ทำเนียบรัฐบาล--11 ส.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติรถยนตร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงอัตราภาษีและอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับรถทั้งระบบ) รวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ร่างพระราชบัญญัติรถยนตร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. 2522 ดังนี้
1.1 ปรับปรุงการจัดเก็บภาษีรถยนต์จากการแยกจัดเก็บภาษีตามลักษณะการใช้งานเป็นการจัดเก็บภาษีตามลักษณะทางกายภาพของรถ ได้แก่ รถที่มีลักษณะเป็นรถเก๋ง รถอื่นที่ไม่มีลักษณะเป็นรถเก๋ง และรถจักรยานยนต์ ขณะเดียวกันได้กำหนดวิธีปฏิบัติในการคำนวณภาระภาษีตามโครงสร้างใหม่ให้ง่ายและสะดวกกว่าปัจจุบัน คือ ตามโครงสร้างภาษีใหม่ รถคันใดมีความจุในกระบอกสูบของเครื่องยนต์หรือน้ำหนักรถตกอยู่ในช่วงใด จะใช้จำนวนความจุในกระบอกสูบหรือจำนวนน้ำหนักรถในช่วงนั้นคูณด้วยอัตราภาษีในช่วงเดียวกันจะได้เป็นภาระภาษีทั้งหมด (ไม่ต้องคำนวณเป็นช่วง ๆ แล้วนำมารวมดังปัจจุบัน)
1.2 รถยนต์ที่มีลักษณะเป็นรถเก๋งกำหนดให้เสียภาษีโดยถือเกณฑ์ 2 ประการ คือ
1) เกณฑ์ภาษีที่คำนวณตามความจุของกระบอกสูบเครื่องยนต์
2) เกณฑ์ภาษีที่คำนวณตามมูลค่าของรถยนต์ โดยใช้มูลค่าของรถยนต์ที่ใช้เป็นฐานในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตมาเป็นฐานในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ที่มีมูลค่าเกินกว่าสามล้านบาทขึ้นไป กล่าวคือ รถยนต์มูลค่าเกินสามล้านบาทแต่ไม่เกินหกล้านบาท คิดภาษีตามมูลค่ารถยนต์เพิ่มจากภาษีที่คำนวณตามความจุในกระบอกสูบอีกคันละ 10,000 บาท เป็นต้น
1.3 รถยนต์อื่นที่ไม่มีลักษณะเป็นรถเก๋ง กำหนดให้เสียภาษีตามน้ำหนักรถ โดยมีการเพิ่มช่วงน้ำหนักเพื่อการคำนวณภาษีมากขึ้นกว่าเดิมสองช่วง และปรับปรุงอัตราภาษีเป็นอัตราเดียวไม่แยกเก็บตามประเภทการใช้งานอย่างในปัจจุบันเช่น รถยนต์อื่นที่ไม่มีลักษณะเป็นรถเก๋งมีน้ำหนักในช่วง 501 - 750 กิโลกรัม เสียภาษีรถยนต์ประจำปี 900 บาท เป็นต้น
1.4 รถจักรยานยนต์กำหนดให้จัดเก็บอัตราภาษีตามเกณฑ์ความจุในกระบอกสูบแบบเหมาคัน โดยแบ่งความจุในกระบอกสูบเป็น 2 ช่วง คือ
1) ขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 150 ลูกบาศก์เซนติเมตร คันละ 300 บาท
2) ขนาดความจุกระบอกสูบตั้งแต่ 151 ลูกบาศก์เซนติเมตรขึ้นไป คันละ 500 บาท
1.5 ยกเลิกสิทธิประโยชน์ที่เคยได้รับการลดภาษีสำหรับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี สำหรับรถใหม่ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่กฎหมายฉบับใหม่มีผลใช้บังคับ ส่วนรถเก่าซึ่งเคยได้รับสิทธิในการลดภาษีอยู่เท่าไรก็ให้คงรับสิทธิเช่นนั้นจนกว่ารถจะสิ้นสภาพ
1.6 โครงสร้างภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้สำหรับรถใหม่ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่กฎหมายใหม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา สำหรับรถเก่ายังคงใช้อัตราภาษีเดิม
1.7 เพิ่มการจัดเก็บภาษีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้านกำลังไฟฟ้าหรือพลังงานประเภทอื่นที่ไม่ใช่เครื่องยนต์แบบสันดาปภายใน โดยคิดอัตราภาษีครึ่งหนึ่งของอัตราภาษีที่คำนวณตามน้ำหนักรถ
1.8 รถบดถนนได้รับการยกเว้นภาษีประจำปี
2. ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ดังนี้
2.1 กำหนดชำระภาษีเพิ่มขึ้นอีก 2 ช่วง คือช่วงตั้งแต่ 8,001 - 9,000 กิโลกรัม และช่วงตั้งแต่ 9,001 กิโลกรัมขึ้นไป
2.2 กำหนดให้รถทุกประเภทของการขนส่งเสียภาษีในอัตราเดียวกัน โดยขึ้นอยู่กับน้ำหนักรถแต่ละประเภทซึ่งเดิมจะเสียภาษีในอัตราที่แตกต่างกันตามประเภทการขนส่ง
