ทำเนียบรัฐบาล--28 ม.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ร่างพระราชบัญญัติทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. ....
1.1 ได้แก้ไขเพิ่มเติมหลักการเรื่องการให้สัมปทานโดยแบ่งเป็น 2 กรณี คือ
1) การให้สัมปทานกรณีปกติต้องกระทำโดยการออกประกาศเชิญชวนให้มีการยื่นข้อเสนอตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้
2) การให้สัมปทานที่มีขนาดเล็กหรือเป็นการต่อเติมโครงการเดิมตามลักษณะที่จะกำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งวิธีการนี้ไม่ต้องทำเป็นประกาศเชิญชวน
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความสะดวกและเหมาะสมแก่การให้สัมปทานในแต่ละกรณี รวมทั้งได้เพิ่มการกำหนดคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอรับสัมปทานว่า ต้องเป็นนิติบุคคลและมีคุณสมบัติตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
1.2 ได้แก้ไขเพิ่มหลักการเรื่องการโอนสัมปทาน โดยกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีการโอนสัมปทานได้เมื่อมีเหตุอันสมควร
1.3 เพิ่มอำนาจแก่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือพนักงานของผู้รับสัมปทานให้สามารถเข้าไปใช้สอยหรือครอบครองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมิใช่ที่อยู่อาศัยได้เป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสร้างหรือบำรุงรักษาทางหลวงสัมปทาน และในกรณีที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์หรือผู้ทรงสิทธิอื่น บุคคลนั้นย่อมเรียกค่าทดแทนจากผู้รับสัมปทานได้ ถ้าไม่สามารถตกลงกันในจำนวนค่าทดแทนได้ ให้มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย
1.4 กำหนดให้ผู้รับสัมปทานที่มีความประสงค์จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบรูปและรายการละเอียดทางเทคนิคในการก่อสร้างให้แตกต่างจากที่กำหนดไว้ในสัมปทานเดิม ให้ยื่นคำขอต่ออธิบดี โดยการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นความจำเป็นโดยไม่ทำให้ทางราชการเสียประโยชน์ เมื่อได้รับอนุมัติแล้วจึงจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ และถ้าในการสร้างทางหลวงสัมปทานผู้รับสัมปทานจะเปลี่ยนแปลงร่องน้ำ ท่อน้ำ ย้ายสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ ฯลฯ การเปลียนแปลงรื้อถอนนั้นจะกระทำได้ต่อเมื่อได้แจ้งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองทราบก่อน และถ้าเกิดความเสียหายขึ้นผู้รับสัมปทานต้องชดใช้ค่าเสียหายนั้น
1.5 เพิ่มหลักการเรื่องการให้ผู้รับสัมปทานต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีที่มีความเสียหายเกิดขึ้น และมีหน้าที่ต้องทำทางให้กลับคืนสู่สภาพเดิมเมื่อหมดความจำเป็นแล้ว นอกจากนี้ยังให้อำนาจอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายดำเนินการแทนผู้รับสัมปทานได้ถ้ามีเหตุอันสมควร โดยให้ผู้รับสัมปทานเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าที่จ่ายจริงพร้อมเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของเงินจำนวนดังกล่าว
1.6 แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ที่อธิบดีจะอนุญาตให้ผู้ใดทำทางเข้าออก เชื่อม หรือผ่านทางหลวงสัมปทาน โดยกำหนดให้อธิบดีต้องฟังความเห็นของผู้รับสัมปทานเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตดังกล่าวก่อน และให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดเงื่อนไขอย่างใดก็ได้ รวมทั้งกำหนดมาตรการเพื่อประโยชน์ในการจราจร การป้องกันอุบัติภัย และการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ด้วย และให้อธิบดีมีอำนาจเพิกถอนการอนุญาตดังกล่าวได้ถ้ามีเหตุจำเป็น เพื่อประโยชน์แก่งานทางหรือประโยชน์ของรัฐ นอกจากนั้น อธิบดีมีอำนาจสั่งให้ผู้กระทำการรื้อถอนทางหรือสิ่งที่ได้สร้างขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต หากไม่ปฏิบัติตามก็ให้อธิบดีมีอำนาจรื้อถอนได้เองโดยผู้นั้นจะเรียกร้องค่าเสียหายมิได้ ทั้งยังต้องเสียค่าใช้จ่ายพร้อมเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ด้วย และหากผู้รับสัมปทานไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของอธิบดี มีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำสั่ง คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
1.7 ได้ปรับปรุงเงื่อนไขที่รัฐจะเข้ายึดถือครอบครองทางหลวงสัมปทานก่อนสัมปทานสิ้นอายุให้ชัดเจนและไม่มีขอบเขตกว้างจนเกินไป โดยจำกัดให้ทำได้เฉพาะ “เมื่อมีเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ” ตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี
1.8 กำหนดอำนาจหน้าที่ของอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ถ้าผู้รับสัมปทานไม่กระทำการใด ๆ ตามที่อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายสั่งให้ทำ อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอำนาจเข้ากระทำการโดยผู้รับสัมปทานเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายตามที่จ่ายจริงพร้อมเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของจำนวนเงินดังกล่าว
1.9 แก้ไขเพิ่มเติมให้อธิบดีมีอำนาจส่งหนังสือเตือนในกรณีที่ผู้รับสัมปทานไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ และถ้าเตือนแล้วผู้รับสัมปทานยังคงฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ให้รัฐมนตรีสามารถเพิกถอนสัมปทานดังกล่าวได้
2. ร่างกฎกระทรวง (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. ....
