ทำเนียบรัฐบาล--22 ก.พ.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลของกระทรวงมหาดไทย งวดที่ 2 ของปีงบประมาณ 2537 (เมษายน - กันยายน 2537) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ดังนี้
1. นโยบายการเมืองและการบริหารราชการ
1.1 ดำเนินการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ให้แก่ประชาชนในระดับตำบล หมู่บ้าน รวม 65,277 หมู่บ้าน และเพิ่มพูนความรู้ในการปฏิบัติงานให้แก่ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิกสภาท้องถิ่นโดยการฝึกอบรมรวม 13 หลักสูตรและจัดการฝึกอบรมในลักษณะเดียวกันให้กับคณะกรรมการหมู่บ้าน จำนวน 7,707 หมู่บ้าน คณะกรรมการสภาตำบล จำนวน 1,312 ตำบลและคณะกรรมการกลางหมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง
1.2 ปรับปรุง แก้ไข ยกเลิกกฎหมาย ระเบียบและคำสั่งที่ล้าสมัยหรือไม่เป็นธรรม ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งได้แก่ การแก้ไขพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 อยู่ในระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา การยกร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการออกบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. .... อยู่ในระหว่างการพิจารณาของกรมการปกครอง การยกร่างคำสั่งกระทรวงมหาดไทย เรื่องแต่งตั้งเจ้าพนักงานตรวจบัตรและพนักงานเจ้าหน้าที่ อยู่ในระหว่างการพิจารณาประกาศใช้บังคับ การยกร่างพระราช-บัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 อยู่ในระหว่างการพิจารณาของกรมโยธาธิการการยกร่างพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. .... อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร การยกร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการบรรจุ การเก็บ การใช้ และการส่งก๊าซ พ.ศ. .... อยู่ในระหว่างการพิจารณาของกรมโยธาธิการ และร่างพระราชบัญญัติสถานที่แสดงมหรสพอยู่ในระหว่างการพิจารณาบรรจุในวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
1.3 ปรับปรุงการให้บริการประชาชนโดยการบริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) กล่าวคือ การให้บริการประชาชนที่ปลูกบ้านใหม่ในเขตจำหน่ายของการไฟฟ้านครหลวงทั้ง 12 แห่งที่ประสงค์จะขอติดตั้งไฟฟ้าสามารถติดต่อของเลขบ้าน ติดตั้งประปาและโทรศัพท์ ได้ในคราวเดียวกัน นอกจากนี้ยังได้จัดทำโครงการ "สะดวกที่ไหน ติดต่อที่นั้น" โครงการ "ทันใจ ไฟด่วน" ซึ่งให้บริการติดตั้งเครื่องวันไฟฟ้าภายใน 1 วัน และบริการตอบข้อซักถามทางโทรศัพท์ ซึ่งสามารถให้บริการประชาชนได้ รวมทั้งสิ้น 842,312 ราย ปรับปรุงระบบการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ดิน โดยนำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ในสำนักงานที่ดิน ซึ่งได้ดำเนินการในปี 2537 แล้วจำนวน 6 แห่ง ซึ่งสามารถให้บริการแก่ประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครได้รวม 685,512 ราย ในส่วนภูมิภาค รวม 2,826,074 ราย
1.4 ประสานงานกับกระทรวง ทบวง กรม ที่เกี่ยวข้องในการเร่งรัดพัฒนา และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เสริมสร้างความเข้าใจอันดีในระดับท้องถิ่นระหว่างไทยกับมาเลเซีย จัดการฝึกอบรมตามโครงการเยาวชนสัมพันธ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกับการจัดตั้งกลุ่มเยาวชนสัมพันธ์และจัดให้มีการสัมมนาผู้นำเยาว-ชนดีเด่น จำนวน 1 รุ่น 60 คน คัดเลือกนักศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ พร้อมทั้งมอบทุนการศึกษาจำนวน 10 ทุน และรับนักศึกษาตามโครงการเข้ารับราชการจำนวน 3 คน จัดทำโครงการเผยแพร่ภาษาไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทำให้ประชาชนในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส สามารถพูดภาษาไทยได้ประมาณปีละ 2,400 คน และขยายผลให้เกิดความตื่นตัว และเห็นความสำคัญของการพูดและฟังภาษาไทยได้ประมาณปีละ 30,000 คน
1.5 จัดให้มีการเยี่ยมเยียนชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และจังหวัดอื่น ๆ ที่มีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด รวม 28 จังหวัด โดยจุฬาราชมนตรีและคณะ และพิจารณาคัดเลือกคณะกรรมการอิสลามและอิหม่ามประจำจังหวัดที่มีผลงานดีเด่นทั่วประเทศเพื่อเข้าเฝ้ารับพระราชทานรางวัล รวมทั้งการจัดเจ้าหน้าที่ไปดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่ชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย และดำเนินการก่อสร้างศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลาม ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณารูปแบบการก่อสร้าง
