ทำเนียบรัฐบาล--23 พ.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการให้มีการจัดทำประกันภัย สถานีตรวจวัดสภาพอากาศทางอุตุนิยมวิทยาระดับผิวพื้น(เสาสูง 100 เมตร) จำนวน 5 สถานี ได้แก่ สถานีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สถานีภาคตะวันออก สถานีภาคใต้ สถานีภาคเหนือ และสถานีภาคกลาง ในอัตราค่าเบี้ยประกันสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท ต่อปี ต่อ 1 สถานี เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการทำประกันภัยของรัฐ ทั้งนี้ เนื่องจาก
1. เป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญาเช่าที่ดินที่กรมควบคุมมลพิษทำกับการรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับสถานีที่ติดตั้งในกรุงเทพมหานคร
2. ช่วยประหยัดงบประมาณในการซ่อมเครื่องมือ อันเกิดจากเครื่องเสียตามความคุ้มครองในประกัน เนื่องจากที่ผ่านมากระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ ต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอุปกรณ์ที่ติดตั้งบนเสาสูงเป็นเงินจำนวนมากจากเหตุการณ์ฟ้าผ่า แม้ว่าสถานี (เสาสูง 100 เมตร) ได้มีการติดตั้งระบบป้องกันฟ้าผ่าแบบ Grounding System แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด โดยในปี 2540 ค่าใช้จ่ายจากการซ่อมอุปกรณ์ เนื่องจากไฟฟ้า surge จากฟ้าผ่า เป็นเงิน 1,753,384.00 บาท (บริษัทที่ติดตั้งเป็นผู้รับผิดชอบเนื่องจากอยู่ในระยะเวลาประกัน) ในปี 2541 เป็นเงิน 586,040.00 บาท และในปี 2542 (ตั้งแต่วันที่1 มกราคม 2542 - 31 กรกฎาคม 2542) เป็นเงิน 826,810.40 บาท กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายจากการซ่อมอุปกรณ์ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเงินเบี้ยประกันที่ต้องชำระรายปี หากมีการจัดทำประกันภัย ต่อ 1 สถานี ประมาณ 20,210.16 บาท จะเห็นว่าค่าใช้จ่ายในการซ่อมเครื่องมือสูงกว่าค่าเบี้ยประกันมาก
3. การจัดทำประกันภัย จะช่วยคุ้มครองบุคคลที่ 3 หากได้รับอันตรายบาดเจ็บหรือทรัพย์สินเสียหายที่เกิดขึ้นจาก สถานีตรวจวัดสภาพอากาศทางอุตุนิยมวิทยาระดับผิวพื้น (เสาสูง 100 เมตร) เช่น ในกรณีเสาล้มลงมา เป็นต้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 23 พฤศจิกายน 2542--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการให้มีการจัดทำประกันภัย สถานีตรวจวัดสภาพอากาศทางอุตุนิยมวิทยาระดับผิวพื้น(เสาสูง 100 เมตร) จำนวน 5 สถานี ได้แก่ สถานีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สถานีภาคตะวันออก สถานีภาคใต้ สถานีภาคเหนือ และสถานีภาคกลาง ในอัตราค่าเบี้ยประกันสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท ต่อปี ต่อ 1 สถานี เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการทำประกันภัยของรัฐ ทั้งนี้ เนื่องจาก
1. เป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญาเช่าที่ดินที่กรมควบคุมมลพิษทำกับการรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับสถานีที่ติดตั้งในกรุงเทพมหานคร
2. ช่วยประหยัดงบประมาณในการซ่อมเครื่องมือ อันเกิดจากเครื่องเสียตามความคุ้มครองในประกัน เนื่องจากที่ผ่านมากระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ ต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอุปกรณ์ที่ติดตั้งบนเสาสูงเป็นเงินจำนวนมากจากเหตุการณ์ฟ้าผ่า แม้ว่าสถานี (เสาสูง 100 เมตร) ได้มีการติดตั้งระบบป้องกันฟ้าผ่าแบบ Grounding System แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด โดยในปี 2540 ค่าใช้จ่ายจากการซ่อมอุปกรณ์ เนื่องจากไฟฟ้า surge จากฟ้าผ่า เป็นเงิน 1,753,384.00 บาท (บริษัทที่ติดตั้งเป็นผู้รับผิดชอบเนื่องจากอยู่ในระยะเวลาประกัน) ในปี 2541 เป็นเงิน 586,040.00 บาท และในปี 2542 (ตั้งแต่วันที่1 มกราคม 2542 - 31 กรกฎาคม 2542) เป็นเงิน 826,810.40 บาท กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายจากการซ่อมอุปกรณ์ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเงินเบี้ยประกันที่ต้องชำระรายปี หากมีการจัดทำประกันภัย ต่อ 1 สถานี ประมาณ 20,210.16 บาท จะเห็นว่าค่าใช้จ่ายในการซ่อมเครื่องมือสูงกว่าค่าเบี้ยประกันมาก
3. การจัดทำประกันภัย จะช่วยคุ้มครองบุคคลที่ 3 หากได้รับอันตรายบาดเจ็บหรือทรัพย์สินเสียหายที่เกิดขึ้นจาก สถานีตรวจวัดสภาพอากาศทางอุตุนิยมวิทยาระดับผิวพื้น (เสาสูง 100 เมตร) เช่น ในกรณีเสาล้มลงมา เป็นต้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 23 พฤศจิกายน 2542--