอบในการตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผล ให้มีสมรรถนะในการปฏิบัติงานที่สูง
4. ให้สำนักงบประมาณให้การสนับสนุนเงินงบประมาณ ให้แก่ส่วนราชการในการดำเนินการประเมินผลหน่วยงานและโครงการในระบบเปิด และให้การสนับสนุนเงินงบประมาณในการพัฒนาเจ้าหน้าที่และองค์กร ติดตาม ประเมินผล ตามความจำเป็นและเหมาะสม
การกำหนดให้ทุกส่วนราชการมีการประเมินผลหน่วยงานและโครงการในระบบเปิด มีหลักการและเหตุผล ดังนี้
1. ความสำคัญและปัญหาในการประเมินผลที่ผ่านมา
1.1 ความสำคัญ ระบบประเมินผลถือได้ว่าเป็นกลไกที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งในกระบวนการบริหารจัดการ การพัฒนาไปสู่ภาคปฏิบัติ ซึ่งตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540 - 2544) ได้เห็นความสำคัญและความจำเป็นในการพัฒนาระบบการติดตามและประเมินผลที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในลักษณะสอดคล้องกับกระบวนการพัฒนาและกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยมุ่งหวังให้การติดตามประเมินผลเป็นเครื่องมือที่ใช้วัดความสำเร็จ ความล้มเหลวของการพัฒนาประเทศ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีระบบการประเมินผลที่ได้รับการยอมรับและเป็นระบบที่วัดผลการพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.2 ปัญหาการประเมินผลที่ผ่านมา มีการนำการประเมินผลมาใช้แพร่หลายในการประเมินโครงการ ซึ่งมักจะกระทำโดยบุคคล 3 กลุ่มใหญ่ คือ นักบริหารและเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติซึ่งรับผิดชอบในฐาะนะผู้ปฏิบัติ หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ และประชาชนผู้รับบริการหรือประชาชนกลุ่มเป้าหมายของโครงการ โดยการประเมินผลโครงการส่วนใหญ่ยังมีปัญหาที่สำคัญ ๆ ดังนี้
1) ปัญหาการขาดข้อมูลที่ถูกต้อง (Valid) และน่าเชื่อถือ (Reliable) โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบโครงการ
2) การประเมินผลมักจะกระทำกันอย่างแคบ ๆ ในระบบปิดมักจะละเลยความคิดเห็นของประชาชนผู้รับบริการ
3) ระบบการประเมินผลยังขาดมาตรฐานโดยเฉพาะเกณฑ์และตัวชี้วัด และขาดความถูกต้องน่าเชื่อถือ รวมทั้งไม่สามารถสะท้อนปัญหาในการนำนโยบายและโครงการไปปฏิบัติตามจริง รวมทั้งการประเมินผลยังมีปัญหาในเรื่องวิธีวิทยา (Methodolgy)โดยเฉพาะระเบียบวิธีในการกำหนดรูปแบบการประเมิน การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล การขาดเครื่องมือในการวัดความถูกต้องและความน่าเชื่อถือ
4) ผู้ที่ทำหน้าที่ประเมินยังขาดความรู้และทักษะ ทำให้มีการเลือกประเมิน และขาดพื้นฐานวิชาการรองรับ
2. การประเมินผลระบบเปิด ประกอบด้วยมิติที่สำคัญ 3 ประการ
2.1 ประชาชนผู้รับบริการ ให้อำนาจประชาชนผู้รับบริการ เป็นผู้ให้ข้อมูลผลการประเมินโดยตรง หรือเป็นผู้ประเมินโดยตรง
2.2 องค์กรกลางในการประเมินผล ควรเป็นหน่วยงานหรือสถาบันที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการดำเนินงาน มีความชำนาญในการประเมิน มีความน่าเชื่อถือ และได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย
2.3 เกณฑ์มาตรฐานและตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรมในเชิงผลิตผล (Outputs) ผลลัพธ์ (Outcomes) และผลกระทบ (Impacts)
3. กลยุทธ์และมาตรการในการประเมินผลระบบเปิด จะมีกลยุทธ์ที่สำคัญรวม 8 ด้าน คือ
3.1 การมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจวางแผน การให้ข้อมูล และการประเมินผลโดยตรง
3.2 การให้ความสำคัญเรื่อง ระบบข้อมูลเพื่อการบริหารและการประเมินผล
3.3 ความโปร่งใส และการตรวจสอบสาธารณะ
3.4 การปรับระบบจากระบบปิดมาเป็นระบบเปิด
3.5 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อการประเมินผล
3.6 การสื่อสารจะเป็นการสื่อสารแบบสองทาง
3.7 การประชาสัมพันธ์ในเชิงรุก
3.8 ระบบสิ่งจูงใจและรางวัลทางสังคม