1.6 ดำเนินการคัดเลือกนักศึกษาชาวไทยภูเขาเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี จำนวน 3 คนพร้อมกับมอบทุนการศึกษา 20,000 บาทต่อคนต่อปี ฝึกอบรมผู้นำชาวเขาและผู้นำเยาวชนชาวเขาในพื้นที่ 11 จังหวัด 45 อำเภอรวม 450 คน ในขณะเดียวกันได้ดำเนินการผลักดันชาวเขาที่อพยพเข้ามาให้ออกไปนอกราชอาณาจักร จำนวน 1,993 คน
1.7 จัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามอาวุธสงครามและวัตถุระเบิด จัดตั้งจุดตรวจและจุดสกัด ซึ่งสามารถจับกุมอาวุธสงครามได้ 256 ราย วัตถุระเบิด 200 ราย จับผู้กระทำความผิดคดีเศรษฐกิจ จำนวน 1,317 ราย คดีโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวม 1,074 ราย และจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและปราบปรามผู้หลบหนี้เข้าเมือง ซึ่งสามารถจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมืองได้ 20,847 ราย
1.8 ดำเนินการป้องกันการก่อการร้ายในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจัดตั้งชุดปฏิบัติการสายตรวจ ชุดปฏิบัติการข่าว ชุดปฏิบัติการพิเศษ ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด และชุดจักรยานยนต์รักษาความปลอดภัยให้กับข้าราชการครูในพื้นที่เป้าหมายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 872 โรงเรียน การปฏิบัติงานชุมชนและมวลชนสัมพันธ์ โดยจัดชุดปฏิบัติการให้ความรู้แก่ประชาชนและเยาวชนในชุมชน 2,125 ชุมชน กำหนดนโยบายป้องกันและบรรเทาอัคคีภัยและสาธารณภัยโดยควบคุมการเกิดอัคคีภัยให้มีได้ไม่เกิน 2,800 ครั้งต่อปี มีผู้ประสบภัยได้ไม่เกิน 2 คนต่อประชากร 100,000 คนต่อปี
2. นโยบายและเศรษฐกิจ
2.1 ส่งเสริมบทบาท กรอ. จังหวัด ในการพัฒนาการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนโดยได้เสนอขอรับการสนับสนุนจากกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว 147 เรื่อง ได้รับแจ้งผล 66 เรื่องสำหรับการส่งเสริมและพัฒนาประสิทธิภาพ กรอ. จังหวัด อยู่ระหว่างดำเนินการจัดเตรียมประชุมสัมมนาระดับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
2.2 เร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค โดยก่อสร้างประปาชนบท 94 แห่งขุดเจาะบ่อบาดาล 6,286 บ่อ และก่อสร้างถังเก็บน้ำฝน 9,768 ใบ ก่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตรกรรมโดยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ 7 แห่ง ฝายคอนกรีตเสริมเหล็ก 3,059 แห่ง ขุดสระน้ำและขุดลอกแหล่งน้ำขนาดเล็กรวม 1,364 โครงการ และส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่มผู้ใช้น้ำและจัดกิจกรรมต่อเนื่องในการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำรวม 423 กลุ่ม
2.3 พัฒนาและส่งเสริมอาชีพให้แก่ราษฎร ฝึกอบรมหลักสูตรวิชาชีพช่างให้แก่เยาวชนรวม13 หลักสูตรสนับสนุนเงินทุนประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนที่ยากจน จำนวน 28,215 ครัวเรือน เป็นเงิน 210,155,268 บาท จัดที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยให้แก่ราษฎรในพื้นที่ป่าสงวนที่หมดสภาพ และป่าเสื่อมโทรมในท้องที่จังหวัดต่าง ๆ รวม 27 จังหวัด และเร่งรัดการออกโฉนดที่ดินให้แก่ราษฎรที่ครอบครองและทำประโยชน์ รวม 352,533 แปลง ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จำนวน 4,901 แปลง
3. นโยบายการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและชนบท
3.1 จัดสรรงบประมาณให้จังหวัด 75 จังหวัด จัดทำโครงการพัฒนาจังหวัดเพื่อแก้ไขปัญหาความจำเป็นเร่งด่วนของประชาชน โดยมีโครงการที่ดำเนินการเสร็จแล้ว รวม 8,261 โครงการ อยู่ในระหว่างดำเนินการ 654 โครงการ และยังไม่ได้ดำเนินการ 2 โครงการ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง ดำเนินการตามโครงการพัฒนาเมืองหลัก ระยะที่ 2 เพื่อแก้ไขปัญหาด้านสาธารณูปโภคและสาธารณูปการขั้นพื้นฐานในเขตเทศบาลเมืองหลักโดยกำหนดพื้นที่เทศบาลเมืองหลักที่จะดำเนินการไว้ 8 เมือง ได้แก่ พิษณุโลก อุดรธานี นครสวรรค์ ชลบุรี ราชบุรี สุราษฎร์ ธานี ภูเก็ตและหาดใหญ่ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการสำรวจและออกแบบก่อสร้าง และก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยในเมืองหลักดังกล่าวด้วย
