ทำเนียบรัฐบาล--18 ม.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมถาวรไทย - มาเลเซีย ว่าด้วยการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายผ่านแดนมาเลเซียไปยังสิงคโปร์ ตามที่กระทรวงคมนาคมได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมถาวรไทย - มาเลเซีย ว่าด้วยการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายทางถนนผ่านแดนมาเลเซียไปยังสิงคโปร์ ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 21 - 22 ตุลาคม 2537 ณ โรงแรมสยามซิตี้ กรุงเทพฯ การประชุมในครั้งนี้ได้มีการหารือกันในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่าย สรุปได้ดังนี้
1. การขนส่งไก่แช่เย็น/แช่แข็ง
ฝ่ายไทย ได้ขอให้ฝ่ายมาเลเซียอนุญาตให้ไทยขนส่งเนื้อไก่แช่เย็น/แช่แข็ง ผ่านแดนมาเลเซียไปยังสิงคโปร์ดังที่เคยขอมาเลเซียแล้วในการประชุมฯ ครั้งที่ 6 และมีความเห็นว่าทั้งมาเลเซียและไทยต่างมิได้เป็นคู่แข่งขัน หรือเป็นผู้ส่งออกไก่รายใหญ่ไปยังสิงคโปร์ ดังนั้น จึงน่าจะร่วมมือกันหาทางขยายไก่ในตลาดสิงคโปร์ ซึ่งฝ่ายมาเลเซียยืนยันที่จะให้ฝ่ายไทยส่งข้อมูลเกี่ยวกับตลาดไก่ของไทยในสิงคโปร์ให้มาเลเซีย พิจารณาและเน้นว่าหากมาเลเซียยอมให้ไทยขนส่งไก่ผ่านแดนก็จะมีผลกระทบอย่างยิ่งต่อเกษตรกรของมาเลเซีย ฝ่ายมาเลเซีย จึงไม่อยู่ในสถานะที่จะพิจารณา เรื่องนี้ อย่างไรก็ดี ที่ประชุมมีมติให้ทำการศึกษา เรื่องนี้ต่อไป
2. การอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายผ่านแดน
ฝ่ายไทย ได้ขอให้ฝ่ายมาเลเซียพิจารณาลดจุดตรวจตามเส้นทางทางการเดินรถบรรทุกสินค้าเน่าเสียที่ฝ่ายมาเลเซียกำหนดไว้ ซึ่งฝ่ายมาเลเซียแจ้งว่า เนื่องจาก เส้นทางด่วนเพิ่งจะเปิดใช้งานและยังไม่ได้ก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ บนทางด่วน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายมาเลเซียจะแจ้งให้ฝ่ายไทยทราบทันทีมีการสร้างจุดตรวจบนทางด่วน
3. การวางหลักทรัพย์ค้ำประกันทัณฑ์บนรถของมาเลเซีย
ฝ่ายมาเลเซีย เรียกร้องขอให้ฝ่ายไทยยกเลิกการทำประกันทัณฑ์บน โดยการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันรถบรรทุกของมาเลเซีย ในวงเงินคันละ 500,000 โดยฝ่ายไทยแจ้งให้ฝ่ายมาเลเซียทราบว่าได้มีการพิจารณาคำขอของฝ่ายมาเลเซียแล้ว แต่ไม่สามารถดำเนินการให้ได้เนื่องจากติดขัดด้วยกฎหมายศุลกากร ทำนองเดียวกันรถบรรทุกของไทยก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายศุลกากรของมาเลเซียเช่นกัน ซึ่งฝ่ายมาเลเซียยังยืนยันให้ฝ่ายไทยพิจารณาเรื่องนี้อีก
4. การขยายเส้นทางเดินรถของบริษัท Konsortium Penkgangkutan
