ทำเนียบรัฐบาล--4 ก.พ.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีหลักการสำคัญในการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมัคร สุนทรเวช) ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ เนื่องจากบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ในส่วนที่เกี่ยวกับองค์ประกอบของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและการบริหารงานคุ้มครองผู้บริโภค อันได้แก่ การตรวจตรา กำกับดูแล และประสานงานการปฏิบัติงานของส่วนราชการต่าง ๆ ในการให้ความคุ้มครองแก่ผู้บริโภคยังไม่เหมาะสม และโดยที่ในปัจจุบันปรากฏว่ามีผู้บริโภคเป็นจำนวนมากยังไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามที่กฎหมายเฉพาะว่าด้วยการนั้น ๆ บัญญัติไว้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดจนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญากับผู้ประกอบธุรกิจมากขึ้น ดังนั้นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติดังกล่าวเพื่อปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ปรับปรุงองค์กรบริหารงานคุ้มครองผู้บริโภค คือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคให้ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และปรับปรุงอำนาจของคณะกรรมการเฉพาะเรื่องและคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ในการเสนอเรื่องให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาออกคำสั่งเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ในกรณีจำเป็นหรือรีบด่วน ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มบทบัญญัติกำหนดสิทธิและการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญาไว้โดยเฉพาะ ตลอดจนปรับปรุงอัตราโทษเกี่ยวกับการกระทำผิดในเรื่องการโฆษณาและฉลากให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ซึ่งร่างพระราช-บัญญัติดังกล่าว มีสาระสำคัญดังต่อไปนี้
1. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 3 เพื่อกำหนดบทนิยามคำว่า “สัญญา”
2. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 4 เพื่อกำหนดสิทธิของผู้บริโภคที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา ตลอดจนแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 14 ให้มีคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา และเพิ่มส่วนที่ 2 ทวิ การคุ้มครองผู้บริโภคในด้านสัญญา ในหมวด 2 กับแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 57 และเพิ่มมาตรา 57 ทวิ เพื่อกำหนดบทลงโทษในการคุ้มครองสิทธิดังกล่าว
3. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 9 เพื่อให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และกำหนดกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้นอีกสองคนในคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
4. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 19 เพื่อให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคขึ้นในสำนักนายกรัฐมนตรี
5. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 21 เพื่อกำหนดข้อยกเว้นให้คณะกรรมการเฉพาะเรื่อง และคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เสนอเรื่องให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาออกคำสั่งเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคตามความในพระราชบัญญัตินี้ได้ในกรณีจำเป็นหรือรีบด่วน ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายอื่นไม่ดำเนินการตามกฎหมายนั้น
6. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 30 เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในด้านฉลาก โดยกำหนดให้สินค้าที่ผลิตเพื่อขายโดยโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและสินค้าที่นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร เป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก และแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 31 เพื่อกำหนดให้ฉลากของสินค้าที่ควบคุมต้องมีลักษณะที่เหมาะสมยิ่งขึ้น
7. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 47 มาตรา 48 มาตรา 51 มาตรา 52 และมาตรา 54 เพื่อปรับปรุงอัตราโทษเกี่ยวกับการกระทำผิดในด้านการโฆษณาและฉลากให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยกำหนดให้มีโทษจำคุกสำหรับการกระทำผิดโดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญของสินค้าหรือบริการ และการกระทำผิดเกี่ยวกับมาตรา 22 วรรคสอง (3) (4) และ (5) มาตรา 23 มาตรา 24 มาตรา 25 และมาตรา 26 และมีโทษปรับรายวันสูงขึ้นสำหรับการกระทำผิดต่อเนื่อง
8. เพิ่มมาตรา 19 กำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2540--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีหลักการสำคัญในการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมัคร สุนทรเวช) ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ เนื่องจากบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ในส่วนที่เกี่ยวกับองค์ประกอบของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและการบริหารงานคุ้มครองผู้บริโภค อันได้แก่ การตรวจตรา กำกับดูแล และประสานงานการปฏิบัติงานของส่วนราชการต่าง ๆ ในการให้ความคุ้มครองแก่ผู้บริโภคยังไม่เหมาะสม และโดยที่ในปัจจุบันปรากฏว่ามีผู้บริโภคเป็นจำนวนมากยังไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามที่กฎหมายเฉพาะว่าด้วยการนั้น ๆ บัญญัติไว้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดจนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญากับผู้ประกอบธุรกิจมากขึ้น ดังนั้นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติดังกล่าวเพื่อปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ปรับปรุงองค์กรบริหารงานคุ้มครองผู้บริโภค คือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคให้ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และปรับปรุงอำนาจของคณะกรรมการเฉพาะเรื่องและคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ในการเสนอเรื่องให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาออกคำสั่งเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ในกรณีจำเป็นหรือรีบด่วน ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มบทบัญญัติกำหนดสิทธิและการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญาไว้โดยเฉพาะ ตลอดจนปรับปรุงอัตราโทษเกี่ยวกับการกระทำผิดในเรื่องการโฆษณาและฉลากให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ซึ่งร่างพระราช-บัญญัติดังกล่าว มีสาระสำคัญดังต่อไปนี้
1. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 3 เพื่อกำหนดบทนิยามคำว่า “สัญญา”
2. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 4 เพื่อกำหนดสิทธิของผู้บริโภคที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา ตลอดจนแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 14 ให้มีคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา และเพิ่มส่วนที่ 2 ทวิ การคุ้มครองผู้บริโภคในด้านสัญญา ในหมวด 2 กับแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 57 และเพิ่มมาตรา 57 ทวิ เพื่อกำหนดบทลงโทษในการคุ้มครองสิทธิดังกล่าว
3. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 9 เพื่อให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และกำหนดกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้นอีกสองคนในคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
4. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 19 เพื่อให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคขึ้นในสำนักนายกรัฐมนตรี
5. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 21 เพื่อกำหนดข้อยกเว้นให้คณะกรรมการเฉพาะเรื่อง และคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เสนอเรื่องให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาออกคำสั่งเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคตามความในพระราชบัญญัตินี้ได้ในกรณีจำเป็นหรือรีบด่วน ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายอื่นไม่ดำเนินการตามกฎหมายนั้น
6. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 30 เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในด้านฉลาก โดยกำหนดให้สินค้าที่ผลิตเพื่อขายโดยโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและสินค้าที่นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร เป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก และแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 31 เพื่อกำหนดให้ฉลากของสินค้าที่ควบคุมต้องมีลักษณะที่เหมาะสมยิ่งขึ้น
7. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 47 มาตรา 48 มาตรา 51 มาตรา 52 และมาตรา 54 เพื่อปรับปรุงอัตราโทษเกี่ยวกับการกระทำผิดในด้านการโฆษณาและฉลากให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยกำหนดให้มีโทษจำคุกสำหรับการกระทำผิดโดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญของสินค้าหรือบริการ และการกระทำผิดเกี่ยวกับมาตรา 22 วรรคสอง (3) (4) และ (5) มาตรา 23 มาตรา 24 มาตรา 25 และมาตรา 26 และมีโทษปรับรายวันสูงขึ้นสำหรับการกระทำผิดต่อเนื่อง
8. เพิ่มมาตรา 19 กำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2540--