3.2 ก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กพร้อมทางเท้า บริเวณชุมชนช่องเม็ก ความยาว 10.393 กิโลเมตร เพื่อพัฒนาให้เป็นประตูการค้าและการท่องเที่ยวไปยังกลุ่มอินโดจีน ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ดำเนินการก่อสร้างและบูรณะซ่อมแซมทางหลวงท้องถิ่นซึ่งได้รับอนุมัติงวดเงินงบประมาณเป็นค่าก่อสร้างทาง งานปรับปรุงบำรุงรักษาทาง และซ่อมเครื่องจักรกล รวมทั้งสิ้น 610,586,425 บาท ก่อสร้างทางหลวงชนบทเข้าหมู่บ้านที่ขาดแคลนเส้นทางคมนาคมตามโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานถนน โดยก่อสร้างทางราดยาง 460 โครงการ ก่อสร้างถนนลูกรัง 194 โครงการ และสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก 449 โครงการ
3.3 ดำเนินการขยายเขตจำหน่ายไฟฟ้าให้ราษฎรในชนบท จำนวน 125 หมู่บ้าน 9,125งาน ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 112 หมู่บ้าน 8,817 งาน สนับสนุนงบประมาณให้จังหวัดดำเนินการก่อสร้างปรับปรุง ซ่อมแซมสาธารณประโยชน์ ซึ่งได้แก่ การจัดตั้งศูนย์พัฒนาตำบล ห้องสมุด ชุมชน ดำเนินการตามโครงการพัฒนาตำบลซ่อมแซมถนน และสะพาน ก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปา 2 แห่ง อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 17 แห่ง และเร่งรัดขยายระบบประปาชนบท ซึ่งอยู่ระหว่างทำสัญญา 122 โครงการ
3.4 พัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกรรมโดยก่อสร้างฝาย 46 แห่ง คลองส่งน้ำ 17 แห่ง ขุดลอกแหล่งน้ำและกำจัดวัชพืชในแห่งน้ำ จัดระบบโครงสร้างพื้นฐานในชนบทเพื่อพัฒนาระบบบริการพื้นฐานด้านน้ำสะอาดพลังงานไฟฟ้า แสงสว่าง และการคมนาคม ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในชนบท โดยก่อสร้างระบบน้ำสะอาดสำหรับหมู่บ้านแล้วเสร็จ 772 แห่ง ระบบกรองสนิมเหล็ก72 แห่ง ติดตั้งระบบพลังงานและระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ มีความก้าวหน้า 70% เร่งรัดขยายบริการกิจการประปาในเขตเมืองโดยการสำรวจออกแบบเพื่อปรับปรุงขยายกิจการประปาเทศบาล จำนวน 5 แห่ง และสุขาภิบาล จำนวน 10 แห่ง ก่อสร้างระบบสุขาภิบาลและระบบถนนในพื้นที่ชุมชนเมืองใหม่ แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และชุมชนตำบลมาบตาพุด จังหวัดระยอง เพื่อเป็นชุมชนตัวอย่างตามหลักสุขาภิบาล และระบบผังเมืองที่ถูกต้อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ การจัดหาน้ำดิบเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการที่จะนำไปใช้ในการอุปโภคและบริโภค และอุตสาหกรรมในบริเวณแหลมฉบังและพัทยาจนถึงปี 2544
3.5 เร่งพัฒนาบริการพื้นฐานในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นในด้านการคมนาคม แหล่งน้ำ ไฟฟ้า และอื่น ๆ รวม 362 โครงการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการจัดการฟื้นฟูบูรณะเมืองพัทยาเพื่อแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยว โดยก่อสร้างปรับปรุงถนน 3 สาย และก่อสร้างปรับปรุงระบบกำจัดขยะ แก้ไขปัญหาเร่งด่วนในเขตเมืองปริมณฑล ด้านถนนโครงข่ายในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร และปทุมธานี รวม 7 สาย
4. นโยบายฟื้นฟูบูรณะกรุงเทพมหานคร
4.1 ปรับปรุงกิจการประปาแผนหลักครั้งที่ 3, 4, 5 และ 6 โดยเพิ่มกำลังผลิตน้ำที่โรงงานบางเขนเป็น 442,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และก่อสร้างโรงผลิตน้ำแห่งใหม่ริมคลองมหาสวัสดิ์ เพื่อขยายบริการให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตก และพื้นที่จังหวัดนนทบุรี รวมทั้งการขยายโรงงานผลิตน้ำ และการพัฒนาโครงข่ายเส้นท่อประปาเพื่อให้สอดคล้องกับกำลังผลิต ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ
4.2 ดำเนินการแก้ไขปัญหาจราจรในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยศึกษาความเหมาะสมในการดำเนินการตามโครงการต่าง ๆ ซึ่งได้แก่ โครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบและก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา รวม 4 โครงการ งบประมาณทั้งสิ้น 18,188.357 ล้านบาท โดยพิจารณาที่จะก่อสร้างในพื้นที่บริเวณสะพานกรุงเทพฯ บริวเณวัดนครอินทร์ บริเวณห้าแยกปากเกร็ด และพื้นที่อื่น ๆ ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการ โครงการสร้างถนนเชื่อมต่อสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยากับถนนสายหลักและสายรองต่าง ๆ รวม 2 โครงการได้แก่ บริเวณถนนสาธรใต้ (ถนนตากสิน - เพชรเกษม) และสายตากสิน - เพชรเกษมไปถนนวงแหวนรอบนอกโดยอยู่ระหว่างการเวนคืนที่ดินและอาคาร โครงการก่อสร้างถนนสายรองในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวม 7 โครงการงบประมาณ 6,816 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ นอกจากการก่อสร้างถนนสายรองดังกล่าวแล้วยังได้ทำการปรับปรุงถนนที่ชำรุดทรุดโทรมและขยายเส้นทางออกไป เพื่อเป็นการเชื่อมโยงระหว่างถนนสายหลักและถนนสายรองให้เป็นตาราง รวม 20 โครงการ โดยใช้เงินอุดหนุนจากรัฐบาลและกรุงเทพมหานครออกสมทบ นอกจากนี้ ยังได้พิจารณาสนับสนุนให้มีการสัญจรทางน้ำมากขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรอีกทางหนึ่ง จึงได้ก่อสร้างสถานีเรือโดยสารบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ-เจ้าพระยา รวม 4 โครงการ ซึ่งขณะนี้ดำเนินการแล้วเสร็จ 1 โครงการ
4.3 ดำเนินการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย ระยะที่ 1 เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียในแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ใช้งบประมาณลงทุน 7,700 ล้านบาท โดยให้มีสัดส่วนในการลงทุนระหว่างรัฐบาลกับกรุงเทพมหานครเป็น 75:25 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบรายละเอียดประกวดราคาจ้างผู้บริหารควบคุมงานนอกจากนี้ได้ก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียในพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งประกอบด้วยระบบท่อรวบรวมน้ำเสียและโรงบำบัดน้ำเสีย 1 แห่ง ที่บ้านพานถม และก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียยานนาวา ครอบคลุมพื้นที่เขตยานนาวา บางคอแหลม สาธรและบางรัก ซึ่งเป็นพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะสามารถบำบัดน้ำเสียได้ 200,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันขณะนี้อยู่ระหว่างการประกวดราคา ก่อสร้างระบบกำจัดขยะ รวม 3 โครงการ ได้แก่ โครงการจ้างเหมาเอกชนขนมูลฝอยจากที่ดินของกรุงเทพมหานคร แขวงท่าแร้งไปฝังกลบในปริมาณวันละไม่น้อยกว่า 2,000 ตัน และโครงการจัดซื้อเครื่องจักรและอาคารเตาเผามูลฝอยติดเชื้อโรงพยาบาล โดยสร้างโรงงานกำจัดมูลฝอยขนาด 10 ตันต่อเตา จำนวน 2 เตาซึ่งดำเนินการเสร็จแล้วทั้ง 3 โครงการ
5. นโยบายทางสังคม
5.1 เร่งขยายโอกาสทางการศึกษาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยจัดให้มีการสอนในระดับก่อนประถมศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานครทุกโรงเรียน จัดการศึกษาภาคบังคับในโรงเรียนประถมศึกษาจำนวน 427 โรง และจัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในโรงเรียนประถมศึกษา จำนวน 12 โรง โดยมีนักเรียนเข้าเรียน 3,853 คน
5.2 จัดประชุมชี้แจงต้านภัยเอดส์ในระดับประเทศ (ผู้บริหารระดับสูง) และระดับภาค (ผู้บริหารระดับจังหวัด) ติดตามประเมินผลการฝึกอบรมความรู้เรื่องเอดส์แก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดและเยาวชนไทยมุสลิม
5.3 สนับสนุนการจัดตั้งและดำเนินการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนในตำบลหมู่บ้านทั่วไประเทศจำนวน 4,309 ศูนย์ จัดตั้งกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีและกิจการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กรวม 8 กิจกรรม จัดตั้งและสนับสนุนกิจกรรมศูนย์เยาวชนตำบลเพื่อปลูกฝังให้เยาวชนมีอุดมการณ์ รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จำนวน 6,996 ศูนย์ และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องรวม 12 กิจกรรม จัดตั้งองค์กรสตรีในทุกระดับฝึกอบรมและสัมมนาผู้นำสตรีทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพของกลุ่ม ตลอดจนการดำเนินการตามโครงการซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การระหว่างประเทศอีก 4 โครงการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2538--