ฝ่ายมาเลเซีย ขอให้ฝ่ายไทยอนุญาตให้ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายของมาเลเซีย เดินรถไปยังจุดอื่น ๆ ของประเทศ นอกเหนือจากจุดที่ฝ่ายไทยอนุญาตในปัจจุบัน คือ หาดใหญ่/สงขลา นอกจากนั้น ยังแสดงความประสงค์จะขอเดินรถบรรทุกไปยังประเทศในอินโดจีน โดยผ่านประเทศไทยด้วย แต่ฝ่ายไทยแจ้งว่า ขณะนี้ ยังไม่สามารถอนุญาตให้ได้ เนื่องจาก มีข้อจำกัดในเรื่องกฎหมายไทย ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นควรให้มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารืออีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไป
5. การเรียกเก็บภาษีสินค้าเน่าเสียง่ายเกินจำนวน 30,000 ตัน
ฝ่ายไทยแจ้งว่า กรมศุลกากรของมาเลเซียเรียกเก็บภาษีดังกล่าว แต่สถิติจากศุลกากรไทยรวบรวมได้เพียง 13,079.75 ตัน ซึ่งแตกต่างกันมาก ที่ประชุมจึงได้มีมติมอบหมายให้กรมศุลกากรทั้งสองฝ่ายพิจารณาเรื่องนี้ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะให้มีการแลกเปลี่ยนสถิติที่เก็บได้ระหว่างกันทุกสองเดือน
สรุป การประชุมในครั้งนี้ไม่มีผลคืบหน้ามากนัก ฝ่ายมาเลเซียพยายามปกป้องผลกระทบจากการขนส่งสินค้า โดยยืนยันไม่อนุญาตให้ไทยขนส่งเนื้อไก่แช่เย็น/แช่แข็งไปสิงคโปร์ ขณะเดียวกัน ก็พยายามเรียกร้องขยายเส้นทางเดินรถไปยังประเทศอินโดจีนผ่านไทย และเชื่อว่าฝ่ายมาเลเซียจะหยิบยกเรื่องดังกล่าวขึ้นมา เจรจาในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ 7 ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะได้เตรียมกำหนดท่าทีและนโยบายในเรื่องนี้ต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 17 มกราคม 2538--
คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมถาวรไทย - มาเลเซีย ว่าด้วยการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายผ่านแดนมาเลเซียไปยังสิงคโปร์ ตามที่กระทรวงคมนาคมได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมถาวรไทย - มาเลเซีย ว่าด้วยการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายทางถนนผ่านแดนมาเลเซียไปยังสิงคโปร์ ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 21 - 22 ตุลาคม 2537 ณ โรงแรมสยามซิตี้ กรุงเทพฯ การประชุมในครั้งนี้ได้มีการหารือกันในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่าย สรุปได้ดังนี้
1. การขนส่งไก่แช่เย็น/แช่แข็ง
ฝ่ายไทย ได้ขอให้ฝ่ายมาเลเซียอนุญาตให้ไทยขนส่งเนื้อไก่แช่เย็น/แช่แข็ง ผ่านแดนมาเลเซียไปยังสิงคโปร์ดังที่เคยขอมาเลเซียแล้วในการประชุมฯ ครั้งที่ 6 และมีความเห็นว่าทั้งมาเลเซียและไทยต่างมิได้เป็นคู่แข่งขัน หรือเป็นผู้ส่งออกไก่รายใหญ่ไปยังสิงคโปร์ ดังนั้น จึงน่าจะร่วมมือกันหาทางขยายไก่ในตลาดสิงคโปร์ ซึ่งฝ่ายมาเลเซียยืนยันที่จะให้ฝ่ายไทยส่งข้อมูลเกี่ยวกับตลาดไก่ของไทยในสิงคโปร์ให้มาเลเซีย พิจารณาและเน้นว่าหากมาเลเซียยอมให้ไทยขนส่งไก่ผ่านแดนก็จะมีผลกระทบอย่างยิ่งต่อเกษตรกรของมาเลเซีย ฝ่ายมาเลเซีย จึงไม่อยู่ในสถานะที่จะพิจารณา เรื่องนี้ อย่างไรก็ดี ที่ประชุมมีมติให้ทำการศึกษา เรื่องนี้ต่อไป
2. การอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายผ่านแดน
ฝ่ายไทย ได้ขอให้ฝ่ายมาเลเซียพิจารณาลดจุดตรวจตามเส้นทางทางการเดินรถบรรทุกสินค้าเน่าเสียที่ฝ่ายมาเลเซียกำหนดไว้ ซึ่งฝ่ายมาเลเซียแจ้งว่า เนื่องจาก เส้นทางด่วนเพิ่งจะเปิดใช้งานและยังไม่ได้ก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ บนทางด่วน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายมาเลเซียจะแจ้งให้ฝ่ายไทยทราบทันทีมีการสร้างจุดตรวจบนทางด่วน
3. การวางหลักทรัพย์ค้ำประกันทัณฑ์บนรถของมาเลเซีย
ฝ่ายมาเลเซีย เรียกร้องขอให้ฝ่ายไทยยกเลิกการทำประกันทัณฑ์บน โดยการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันรถบรรทุกของมาเลเซีย ในวงเงินคันละ 500,000 โดยฝ่ายไทยแจ้งให้ฝ่ายมาเลเซียทราบว่าได้มีการพิจารณาคำขอของฝ่ายมาเลเซียแล้ว แต่ไม่สามารถดำเนินการให้ได้เนื่องจากติดขัดด้วยกฎหมายศุลกากร ทำนองเดียวกันรถบรรทุกของไทยก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายศุลกากรของมาเลเซียเช่นกัน ซึ่งฝ่ายมาเลเซียยังยืนยันให้ฝ่ายไทยพิจารณาเรื่องนี้อีก
4. การขยายเส้นทางเดินรถของบริษัท Konsortium Penkgangkutan
ฝ่ายมาเลเซีย ขอให้ฝ่ายไทยอนุญาตให้ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายของมาเลเซีย เดินรถไปยังจุดอื่น ๆ ของประเทศ นอกเหนือจากจุดที่ฝ่ายไทยอนุญาตในปัจจุบัน คือ หาดใหญ่/สงขลา นอกจากนั้น ยังแสดงความประสงค์จะขอเดินรถบรรทุกไปยังประเทศในอินโดจีน โดยผ่านประเทศไทยด้วย แต่ฝ่ายไทยแจ้งว่า ขณะนี้ ยังไม่สามารถอนุญาตให้ได้ เนื่องจาก มีข้อจำกัดในเรื่องกฎหมายไทย ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นควรให้มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารืออีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไป
5. การเรียกเก็บภาษีสินค้าเน่าเสียง่ายเกินจำนวน 30,000 ตัน
ฝ่ายไทยแจ้งว่า กรมศุลกากรของมาเลเซียเรียกเก็บภาษีดังกล่าว แต่สถิติจากศุลกากรไทยรวบรวมได้เพียง 13,079.75 ตัน ซึ่งแตกต่างกันมาก ที่ประชุมจึงได้มีมติมอบหมายให้กรมศุลกากรทั้งสองฝ่ายพิจารณาเรื่องนี้ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะให้มีการแลกเปลี่ยนสถิติที่เก็บได้ระหว่างกันทุกสองเดือน
สรุป การประชุมในครั้งนี้ไม่มีผลคืบหน้ามากนัก ฝ่ายมาเลเซียพยายามปกป้องผลกระทบจากการขนส่งสินค้า โดยยืนยันไม่อนุญาตให้ไทยขนส่งเนื้อไก่แช่เย็น/แช่แข็งไปสิงคโปร์ ขณะเดียวกัน ก็พยายามเรียกร้องขยายเส้นทางเดินรถไปยังประเทศอินโดจีนผ่านไทย และเชื่อว่าฝ่ายมาเลเซียจะหยิบยกเรื่องดังกล่าวขึ้นมา เจรจาในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ 7 ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะได้เตรียมกำหนดท่าทีและนโยบายในเรื่องนี้ต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 17 มกราคม 2538--