แท็ก
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ร่างพระราชบัญญัติ
กระทรวงพาณิชย์
สภาผู้แทนราษฎร
ทำเนียบรัฐบาล
คณะรัฐมนตรี
ทำเนียบรัฐบาล--1 ก.ย.--บิสนิวส์ คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองภูมิลักษณะของวงจรรวม พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาโดยเร็ว และให้นำเสนอคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ทันกำหนดระยะเวลาตามพันธกรณีที่มีอยู่กับองค์การการค้าโลกดังกล่าวต่อไป
เนื่องจากประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (World Trade Organization หรือ WTO) เมื่อปี พ.ศ. 2537 ทำให้ไทยมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตามข้อ 35 - 38 แห่งความตกลงรอบอุรุกวัยว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า (TRIPS) ที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกจะต้องให้ความคุ้มครองภูมิลักษณะของวงจรรวมภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ 1 มกราคม 2538ระยะเวลาดังกล่าวจะครบกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2542 และเนื่องจากกฎหมายไทยที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่เพียงพอที่จะรองรับพันธกรณีข้างต้น จึงต้องตรากฎหมายคุ้มครองภูมิลักษณะของวงจรรวมให้สอดคล้องกับมาตรฐานการคุ้มครองภูมิลักษณะของวงจรรวมที่กำหนดไว้ในความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาดังกล่าว ซึ่งคณะอนุกรรมการพิจารณาพันธกรณีของไทยด้านการออกแบบวงจรรวมตามกรรมสารสุดท้ายของการเจรจารอบอุรุกวัย ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะกรรมการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมายและพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งแต่งตั้งโดยกระทรวงพาณิชย์โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ได้ยกร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองภูมิลักษณะของวงจรรวม พ.ศ. .... ขึ้น และได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมายพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว
โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. กำหนดนิยามคำว่า "วงจรรวม" และ "ภูมิลักษณะ" เพื่อให้เกิดความชัดเจน
2. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
3. กำหนดขอบเขตของภูมิลักษณะที่จะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องเป็นงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้นอันเป็นผลจากความพยายามของผู้สร้างสรรค์เอง และไม่เป็นสิ่งที่รู้กันโดยทั่วไปในอุตสาหกรรมวงจรรวม
4. กำหนดคุณสมบัติของบุคคลซึ่งจะมีสิทธิขอรับความคุ้มครองภูมิลักษณะตามพระราชบัญญัตินี้
5. ผู้ทรงสิทธิมีสิทธิแต่ผู้เดียวที่จะทำซ้ำ นำเข้า ขาย หรือจำหน่ายโดยวิธีการใด ๆ เพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์จากภูมิลักษณะที่ได้รับความคุ้มครอง หรือวงจรรวมหรืออุปกรณ์ซึ่งประกอบด้วยวงจรรวมซึ่งมีภูมิลักษณะที่ได้รับความคุ้มครองประกอบอยู่ด้วย
6. กำหนดการกระทำเฉพาะกรณีที่ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิในภูมิลักษณะของผู้ทรงสิทธิ เช่น การทำซ้ำที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษา วิจัยหรือที่มิใช่เพื่อประโยชน์ในทางพาณิชย์ การนำเข้า ขาย หรือจำหน่ายที่ผู้กระทำมิได้รู้ในขณะที่ได้ภูมิลักษณะมาว่าเป็นการทำซ้ำซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
7. หนังสือสำคัญภูมิลักษณะมีอายุการคุ้มครองสิบปีนับแต่วันที่ยื่นขอจดทะเบียน หรือวันที่นำภูมิลักษณะออกหาประโยชน์ในเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักร แล้วแต่วันใดจะเกิดขึ้นก่อน แต่ทั้งนี้ไม่เกินสิบห้าปีนับแต่วันที่สร้างสรรค์ภูมิลักษณะนั้น
8. กำหนดให้มีการบังคับใช้สิทธิได้ หากปรากฏว่าผู้ทรงสิทธิไม่ผลิตหรือไม่ขาย หรือขายภูมิลักษณะในราคาที่สูงเกินควร ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรักษาให้เกิดความสงบเรียบร้อยภายในประเทศและป้องกันการผูกขาดทางการค้า