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลของกระทรวงมหาดไทย งวดที่ 2 ของปีงบประมาณ 2537 (เมษายน - กันยายน 2537) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ดังนี้
1. นโยบายการเมืองและการบริหารราชการ
1.1 ดำเนินการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ให้แก่ประชาชนในระดับตำบล หมู่บ้าน รวม 65,277 หมู่บ้าน และเพิ่มพูนความรู้ในการปฏิบัติงานให้แก่ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิกสภาท้องถิ่นโดยการฝึกอบรมรวม 13 หลักสูตรและจัดการฝึกอบรมในลักษณะเดียวกันให้กับคณะกรรมการหมู่บ้าน จำนวน 7,707 หมู่บ้าน คณะกรรมการสภาตำบล จำนวน 1,312 ตำบลและคณะกรรมการกลางหมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง
1.2 ปรับปรุง แก้ไข ยกเลิกกฎหมาย ระเบียบและคำสั่งที่ล้าสมัยหรือไม่เป็นธรรม ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งได้แก่ การแก้ไขพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 อยู่ในระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา การยกร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการออกบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. .... อยู่ในระหว่างการพิจารณาของกรมการปกครอง การยกร่างคำสั่งกระทรวงมหาดไทย เรื่องแต่งตั้งเจ้าพนักงานตรวจบัตรและพนักงานเจ้าหน้าที่ อยู่ในระหว่างการพิจารณาประกาศใช้บังคับ การยกร่างพระราช-บัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 อยู่ในระหว่างการพิจารณาของกรมโยธาธิการการยกร่างพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. .... อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร การยกร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการบรรจุ การเก็บ การใช้ และการส่งก๊าซ พ.ศ. .... อยู่ในระหว่างการพิจารณาของกรมโยธาธิการ และร่างพระราชบัญญัติสถานที่แสดงมหรสพอยู่ในระหว่างการพิจารณาบรรจุในวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
1.3 ปรับปรุงการให้บริการประชาชนโดยการบริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) กล่าวคือ การให้บริการประชาชนที่ปลูกบ้านใหม่ในเขตจำหน่ายของการไฟฟ้านครหลวงทั้ง 12 แห่งที่ประสงค์จะขอติดตั้งไฟฟ้าสามารถติดต่อของเลขบ้าน ติดตั้งประปาและโทรศัพท์ ได้ในคราวเดียวกัน นอกจากนี้ยังได้จัดทำโครงการ "สะดวกที่ไหน ติดต่อที่นั้น" โครงการ "ทันใจ ไฟด่วน" ซึ่งให้บริการติดตั้งเครื่องวันไฟฟ้าภายใน 1 วัน และบริการตอบข้อซักถามทางโทรศัพท์ ซึ่งสามารถให้บริการประชาชนได้ รวมทั้งสิ้น 842,312 ราย ปรับปรุงระบบการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ดิน โดยนำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ในสำนักงานที่ดิน ซึ่งได้ดำเนินการในปี 2537 แล้วจำนวน 6 แห่ง ซึ่งสามารถให้บริการแก่ประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครได้รวม 685,512 ราย ในส่วนภูมิภาค รวม 2,826,074 ราย
1.4 ประสานงานกับกระทรวง ทบวง กรม ที่เกี่ยวข้องในการเร่งรัดพัฒนา และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เสริมสร้างความเข้าใจอันดีในระดับท้องถิ่นระหว่างไทยกับมาเลเซีย จัดการฝึกอบรมตามโครงการเยาวชนสัมพันธ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกับการจัดตั้งกลุ่มเยาวชนสัมพันธ์และจัดให้มีการสัมมนาผู้นำเยาว-ชนดีเด่น จำนวน 1 รุ่น 60 คน คัดเลือกนักศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ พร้อมทั้งมอบทุนการศึกษาจำนวน 10 ทุน และรับนักศึกษาตามโครงการเข้ารับราชการจำนวน 3 คน จัดทำโครงการเผยแพร่ภาษาไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทำให้ประชาชนในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส สามารถพูดภาษาไทยได้ประมาณปีละ 2,400 คน และขยายผลให้เกิดความตื่นตัว และเห็นความสำคัญของการพูดและฟังภาษาไทยได้ประมาณปีละ 30,000 คน
1.5 จัดให้มีการเยี่ยมเยียนชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และจังหวัดอื่น ๆ ที่มีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด รวม 28 จังหวัด โดยจุฬาราชมนตรีและคณะ และพิจารณาคัดเลือกคณะกรรมการอิสลามและอิหม่ามประจำจังหวัดที่มีผลงานดีเด่นทั่วประเทศเพื่อเข้าเฝ้ารับพระราชทานรางวัล รวมทั้งการจัดเจ้าหน้าที่ไปดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่ชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย และดำเนินการก่อสร้างศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลาม ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณารูปแบบการก่อสร้าง
