ทำเนียบรัฐบาล--13 พ.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการค้ำประกันเงินกู้โครงการเงินกู้ร่วมเพื่อสนับสนุนการส่งออกของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับสาระสำคัญของเรื่องมีดังนี้
1. กระทรวงการคลังรายงานว่า ได้มีการลงนามในสัญญาค้ำประกับเงินกู้ภายใต้โครงการ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2541 ตามสาระสำคัญที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามในนามราชอาณาจักรไทย
2. กระทรวงการคลังชี้แจงว่า การกู้เงินภายใต้โครงการดังกล่าว ในวงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการกู้เงินจากตลาดการเงินต่างประเทศที่มีวงเงินสูงที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยกู้มา โดยมีสถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศจากภูมิภาคต่าง ๆ รวม 64 แห่ง ได้แก่ ทวีปเอเซีย 16 แห่ง ทวีปยุโรป 37 แห่ง ประเทศญี่ปุ่น 7 แห่ง ทวีปอเมริกาเหนือ 3 แห่ง และประเทศอัฟริกาใต้ 1 แห่ง ได้แจ้งความจำนงเข้าร่วมโครงการเงินกู้ดังกล่าว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นสถาบันการเงินและธนาคารที่ยังไม่เคยมี Credit Line ให้แก่ประเทศไทยมาก่อน นับเป็นสัญญาณชี้ชัดถึงความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินในตลาดการเงินระหว่างประเทศที่มีต่อประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นการขยายฐานการระดมทุนไปยังแหล่งเงินกู้ใหม่ ๆ และสร้าง Benchmark ให้กับภาคเอกชนที่ต้องการระดมเงินทุนจากตลาดการเงินระหว่างประเทศในอนาคตอีกด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 12 พฤษภาคม 2541--
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการค้ำประกันเงินกู้โครงการเงินกู้ร่วมเพื่อสนับสนุนการส่งออกของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับสาระสำคัญของเรื่องมีดังนี้
1. กระทรวงการคลังรายงานว่า ได้มีการลงนามในสัญญาค้ำประกับเงินกู้ภายใต้โครงการ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2541 ตามสาระสำคัญที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามในนามราชอาณาจักรไทย
2. กระทรวงการคลังชี้แจงว่า การกู้เงินภายใต้โครงการดังกล่าว ในวงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการกู้เงินจากตลาดการเงินต่างประเทศที่มีวงเงินสูงที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยกู้มา โดยมีสถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศจากภูมิภาคต่าง ๆ รวม 64 แห่ง ได้แก่ ทวีปเอเซีย 16 แห่ง ทวีปยุโรป 37 แห่ง ประเทศญี่ปุ่น 7 แห่ง ทวีปอเมริกาเหนือ 3 แห่ง และประเทศอัฟริกาใต้ 1 แห่ง ได้แจ้งความจำนงเข้าร่วมโครงการเงินกู้ดังกล่าว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นสถาบันการเงินและธนาคารที่ยังไม่เคยมี Credit Line ให้แก่ประเทศไทยมาก่อน นับเป็นสัญญาณชี้ชัดถึงความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินในตลาดการเงินระหว่างประเทศที่มีต่อประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นการขยายฐานการระดมทุนไปยังแหล่งเงินกู้ใหม่ ๆ และสร้าง Benchmark ให้กับภาคเอกชนที่ต้องการระดมเงินทุนจากตลาดการเงินระหว่างประเทศในอนาคตอีกด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 12 พฤษภาคม 2541--