ทำเนียบรัฐบาล--5 พ.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องการแก้ไขกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. การประเมินราคาเพื่อคำนวณภาษี ขณะนี้อยู่ในระหว่างการยกร่างกฎหมาย ซึ่งกรมศุลกากรกำลังเร่งดำเนินการอยู่ให้ทันปี 2540 ตามข้อตกลงระหว่างศุลกากรอาเซียนว่าจะใช้ระบบราคา GATT พร้อมกันในปี 2540 ส่วนจะให้เริ่มใช้กับบริษัทที่มีประวัติดีภายในปี 2539 นั้น ยังทำไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ อย่างไรก็ตาม ได้มีคำสั่งกรมศุลกากรผ่อนคลายระบบการประเมินราคาโดยใช้ราคาสูงสุดในช่วง 30 วัน ส่วนสินค้าที่มีการเก็บอัตราตามสภาพสามารถรับราคาตามที่ผู้นำเข้าแสดงได้อยู่แล้ว
2. การขอคืนภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ กรมศุลกากรได้ประกาศกำหนดสูตรมาตรฐานเพื่อคำนวณเงินอากรที่พึงคืนให้สำหรับกุ้งกุลาดำ เนื้อไก่ และเนื้อเป็ดที่ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ตามประกาศกรมศุลกากรที่ 32/2539 ลงวันที่ 15 กรกฎาคม 2539 และประกาศกรมศุลกากรที่ 40/2539 ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2539
3. การแก้ไขระเบียบปฏิบัติของพิธีการศุลกากรได้พิจารณาดำเนินการ ดังนี้
3.1 การคืนเงินอากรวัตถุดิบตามมาตรา 19 ทวิ ขณะนี้คืนได้ภายใน 30 วัน หากเอกสารถูกต้องครบถ้วนและใบขนสินค้าขาเข้าไม่เกิน 50 ฉบับ
3.2 การคืนเงินชดเชยค่าภาษีอากร ขณะนี้คืนได้ภายใน 30 วันอยู่แล้ว 3.3 หลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากรได้กำหนดไว้อยู่ในภาค 1 ของพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากรอยู่แล้ว ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์การตีความระบบฮาร์โมไนซ์ที่ใช้กันเป็นสากล นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาพิกัดอัตราศุลกากรเป็นคณะพิจารณากรณีที่ยังมีปัญหาโต้แย้งอีกชั้นหนึ่ง ปัจจุบันปัญหาการตีความพิกัดสินค้าต่าง ๆ ลดน้อยลงมากแล้ว
3.4 การนำเข้าตัวอย่างสินค้าได้รับการยกเว้นอากรโดยมีหลักเกณฑ์การยกเว้นกำหนดเป็นบรรทัดฐานอยู่แล้ว
4.การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มแก่ธุรกิจจัดการขนส่งสินค้าทางทะเลและการรับประกันภัยในต่างประเทศได้พิจารณาดำเนินการ ดังนี้
4.1 ธุรกิจรับจัดการขนส่งสินค้าทางทะเลไม่ใช่กิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศโดยเรือเดินทะเล จึงไม่ได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราศูนย์ อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2538 กรมสรรพากรได้ออกประกาศให้สามารถแยกรายรับออกเป็นค่าขนส่งของสายการเดินเรือและค่าบริการของผู้รับจัดการขนส่งได้ และให้เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเฉพาะส่วนที่เป็นค่าบริการเท่านั้น จึงเป็นการผ่อนปรนภาระภาษีให้แล้วระดับหนึ่ง
4.2 กรมสรรพากรได้เสนอแก้ไขประมวลรัษฎากรเพื่อให้การรับประกันวินาศภัยอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ซึ่งจะมีผลให้การรับประกันภัยในต่างประเทศเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราศูนย์ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติ(14 พฤษภาคม 2539) อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
5. กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดระดับผู้นำของเข้าเพื่อเป็นการลดขั้นตอนในการผ่านพิธีการใบขนสินค้าให้เป็นไปด้วยความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ตามคำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรที่ 17/2539 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2539 และประกาศกรมศุลกากรที่ 37/2539 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2539
ทั้งนี้ ได้รายงานผลการดำเนินการดังกล่าวให้คณะกรรมการพัฒนาการส่งออกทราบแล้วเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2539
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 5 พฤศจิกายน 2539--