1.6 ดำเนินการคัดเลือกนักศึกษาชาวไทยภูเขาเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี จำนวน 3 คนพร้อมกับมอบทุนการศึกษา 20,000 บาทต่อคนต่อปี ฝึกอบรมผู้นำชาวเขาและผู้นำเยาวชนชาวเขาในพื้นที่ 11 จังหวัด 45 อำเภอรวม 450 คน ในขณะเดียวกันได้ดำเนินการผลักดันชาวเขาที่อพยพเข้ามาให้ออกไปนอกราชอาณาจักร จำนวน 1,993 คน
1.7 จัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามอาวุธสงครามและวัตถุระเบิด จัดตั้งจุดตรวจและจุดสกัด ซึ่งสามารถจับกุมอาวุธสงครามได้ 256 ราย วัตถุระเบิด 200 ราย จับผู้กระทำความผิดคดีเศรษฐกิจ จำนวน 1,317 ราย คดีโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวม 1,074 ราย และจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและปราบปรามผู้หลบหนี้เข้าเมือง ซึ่งสามารถจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมืองได้ 20,847 ราย
1.8 ดำเนินการป้องกันการก่อการร้ายในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจัดตั้งชุดปฏิบัติการสายตรวจ ชุดปฏิบัติการข่าว ชุดปฏิบัติการพิเศษ ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด และชุดจักรยานยนต์รักษาความปลอดภัยให้กับข้าราชการครูในพื้นที่เป้าหมายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 872 โรงเรียน การปฏิบัติงานชุมชนและมวลชนสัมพันธ์ โดยจัดชุดปฏิบัติการให้ความรู้แก่ประชาชนและเยาวชนในชุมชน 2,125 ชุมชน กำหนดนโยบายป้องกันและบรรเทาอัคคีภัยและสาธารณภัยโดยควบคุมการเกิดอัคคีภัยให้มีได้ไม่เกิน 2,800 ครั้งต่อปี มีผู้ประสบภัยได้ไม่เกิน 2 คนต่อประชากร 100,000 คนต่อปี
2. นโยบายและเศรษฐกิจ
2.1 ส่งเสริมบทบาท กรอ. จังหวัด ในการพัฒนาการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนโดยได้เสนอขอรับการสนับสนุนจากกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว 147 เรื่อง ได้รับแจ้งผล 66 เรื่องสำหรับการส่งเสริมและพัฒนาประสิทธิภาพ กรอ. จังหวัด อยู่ระหว่างดำเนินการจัดเตรียมประชุมสัมมนาระดับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
2.2 เร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค โดยก่อสร้างประปาชนบท 94 แห่งขุดเจาะบ่อบาดาล 6,286 บ่อ และก่อสร้างถังเก็บน้ำฝน 9,768 ใบ ก่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตรกรรมโดยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ 7 แห่ง ฝายคอนกรีตเสริมเหล็ก 3,059 แห่ง ขุดสระน้ำและขุดลอกแหล่งน้ำขนาดเล็กรวม 1,364 โครงการ และส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่มผู้ใช้น้ำและจัดกิจกรรมต่อเนื่องในการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำรวม 423 กลุ่ม
2.3 พัฒนาและส่งเสริมอาชีพให้แก่ราษฎร ฝึกอบรมหลักสูตรวิชาชีพช่างให้แก่เยาวชนรวม13 หลักสูตรสนับสนุนเงินทุนประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนที่ยากจน จำนวน 28,215 ครัวเรือน เป็นเงิน 210,155,268 บาท จัดที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยให้แก่ราษฎรในพื้นที่ป่าสงวนที่หมดสภาพ และป่าเสื่อมโทรมในท้องที่จังหวัดต่าง ๆ รวม 27 จังหวัด และเร่งรัดการออกโฉนดที่ดินให้แก่ราษฎรที่ครอบครองและทำประโยชน์ รวม 352,533 แปลง ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จำนวน 4,901 แปลง
3. นโยบายการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและชนบท
3.1 จัดสรรงบประมาณให้จังหวัด 75 จังหวัด จัดทำโครงการพัฒนาจังหวัดเพื่อแก้ไขปัญหาความจำเป็นเร่งด่วนของประชาชน โดยมีโครงการที่ดำเนินการเสร็จแล้ว รวม 8,261 โครงการ อยู่ในระหว่างดำเนินการ 654 โครงการ และยังไม่ได้ดำเนินการ 2 โครงการ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง ดำเนินการตามโครงการพัฒนาเมืองหลัก ระยะที่ 2 เพื่อแก้ไขปัญหาด้านสาธารณูปโภคและสาธารณูปการขั้นพื้นฐานในเขตเทศบาลเมืองหลักโดยกำหนดพื้นที่เทศบาลเมืองหลักที่จะดำเนินการไว้ 8 เมือง ได้แก่ พิษณุโลก อุดรธานี นครสวรรค์ ชลบุรี ราชบุรี สุราษฎร์ ธานี ภูเก็ตและหาดใหญ่ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการสำรวจและออกแบบก่อสร้าง และก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยในเมืองหลักดังกล่าวด้วย