2.1 ได้แก้ไขเพิ่มเติมชื่อร่างกฎกระทรวงฯ ให้สอดคล้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมชื่อร่างพระราชบัญญัติทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. ....
2.2 ได้แบ่งหมวดกฎกระทรวงเป็น 2 หมวด คือ
1) หมวด 1 การยื่นคำขอรับสัมปทานและการให้สัมปทานกรณีที่มีการออกประกาศเชิญชวน
2) หมวด 2 การยื่นคำขอรับสัมปทานและการให้สัมปทานกรณีที่ไม่มีการออกประกาศเชิญชวน
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้นว่ากฎกระทรวงฉบับนี้มีเนื้อหาสาระครอบคลุมทั้ง 2 หมวด
2.3 กำหนดหลักฐานต่าง ๆ ที่ผู้ยื่นคำขอรับสัมปทานต้องยื่นประกอบคำขอรับสัมปทาน
2.4 ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอรับสัมปทานมีทุน เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ หรือบุคลากรไม่เพียงพอหรือไม่ครบถ้วน ก็สามารถนำหลักฐานว่ามีนิติบุคคลอื่นซึ่งเชื่อถือได้รับรองที่จะให้การสนับสนุนแก่ผู้ยื่นคำขอรับสัมปทานในส่วนที่ไม่เพียงพอหรือไม่ครบถ้วนนั้นได้
2.5 ผู้ยื่นคำขอรับสัมปทานต้องจัดทำข้อเสนอของโครงการก่อสร้างหรือบำรุงรักษาทางไว้ด้วย
2.6 การยื่นคำขอรับสัมปทานให้ยื่นต่อกรมทางหลวงพร้อมหลักฐาน ข้อเสนอโครงการก่อสร้างหรือบำรุงรักษาทาง พร้อมหลักประกันการยื่นคำขอรับสัมปทานตามที่กรมทางหลวงกำหนด
2.7 ได้กำหนดระยะเวลาที่ให้อธิบดีพิจารณาคำขอรับสัมปทานให้เสร็จเพื่อเสนอต่อรัฐมนตรี โดยอาจขยายระยะเวลาดังกล่าวได้แต่ต้องมีเหตุผล รวมทั้งเพิ่มอำนาจให้อธิบดีสามารถมีหนังสือขอให้ผู้ยื่นคำขอมาชี้แจงหรือส่งเอกสารเพิ่มเติมได้ กำหนดขั้นตอนในการพิจารณาคำขอรับสัมปทานของอธิบดีและรัฐมนตรีในกรณีต่าง ๆ
2.8 ได้เพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการในกรณีที่ผู้ได้รับสัมปทานไม่ไปลงนามตามวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนด โดยให้ถือว่าผู้ได้รับสัมปทานไม่ประสงค์จะขอรับสัมปทาน และให้ริบหลักประกันการยื่นคำขอได้ รวมทั้งได้กำหนดวิธีดำเนินการกรณีที่คณะรัฐมนตรีไม่อนุมัติให้สัมปทานด้วย
2.9 ได้เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ในการคืนหลักประกัน ซึ่งเดิมกำหนดให้คืนได้ต่อเมื่อมีการดำเนินการตามสัมปทานแล้วเสร็จ เป็นคืนหลักประกันตามระยะเวลาที่กำหนด โดยคำนึงถึงผลงานการประกันความรับผิด และการปฏิบัติตามสัมปทาน
2.10 เพิ่มกรณีที่รัฐบาลอาจให้สัมปทานได้โดยไม่ต้องมีการออกประกาศเชิญชวนในกรณีต่อไปนี้
1) การสร้างหรือบำรุงรักษาทางที่มีวงเงินลงทุนไม่เกิน 100 ล้านบาท หรือมีระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตร
2) การสร้างหรือบำรุงรักษาทางที่เป็นการต่อเติมหรือต่อเนื่องกับโครงการเดิม และมีวงเงินลงทุนไม่เกินหนึ่งในสามของโครงการเดิม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 28 มกราคม 2540--
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ร่างพระราชบัญญัติทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. ....