9. กำหนดให้มีคณะกรรมการภูมิลักษณะโดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน
10. กำหนดให้การกระทำอันฝ่าฝืนบทบัญญัติตามพระราชบัญญัตินี้เป็นความผิดทางอาญาและมีบทกำหนดโทษ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 1 กันยายน 2541--
เนื่องจากประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (World Trade Organization หรือ WTO) เมื่อปี พ.ศ. 2537 ทำให้ไทยมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตามข้อ 35 - 38 แห่งความตกลงรอบอุรุกวัยว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า (TRIPS) ที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกจะต้องให้ความคุ้มครองภูมิลักษณะของวงจรรวมภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ 1 มกราคม 2538ระยะเวลาดังกล่าวจะครบกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2542 และเนื่องจากกฎหมายไทยที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่เพียงพอที่จะรองรับพันธกรณีข้างต้น จึงต้องตรากฎหมายคุ้มครองภูมิลักษณะของวงจรรวมให้สอดคล้องกับมาตรฐานการคุ้มครองภูมิลักษณะของวงจรรวมที่กำหนดไว้ในความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาดังกล่าว ซึ่งคณะอนุกรรมการพิจารณาพันธกรณีของไทยด้านการออกแบบวงจรรวมตามกรรมสารสุดท้ายของการเจรจารอบอุรุกวัย ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะกรรมการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมายและพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งแต่งตั้งโดยกระทรวงพาณิชย์โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ได้ยกร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองภูมิลักษณะของวงจรรวม พ.ศ. .... ขึ้น และได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมายพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว
โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. กำหนดนิยามคำว่า "วงจรรวม" และ "ภูมิลักษณะ" เพื่อให้เกิดความชัดเจน
2. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
3. กำหนดขอบเขตของภูมิลักษณะที่จะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องเป็นงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้นอันเป็นผลจากความพยายามของผู้สร้างสรรค์เอง และไม่เป็นสิ่งที่รู้กันโดยทั่วไปในอุตสาหกรรมวงจรรวม
4. กำหนดคุณสมบัติของบุคคลซึ่งจะมีสิทธิขอรับความคุ้มครองภูมิลักษณะตามพระราชบัญญัตินี้
5. ผู้ทรงสิทธิมีสิทธิแต่ผู้เดียวที่จะทำซ้ำ นำเข้า ขาย หรือจำหน่ายโดยวิธีการใด ๆ เพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์จากภูมิลักษณะที่ได้รับความคุ้มครอง หรือวงจรรวมหรืออุปกรณ์ซึ่งประกอบด้วยวงจรรวมซึ่งมีภูมิลักษณะที่ได้รับความคุ้มครองประกอบอยู่ด้วย
6. กำหนดการกระทำเฉพาะกรณีที่ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิในภูมิลักษณะของผู้ทรงสิทธิ เช่น การทำซ้ำที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษา วิจัยหรือที่มิใช่เพื่อประโยชน์ในทางพาณิชย์ การนำเข้า ขาย หรือจำหน่ายที่ผู้กระทำมิได้รู้ในขณะที่ได้ภูมิลักษณะมาว่าเป็นการทำซ้ำซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
7. หนังสือสำคัญภูมิลักษณะมีอายุการคุ้มครองสิบปีนับแต่วันที่ยื่นขอจดทะเบียน หรือวันที่นำภูมิลักษณะออกหาประโยชน์ในเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักร แล้วแต่วันใดจะเกิดขึ้นก่อน แต่ทั้งนี้ไม่เกินสิบห้าปีนับแต่วันที่สร้างสรรค์ภูมิลักษณะนั้น
8. กำหนดให้มีการบังคับใช้สิทธิได้ หากปรากฏว่าผู้ทรงสิทธิไม่ผลิตหรือไม่ขาย หรือขายภูมิลักษณะในราคาที่สูงเกินควร ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรักษาให้เกิดความสงบเรียบร้อยภายในประเทศและป้องกันการผูกขาดทางการค้า
9. กำหนดให้มีคณะกรรมการภูมิลักษณะโดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน
10. กำหนดให้การกระทำอันฝ่าฝืนบทบัญญัติตามพระราชบัญญัตินี้เป็นความผิดทางอาญาและมีบทกำหนดโทษ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 1 กันยายน 2541--