3.2 ก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กพร้อมทางเท้า บริเวณชุมชนช่องเม็ก ความยาว 10.393 กิโลเมตร เพื่อพัฒนาให้เป็นประตูการค้าและการท่องเที่ยวไปยังกลุ่มอินโดจีน ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ดำเนินการก่อสร้างและบูรณะซ่อมแซมทางหลวงท้องถิ่นซึ่งได้รับอนุมัติงวดเงินงบประมาณเป็นค่าก่อสร้างทาง งานปรับปรุงบำรุงรักษาทาง และซ่อมเครื่องจักรกล รวมทั้งสิ้น 610,586,425 บาท ก่อสร้างทางหลวงชนบทเข้าหมู่บ้านที่ขาดแคลนเส้นทางคมนาคมตามโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานถนน โดยก่อสร้างทางราดยาง 460 โครงการ ก่อสร้างถนนลูกรัง 194 โครงการ และสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก 449 โครงการ
3.3 ดำเนินการขยายเขตจำหน่ายไฟฟ้าให้ราษฎรในชนบท จำนวน 125 หมู่บ้าน 9,125งาน ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 112 หมู่บ้าน 8,817 งาน สนับสนุนงบประมาณให้จังหวัดดำเนินการก่อสร้างปรับปรุง ซ่อมแซมสาธารณประโยชน์ ซึ่งได้แก่ การจัดตั้งศูนย์พัฒนาตำบล ห้องสมุด ชุมชน ดำเนินการตามโครงการพัฒนาตำบลซ่อมแซมถนน และสะพาน ก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปา 2 แห่ง อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 17 แห่ง และเร่งรัดขยายระบบประปาชนบท ซึ่งอยู่ระหว่างทำสัญญา 122 โครงการ
3.4 พัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกรรมโดยก่อสร้างฝาย 46 แห่ง คลองส่งน้ำ 17 แห่ง ขุดลอกแหล่งน้ำและกำจัดวัชพืชในแห่งน้ำ จัดระบบโครงสร้างพื้นฐานในชนบทเพื่อพัฒนาระบบบริการพื้นฐานด้านน้ำสะอาดพลังงานไฟฟ้า แสงสว่าง และการคมนาคม ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในชนบท โดยก่อสร้างระบบน้ำสะอาดสำหรับหมู่บ้านแล้วเสร็จ 772 แห่ง ระบบกรองสนิมเหล็ก72 แห่ง ติดตั้งระบบพลังงานและระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ มีความก้าวหน้า 70% เร่งรัดขยายบริการกิจการประปาในเขตเมืองโดยการสำรวจออกแบบเพื่อปรับปรุงขยายกิจการประปาเทศบาล จำนวน 5 แห่ง และสุขาภิบาล จำนวน 10 แห่ง ก่อสร้างระบบสุขาภิบาลและระบบถนนในพื้นที่ชุมชนเมืองใหม่ แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และชุมชนตำบลมาบตาพุด จังหวัดระยอง เพื่อเป็นชุมชนตัวอย่างตามหลักสุขาภิบาล และระบบผังเมืองที่ถูกต้อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ การจัดหาน้ำดิบเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการที่จะนำไปใช้ในการอุปโภคและบริโภค และอุตสาหกรรมในบริเวณแหลมฉบังและพัทยาจนถึงปี 2544
3.5 เร่งพัฒนาบริการพื้นฐานในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นในด้านการคมนาคม แหล่งน้ำ ไฟฟ้า และอื่น ๆ รวม 362 โครงการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการจัดการฟื้นฟูบูรณะเมืองพัทยาเพื่อแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยว โดยก่อสร้างปรับปรุงถนน 3 สาย และก่อสร้างปรับปรุงระบบกำจัดขยะ แก้ไขปัญหาเร่งด่วนในเขตเมืองปริมณฑล ด้านถนนโครงข่ายในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร และปทุมธานี รวม 7 สาย
4. นโยบายฟื้นฟูบูรณะกรุงเทพมหานคร
4.1 ปรับปรุงกิจการประปาแผนหลักครั้งที่ 3, 4, 5 และ 6 โดยเพิ่มกำลังผลิตน้ำที่โรงงานบางเขนเป็น 442,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และก่อสร้างโรงผลิตน้ำแห่งใหม่ริมคลองมหาสวัสดิ์ เพื่อขยายบริการให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตก และพื้นที่จังหวัดนนทบุรี รวมทั้งการขยายโรงงานผลิตน้ำ และการพัฒนาโครงข่ายเส้นท่อประปาเพื่อให้สอดคล้องกับกำลังผลิต ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ
4.2 ดำเนินการแก้ไขปัญหาจราจรในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยศึกษาความเหมาะสมในการดำเนินการตามโครงการต่าง ๆ ซึ่งได้แก่ โครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบและก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา รวม 4 โครงการ งบประมาณทั้งสิ้น 18,188.357 ล้านบาท โดยพิจารณาที่จะก่อสร้างในพื้นที่บริเวณสะพานกรุงเทพฯ บริวเณวัดนครอินทร์ บริเวณห้าแยกปากเกร็ด และพื้นที่อื่น ๆ ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการ โครงการสร้างถนนเชื่อมต่อสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยากับถนนสายหลักและสายรองต่าง ๆ รวม 2 โครงการได้แก่ บริเวณถนนสาธรใต้ (ถนนตากสิน - เพชรเกษม) และสายตากสิน - เพชรเกษมไปถนนวงแหวนรอบนอกโดยอยู่ระหว่างการเวนคืนที่ดินและอาคาร โครงการก่อสร้างถนนสายรองในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวม 7 โครงการงบประมาณ 6,816 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ นอกจากการก่อสร้างถนนสายรองดังกล่าวแล้วยังได้ทำการปรับปรุงถนนที่ชำรุดทรุดโทรมและขยายเส้นทางออกไป เพื่อเป็นการเชื่อมโยงระหว่างถนนสายหลักและถนนสายรองให้เป็นตาราง รวม 20 โครงการ โดยใช้เงินอุดหนุนจากรัฐบาลและกรุงเทพมหานครออกสมทบ นอกจากนี้ ยังได้พิจารณาสนับสนุนให้มีการสัญจรทางน้ำมากขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรอีกทางหนึ่ง จึงได้ก่อสร้างสถานีเรือโดยสารบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ-เจ้าพระยา รวม 4 โครงการ ซึ่งขณะนี้ดำเนินการแล้วเสร็จ 1 โครงการ
4.3 ดำเนินการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย ระยะที่ 1 เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียในแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ใช้งบประมาณลงทุน 7,700 ล้านบาท โดยให้มีสัดส่วนในการลงทุนระหว่างรัฐบาลกับกรุงเทพมหานครเป็น 75:25 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบรายละเอียดประกวดราคาจ้างผู้บริหารควบคุมงานนอกจากนี้ได้ก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียในพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งประกอบด้วยระบบท่อรวบรวมน้ำเสียและโรงบำบัดน้ำเสีย 1 แห่ง ที่บ้านพานถม และก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียยานนาวา ครอบคลุมพื้นที่เขตยานนาวา บางคอแหลม สาธรและบางรัก ซึ่งเป็นพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะสามารถบำบัดน้ำเสียได้ 200,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันขณะนี้อยู่ระหว่างการประกวดราคา ก่อสร้างระบบกำจัดขยะ รวม 3 โครงการ ได้แก่ โครงการจ้างเหมาเอกชนขนมูลฝอยจากที่ดินของกรุงเทพมหานคร แขวงท่าแร้งไปฝังกลบในปริมาณวันละไม่น้อยกว่า 2,000 ตัน และโครงการจัดซื้อเครื่องจักรและอาคารเตาเผามูลฝอยติดเชื้อโรงพยาบาล โดยสร้างโรงงานกำจัดมูลฝอยขนาด 10 ตันต่อเตา จำนวน 2 เตาซึ่งดำเนินการเสร็จแล้วทั้ง 3 โครงการ
5. นโยบายทางสังคม
5.1 เร่งขยายโอกาสทางการศึกษาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยจัดให้มีการสอนในระดับก่อนประถมศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานครทุกโรงเรียน จัดการศึกษาภาคบังคับในโรงเรียนประถมศึกษาจำนวน 427 โรง และจัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในโรงเรียนประถมศึกษา จำนวน 12 โรง โดยมีนักเรียนเข้าเรียน 3,853 คน
5.2 จัดประชุมชี้แจงต้านภัยเอดส์ในระดับประเทศ (ผู้บริหารระดับสูง) และระดับภาค (ผู้บริหารระดับจังหวัด) ติดตามประเมินผลการฝึกอบรมความรู้เรื่องเอดส์แก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดและเยาวชนไทยมุสลิม
5.3 สนับสนุนการจัดตั้งและดำเนินการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนในตำบลหมู่บ้านทั่วไประเทศจำนวน 4,309 ศูนย์ จัดตั้งกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีและกิจการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กรวม 8 กิจกรรม จัดตั้งและสนับสนุนกิจกรรมศูนย์เยาวชนตำบลเพื่อปลูกฝังให้เยาวชนมีอุดมการณ์ รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จำนวน 6,996 ศูนย์ และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องรวม 12 กิจกรรม จัดตั้งองค์กรสตรีในทุกระดับฝึกอบรมและสัมมนาผู้นำสตรีทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพของกลุ่ม ตลอดจนการดำเนินการตามโครงการซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การระหว่างประเทศอีก 4 โครงการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2538--