1.1 ได้แก้ไขเพิ่มเติมหลักการเรื่องการให้สัมปทานโดยแบ่งเป็น 2 กรณี คือ
1) การให้สัมปทานกรณีปกติต้องกระทำโดยการออกประกาศเชิญชวนให้มีการยื่นข้อเสนอตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้
2) การให้สัมปทานที่มีขนาดเล็กหรือเป็นการต่อเติมโครงการเดิมตามลักษณะที่จะกำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งวิธีการนี้ไม่ต้องทำเป็นประกาศเชิญชวน
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความสะดวกและเหมาะสมแก่การให้สัมปทานในแต่ละกรณี รวมทั้งได้เพิ่มการกำหนดคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอรับสัมปทานว่า ต้องเป็นนิติบุคคลและมีคุณสมบัติตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
1.2 ได้แก้ไขเพิ่มหลักการเรื่องการโอนสัมปทาน โดยกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีการโอนสัมปทานได้เมื่อมีเหตุอันสมควร
1.3 เพิ่มอำนาจแก่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือพนักงานของผู้รับสัมปทานให้สามารถเข้าไปใช้สอยหรือครอบครองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมิใช่ที่อยู่อาศัยได้เป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสร้างหรือบำรุงรักษาทางหลวงสัมปทาน และในกรณีที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์หรือผู้ทรงสิทธิอื่น บุคคลนั้นย่อมเรียกค่าทดแทนจากผู้รับสัมปทานได้ ถ้าไม่สามารถตกลงกันในจำนวนค่าทดแทนได้ ให้มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย
1.4 กำหนดให้ผู้รับสัมปทานที่มีความประสงค์จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบรูปและรายการละเอียดทางเทคนิคในการก่อสร้างให้แตกต่างจากที่กำหนดไว้ในสัมปทานเดิม ให้ยื่นคำขอต่ออธิบดี โดยการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นความจำเป็นโดยไม่ทำให้ทางราชการเสียประโยชน์ เมื่อได้รับอนุมัติแล้วจึงจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ และถ้าในการสร้างทางหลวงสัมปทานผู้รับสัมปทานจะเปลี่ยนแปลงร่องน้ำ ท่อน้ำ ย้ายสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ ฯลฯ การเปลียนแปลงรื้อถอนนั้นจะกระทำได้ต่อเมื่อได้แจ้งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองทราบก่อน และถ้าเกิดความเสียหายขึ้นผู้รับสัมปทานต้องชดใช้ค่าเสียหายนั้น
1.5 เพิ่มหลักการเรื่องการให้ผู้รับสัมปทานต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีที่มีความเสียหายเกิดขึ้น และมีหน้าที่ต้องทำทางให้กลับคืนสู่สภาพเดิมเมื่อหมดความจำเป็นแล้ว นอกจากนี้ยังให้อำนาจอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายดำเนินการแทนผู้รับสัมปทานได้ถ้ามีเหตุอันสมควร โดยให้ผู้รับสัมปทานเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าที่จ่ายจริงพร้อมเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของเงินจำนวนดังกล่าว
1.6 แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ที่อธิบดีจะอนุญาตให้ผู้ใดทำทางเข้าออก เชื่อม หรือผ่านทางหลวงสัมปทาน โดยกำหนดให้อธิบดีต้องฟังความเห็นของผู้รับสัมปทานเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตดังกล่าวก่อน และให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดเงื่อนไขอย่างใดก็ได้ รวมทั้งกำหนดมาตรการเพื่อประโยชน์ในการจราจร การป้องกันอุบัติภัย และการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ด้วย และให้อธิบดีมีอำนาจเพิกถอนการอนุญาตดังกล่าวได้ถ้ามีเหตุจำเป็น เพื่อประโยชน์แก่งานทางหรือประโยชน์ของรัฐ นอกจากนั้น อธิบดีมีอำนาจสั่งให้ผู้กระทำการรื้อถอนทางหรือสิ่งที่ได้สร้างขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต หากไม่ปฏิบัติตามก็ให้อธิบดีมีอำนาจรื้อถอนได้เองโดยผู้นั้นจะเรียกร้องค่าเสียหายมิได้ ทั้งยังต้องเสียค่าใช้จ่ายพร้อมเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ด้วย และหากผู้รับสัมปทานไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของอธิบดี มีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำสั่ง คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
1.7 ได้ปรับปรุงเงื่อนไขที่รัฐจะเข้ายึดถือครอบครองทางหลวงสัมปทานก่อนสัมปทานสิ้นอายุให้ชัดเจนและไม่มีขอบเขตกว้างจนเกินไป โดยจำกัดให้ทำได้เฉพาะ “เมื่อมีเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ” ตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี
1.8 กำหนดอำนาจหน้าที่ของอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ถ้าผู้รับสัมปทานไม่กระทำการใด ๆ ตามที่อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายสั่งให้ทำ อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอำนาจเข้ากระทำการโดยผู้รับสัมปทานเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายตามที่จ่ายจริงพร้อมเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของจำนวนเงินดังกล่าว
1.9 แก้ไขเพิ่มเติมให้อธิบดีมีอำนาจส่งหนังสือเตือนในกรณีที่ผู้รับสัมปทานไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ และถ้าเตือนแล้วผู้รับสัมปทานยังคงฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ให้รัฐมนตรีสามารถเพิกถอนสัมปทานดังกล่าวได้
2. ร่างกฎกระทรวง (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. ....