การประเมินผลในระบบเปิด เป็นเรื่องที่มีความสำคัญในฐานะเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบสัมฤทธิ์ผลของนโยบายและเป็นกลไกสำหรับการตรวจสอบความสำเร็จหรือความล้มเหลวของการนำนโยบายไปปฏิบัติ และเป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับปรุงการบริหารและการพัฒนาการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและการบริหารโครงการพัฒนาให้มีการบริหารจัดการที่ดี มีการดำเนินงานที่โปร่งใส และมุ่งให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริมให้มีองค์กรกลางเพื่อการประเมินผล มีเกณฑ์และตัวชี้วัดการประเมินระบบตรวจสอบที่เปิดกว้าง เพื่อให้การดำเนินงานสามารถสนองตอบต่อเป้าหมายสุดท้าย ได้แก่ผลประโยชน์สาธารณะ การตอบสนองความพึงพอใจของประชากรกลุ่มเป้าหมาย คุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน สิทธิเสรีภาพและความเป็นธรรมในสังคม การปรับปรุงพัฒนา การบริหารภาครัฐและเสริมสร้างวัตกรรม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวัฒนธรรมในการบริหารจัดการที่ดี
การที่จะบรรลุเป้าหมาย จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนและมีการปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อระบบการประเมินผลในระบบเปิด โดยมีองค์ประกอบสำคัญ 7 ประการ คือ
1) ภาวะผู้นำและเจตจำนงค์ทางการเมือง
2) การส่งเสริมและพัฒนากระบวนการทางการเมือง
3) การปฏิรูปเพื่อการบริหารจัดการที่ดี
4) องค์กรกลางในการประเมิน
5) การปรับเปลี่ยนบทบาทของหน่วยงาน
6) การปรับเปลี่ยนทัศนคติของเจ้าหน้าที่
7) การส่งเสริมบทบาทของประชาชนและชุมชน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 20 กรกฎาคม 2542--
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบการจัดวางระบบการประเมินผลหน่วยงานและโครงการในระบบเปิด ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ประธานคณะกรรมการว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนของหน่วยงานของรัฐ เสนอ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานภาคราชการ และสร้างวัฒนธรรมใหม่โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารและการจัดการภาครัฐ รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับแผนแม่บทการปฏิรูประบบราชการ พ.ศ. 2540 - 2544 และแผนปฏิรูประบบบริหารภาครัฐดังกล่าว ดังนี้
1. กำหนดนโยบายและหลักการให้ทุกส่วนราชการดำเนินการให้มีการประเมินผลหน่วยงานและโครงการในระบบเปิด ตามที่สำนักงาน ก.พ. และคณะกรรมการว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนของหน่วยงานของรัฐกำหนด และกำหนดให้มีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประเมินผลหน่วยงานและโครงการในระบบเปิด เพื่อให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป
2. ในระยะแรก ให้สำนักงาน ก.พ. รับผิดชอบเป็นหน่วยงานกลางทำหน้าที่ในการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของส่วนราชการ และรายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเป็นระยะ พร้อมทั้งจัดเตรียมและพัฒนาองค์กรเพื่อให้ทำหน้าที่ประเมินผลหน่วยงานและโครงการ
3. ให้สำนักงาน ก.พ. เป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมและพัฒนาเจ้าหน้าที่เพื่อรับผิดชอบในการตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผล ให้มีสมรรถนะในการปฏิบัติงานที่สูง
4. ให้สำนักงบประมาณให้การสนับสนุนเงินงบประมาณ ให้แก่ส่วนราชการในการดำเนินการประเมินผลหน่วยงานและโครงการในระบบเปิด และให้การสนับสนุนเงินงบประมาณในการพัฒนาเจ้าหน้าที่และองค์กร ติดตาม ประเมินผล ตามความจำเป็นและเหมาะสม
การกำหนดให้ทุกส่วนราชการมีการประเมินผลหน่วยงานและโครงการในระบบเปิด มีหลักการและเหตุผล ดังนี้
1. ความสำคัญและปัญหาในการประเมินผลที่ผ่านมา
1.1 ความสำคัญ ระบบประเมินผลถือได้ว่าเป็นกลไกที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งในกระบวนการบริหารจัดการ การพัฒนาไปสู่ภาคปฏิบัติ ซึ่งตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540 - 2544) ได้เห็นความสำคัญและความจำเป็นในการพัฒนาระบบการติดตามและประเมินผลที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในลักษณะสอดคล้องกับกระบวนการพัฒนาและกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยมุ่งหวังให้การติดตามประเมินผลเป็นเครื่องมือที่ใช้วัดความสำเร็จ ความล้มเหลวของการพัฒนาประเทศ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีระบบการประเมินผลที่ได้รับการยอมรับและเป็นระบบที่วัดผลการพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.2 ปัญหาการประเมินผลที่ผ่านมา มีการนำการประเมินผลมาใช้แพร่หลายในการประเมินโครงการ ซึ่งมักจะกระทำโดยบุคคล 3 กลุ่มใหญ่ คือ นักบริหารและเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติซึ่งรับผิดชอบในฐาะนะผู้ปฏิบัติ หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ และประชาชนผู้รับบริการหรือประชาชนกลุ่มเป้าหมายของโครงการ โดยการประเมินผลโครงการส่วนใหญ่ยังมีปัญหาที่สำคัญ ๆ ดังนี้