2.3 กำหนดให้รัฐมนตรีมีอำนาจลดภาษีประจำปีสำหรับรถในบางท้องที่หรือบางกรณีได้ โดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 11 สิงหาคม 2540--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติรถยนตร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงอัตราภาษีและอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับรถทั้งระบบ) รวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ร่างพระราชบัญญัติรถยนตร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. 2522 ดังนี้
1.1 ปรับปรุงการจัดเก็บภาษีรถยนต์จากการแยกจัดเก็บภาษีตามลักษณะการใช้งานเป็นการจัดเก็บภาษีตามลักษณะทางกายภาพของรถ ได้แก่ รถที่มีลักษณะเป็นรถเก๋ง รถอื่นที่ไม่มีลักษณะเป็นรถเก๋ง และรถจักรยานยนต์ ขณะเดียวกันได้กำหนดวิธีปฏิบัติในการคำนวณภาระภาษีตามโครงสร้างใหม่ให้ง่ายและสะดวกกว่าปัจจุบัน คือ ตามโครงสร้างภาษีใหม่ รถคันใดมีความจุในกระบอกสูบของเครื่องยนต์หรือน้ำหนักรถตกอยู่ในช่วงใด จะใช้จำนวนความจุในกระบอกสูบหรือจำนวนน้ำหนักรถในช่วงนั้นคูณด้วยอัตราภาษีในช่วงเดียวกันจะได้เป็นภาระภาษีทั้งหมด (ไม่ต้องคำนวณเป็นช่วง ๆ แล้วนำมารวมดังปัจจุบัน)
1.2 รถยนต์ที่มีลักษณะเป็นรถเก๋งกำหนดให้เสียภาษีโดยถือเกณฑ์ 2 ประการ คือ
1) เกณฑ์ภาษีที่คำนวณตามความจุของกระบอกสูบเครื่องยนต์
2) เกณฑ์ภาษีที่คำนวณตามมูลค่าของรถยนต์ โดยใช้มูลค่าของรถยนต์ที่ใช้เป็นฐานในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตมาเป็นฐานในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ที่มีมูลค่าเกินกว่าสามล้านบาทขึ้นไป กล่าวคือ รถยนต์มูลค่าเกินสามล้านบาทแต่ไม่เกินหกล้านบาท คิดภาษีตามมูลค่ารถยนต์เพิ่มจากภาษีที่คำนวณตามความจุในกระบอกสูบอีกคันละ 10,000 บาท เป็นต้น
1.3 รถยนต์อื่นที่ไม่มีลักษณะเป็นรถเก๋ง กำหนดให้เสียภาษีตามน้ำหนักรถ โดยมีการเพิ่มช่วงน้ำหนักเพื่อการคำนวณภาษีมากขึ้นกว่าเดิมสองช่วง และปรับปรุงอัตราภาษีเป็นอัตราเดียวไม่แยกเก็บตามประเภทการใช้งานอย่างในปัจจุบันเช่น รถยนต์อื่นที่ไม่มีลักษณะเป็นรถเก๋งมีน้ำหนักในช่วง 501 - 750 กิโลกรัม เสียภาษีรถยนต์ประจำปี 900 บาท เป็นต้น
1.4 รถจักรยานยนต์กำหนดให้จัดเก็บอัตราภาษีตามเกณฑ์ความจุในกระบอกสูบแบบเหมาคัน โดยแบ่งความจุในกระบอกสูบเป็น 2 ช่วง คือ
1) ขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 150 ลูกบาศก์เซนติเมตร คันละ 300 บาท
2) ขนาดความจุกระบอกสูบตั้งแต่ 151 ลูกบาศก์เซนติเมตรขึ้นไป คันละ 500 บาท
1.5 ยกเลิกสิทธิประโยชน์ที่เคยได้รับการลดภาษีสำหรับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี สำหรับรถใหม่ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่กฎหมายฉบับใหม่มีผลใช้บังคับ ส่วนรถเก่าซึ่งเคยได้รับสิทธิในการลดภาษีอยู่เท่าไรก็ให้คงรับสิทธิเช่นนั้นจนกว่ารถจะสิ้นสภาพ
1.6 โครงสร้างภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้สำหรับรถใหม่ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่กฎหมายใหม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา สำหรับรถเก่ายังคงใช้อัตราภาษีเดิม
1.7 เพิ่มการจัดเก็บภาษีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้านกำลังไฟฟ้าหรือพลังงานประเภทอื่นที่ไม่ใช่เครื่องยนต์แบบสันดาปภายใน โดยคิดอัตราภาษีครึ่งหนึ่งของอัตราภาษีที่คำนวณตามน้ำหนักรถ
1.8 รถบดถนนได้รับการยกเว้นภาษีประจำปี
2. ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ดังนี้
2.1 กำหนดชำระภาษีเพิ่มขึ้นอีก 2 ช่วง คือช่วงตั้งแต่ 8,001 - 9,000 กิโลกรัม และช่วงตั้งแต่ 9,001 กิโลกรัมขึ้นไป
2.2 กำหนดให้รถทุกประเภทของการขนส่งเสียภาษีในอัตราเดียวกัน โดยขึ้นอยู่กับน้ำหนักรถแต่ละประเภทซึ่งเดิมจะเสียภาษีในอัตราที่แตกต่างกันตามประเภทการขนส่ง
2.3 กำหนดให้รัฐมนตรีมีอำนาจลดภาษีประจำปีสำหรับรถในบางท้องที่หรือบางกรณีได้ โดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 11 สิงหาคม 2540--