2.1 ได้แก้ไขเพิ่มเติมชื่อร่างกฎกระทรวงฯ ให้สอดคล้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมชื่อร่างพระราชบัญญัติทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. ....
2.2 ได้แบ่งหมวดกฎกระทรวงเป็น 2 หมวด คือ
1) หมวด 1 การยื่นคำขอรับสัมปทานและการให้สัมปทานกรณีที่มีการออกประกาศเชิญชวน
2) หมวด 2 การยื่นคำขอรับสัมปทานและการให้สัมปทานกรณีที่ไม่มีการออกประกาศเชิญชวน
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้นว่ากฎกระทรวงฉบับนี้มีเนื้อหาสาระครอบคลุมทั้ง 2 หมวด
2.3 กำหนดหลักฐานต่าง ๆ ที่ผู้ยื่นคำขอรับสัมปทานต้องยื่นประกอบคำขอรับสัมปทาน
2.4 ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอรับสัมปทานมีทุน เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ หรือบุคลากรไม่เพียงพอหรือไม่ครบถ้วน ก็สามารถนำหลักฐานว่ามีนิติบุคคลอื่นซึ่งเชื่อถือได้รับรองที่จะให้การสนับสนุนแก่ผู้ยื่นคำขอรับสัมปทานในส่วนที่ไม่เพียงพอหรือไม่ครบถ้วนนั้นได้
2.5 ผู้ยื่นคำขอรับสัมปทานต้องจัดทำข้อเสนอของโครงการก่อสร้างหรือบำรุงรักษาทางไว้ด้วย
2.6 การยื่นคำขอรับสัมปทานให้ยื่นต่อกรมทางหลวงพร้อมหลักฐาน ข้อเสนอโครงการก่อสร้างหรือบำรุงรักษาทาง พร้อมหลักประกันการยื่นคำขอรับสัมปทานตามที่กรมทางหลวงกำหนด
2.7 ได้กำหนดระยะเวลาที่ให้อธิบดีพิจารณาคำขอรับสัมปทานให้เสร็จเพื่อเสนอต่อรัฐมนตรี โดยอาจขยายระยะเวลาดังกล่าวได้แต่ต้องมีเหตุผล รวมทั้งเพิ่มอำนาจให้อธิบดีสามารถมีหนังสือขอให้ผู้ยื่นคำขอมาชี้แจงหรือส่งเอกสารเพิ่มเติมได้ กำหนดขั้นตอนในการพิจารณาคำขอรับสัมปทานของอธิบดีและรัฐมนตรีในกรณีต่าง ๆ
2.8 ได้เพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการในกรณีที่ผู้ได้รับสัมปทานไม่ไปลงนามตามวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนด โดยให้ถือว่าผู้ได้รับสัมปทานไม่ประสงค์จะขอรับสัมปทาน และให้ริบหลักประกันการยื่นคำขอได้ รวมทั้งได้กำหนดวิธีดำเนินการกรณีที่คณะรัฐมนตรีไม่อนุมัติให้สัมปทานด้วย
2.9 ได้เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ในการคืนหลักประกัน ซึ่งเดิมกำหนดให้คืนได้ต่อเมื่อมีการดำเนินการตามสัมปทานแล้วเสร็จ เป็นคืนหลักประกันตามระยะเวลาที่กำหนด โดยคำนึงถึงผลงานการประกันความรับผิด และการปฏิบัติตามสัมปทาน
2.10 เพิ่มกรณีที่รัฐบาลอาจให้สัมปทานได้โดยไม่ต้องมีการออกประกาศเชิญชวนในกรณีต่อไปนี้
1) การสร้างหรือบำรุงรักษาทางที่มีวงเงินลงทุนไม่เกิน 100 ล้านบาท หรือมีระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตร
2) การสร้างหรือบำรุงรักษาทางที่เป็นการต่อเติมหรือต่อเนื่องกับโครงการเดิม และมีวงเงินลงทุนไม่เกินหนึ่งในสามของโครงการเดิม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 28 มกราคม 2540--