1) ปัญหาการขาดข้อมูลที่ถูกต้อง (Valid) และน่าเชื่อถือ (Reliable) โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบโครงการ
2) การประเมินผลมักจะกระทำกันอย่างแคบ ๆ ในระบบปิดมักจะละเลยความคิดเห็นของประชาชนผู้รับบริการ
3) ระบบการประเมินผลยังขาดมาตรฐานโดยเฉพาะเกณฑ์และตัวชี้วัด และขาดความถูกต้องน่าเชื่อถือ รวมทั้งไม่สามารถสะท้อนปัญหาในการนำนโยบายและโครงการไปปฏิบัติตามจริง รวมทั้งการประเมินผลยังมีปัญหาในเรื่องวิธีวิทยา (Methodolgy)โดยเฉพาะระเบียบวิธีในการกำหนดรูปแบบการประเมิน การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล การขาดเครื่องมือในการวัดความถูกต้องและความน่าเชื่อถือ
4) ผู้ที่ทำหน้าที่ประเมินยังขาดความรู้และทักษะ ทำให้มีการเลือกประเมิน และขาดพื้นฐานวิชาการรองรับ
2. การประเมินผลระบบเปิด ประกอบด้วยมิติที่สำคัญ 3 ประการ
2.1 ประชาชนผู้รับบริการ ให้อำนาจประชาชนผู้รับบริการ เป็นผู้ให้ข้อมูลผลการประเมินโดยตรง หรือเป็นผู้ประเมินโดยตรง
2.2 องค์กรกลางในการประเมินผล ควรเป็นหน่วยงานหรือสถาบันที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการดำเนินงาน มีความชำนาญในการประเมิน มีความน่าเชื่อถือ และได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย
2.3 เกณฑ์มาตรฐานและตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรมในเชิงผลิตผล (Outputs) ผลลัพธ์ (Outcomes) และผลกระทบ (Impacts)
3. กลยุทธ์และมาตรการในการประเมินผลระบบเปิด จะมีกลยุทธ์ที่สำคัญรวม 8 ด้าน คือ
3.1 การมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจวางแผน การให้ข้อมูล และการประเมินผลโดยตรง
3.2 การให้ความสำคัญเรื่อง ระบบข้อมูลเพื่อการบริหารและการประเมินผล
3.3 ความโปร่งใส และการตรวจสอบสาธารณะ
3.4 การปรับระบบจากระบบปิดมาเป็นระบบเปิด
3.5 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อการประเมินผล
3.6 การสื่อสารจะเป็นการสื่อสารแบบสองทาง
3.7 การประชาสัมพันธ์ในเชิงรุก
3.8 ระบบสิ่งจูงใจและรางวัลทางสังคม
การประเมินผลในระบบเปิด เป็นเรื่องที่มีความสำคัญในฐานะเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบสัมฤทธิ์ผลของนโยบายและเป็นกลไกสำหรับการตรวจสอบความสำเร็จหรือความล้มเหลวของการนำนโยบายไปปฏิบัติ และเป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับปรุงการบริหารและการพัฒนาการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและการบริหารโครงการพัฒนาให้มีการบริหารจัดการที่ดี มีการดำเนินงานที่โปร่งใส และมุ่งให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริมให้มีองค์กรกลางเพื่อการประเมินผล มีเกณฑ์และตัวชี้วัดการประเมินระบบตรวจสอบที่เปิดกว้าง เพื่อให้การดำเนินงานสามารถสนองตอบต่อเป้าหมายสุดท้าย ได้แก่ผลประโยชน์สาธารณะ การตอบสนองความพึงพอใจของประชากรกลุ่มเป้าหมาย คุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน สิทธิเสรีภาพและความเป็นธรรมในสังคม การปรับปรุงพัฒนา การบริหารภาครัฐและเสริมสร้างวัตกรรม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวัฒนธรรมในการบริหารจัดการที่ดี
การที่จะบรรลุเป้าหมาย จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนและมีการปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อระบบการประเมินผลในระบบเปิด โดยมีองค์ประกอบสำคัญ 7 ประการ คือ
1) ภาวะผู้นำและเจตจำนงค์ทางการเมือง
2) การส่งเสริมและพัฒนากระบวนการทางการเมือง
3) การปฏิรูปเพื่อการบริหารจัดการที่ดี
4) องค์กรกลางในการประเมิน
5) การปรับเปลี่ยนบทบาทของหน่วยงาน
6) การปรับเปลี่ยนทัศนคติของเจ้าหน้าที่
7) การส่งเสริมบทบาทของประชาชนและชุมชน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 20 กรกฎาคม 2542--