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องการแก้ไขกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. การประเมินราคาเพื่อคำนวณภาษี ขณะนี้อยู่ในระหว่างการยกร่างกฎหมาย ซึ่งกรมศุลกากรกำลังเร่งดำเนินการอยู่ให้ทันปี 2540 ตามข้อตกลงระหว่างศุลกากรอาเซียนว่าจะใช้ระบบราคา GATT พร้อมกันในปี 2540 ส่วนจะให้เริ่มใช้กับบริษัทที่มีประวัติดีภายในปี 2539 นั้น ยังทำไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ อย่างไรก็ตาม ได้มีคำสั่งกรมศุลกากรผ่อนคลายระบบการประเมินราคาโดยใช้ราคาสูงสุดในช่วง 30 วัน ส่วนสินค้าที่มีการเก็บอัตราตามสภาพสามารถรับราคาตามที่ผู้นำเข้าแสดงได้อยู่แล้ว
2. การขอคืนภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ กรมศุลกากรได้ประกาศกำหนดสูตรมาตรฐานเพื่อคำนวณเงินอากรที่พึงคืนให้สำหรับกุ้งกุลาดำ เนื้อไก่ และเนื้อเป็ดที่ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ตามประกาศกรมศุลกากรที่ 32/2539 ลงวันที่ 15 กรกฎาคม 2539 และประกาศกรมศุลกากรที่ 40/2539 ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2539
3. การแก้ไขระเบียบปฏิบัติของพิธีการศุลกากรได้พิจารณาดำเนินการ ดังนี้
3.1 การคืนเงินอากรวัตถุดิบตามมาตรา 19 ทวิ ขณะนี้คืนได้ภายใน 30 วัน หากเอกสารถูกต้องครบถ้วนและใบขนสินค้าขาเข้าไม่เกิน 50 ฉบับ
3.2 การคืนเงินชดเชยค่าภาษีอากร ขณะนี้คืนได้ภายใน 30 วันอยู่แล้ว 3.3 หลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากรได้กำหนดไว้อยู่ในภาค 1 ของพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากรอยู่แล้ว ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์การตีความระบบฮาร์โมไนซ์ที่ใช้กันเป็นสากล นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาพิกัดอัตราศุลกากรเป็นคณะพิจารณากรณีที่ยังมีปัญหาโต้แย้งอีกชั้นหนึ่ง ปัจจุบันปัญหาการตีความพิกัดสินค้าต่าง ๆ ลดน้อยลงมากแล้ว
3.4 การนำเข้าตัวอย่างสินค้าได้รับการยกเว้นอากรโดยมีหลักเกณฑ์การยกเว้นกำหนดเป็นบรรทัดฐานอยู่แล้ว
4.การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มแก่ธุรกิจจัดการขนส่งสินค้าทางทะเลและการรับประกันภัยในต่างประเทศได้พิจารณาดำเนินการ ดังนี้
4.1 ธุรกิจรับจัดการขนส่งสินค้าทางทะเลไม่ใช่กิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศโดยเรือเดินทะเล จึงไม่ได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราศูนย์ อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2538 กรมสรรพากรได้ออกประกาศให้สามารถแยกรายรับออกเป็นค่าขนส่งของสายการเดินเรือและค่าบริการของผู้รับจัดการขนส่งได้ และให้เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเฉพาะส่วนที่เป็นค่าบริการเท่านั้น จึงเป็นการผ่อนปรนภาระภาษีให้แล้วระดับหนึ่ง
4.2 กรมสรรพากรได้เสนอแก้ไขประมวลรัษฎากรเพื่อให้การรับประกันวินาศภัยอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ซึ่งจะมีผลให้การรับประกันภัยในต่างประเทศเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราศูนย์ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติ(14 พฤษภาคม 2539) อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
5. กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดระดับผู้นำของเข้าเพื่อเป็นการลดขั้นตอนในการผ่านพิธีการใบขนสินค้าให้เป็นไปด้วยความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ตามคำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรที่ 17/2539 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2539 และประกาศกรมศุลกากรที่ 37/2539 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2539
ทั้งนี้ ได้รายงานผลการดำเนินการดังกล่าวให้คณะกรรมการพัฒนาการส่งออกทราบแล้วเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2539
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 5 พฤศจิกายน 2539--