ทำเนียบรัฐบาล--2 พ.ย.--บิสนิวส์
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบรายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเสนอ สรุปได้ดังนี้
1. ราคาน้ำมันดิบ
สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคม 2542 เป็นต้นมา ในช่วงต้นเดือนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้อ่อนตัวลงประมาณ 1.5 - 1.8 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล โดยราคาน้ำมันดิบดูไบได้อ่อนตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 20.0 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล แต่หลังจากช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคมเป็นต้นมา ราคาน้ำมันดิบได้ขยับตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 1.0 - 1.5 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล และเริ่มทรงตัวในช่วงปลายเดือน โดยราคาน้ำมันดิบดูไบทรงตัวอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 21.5 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล
สาเหตุที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้อ่อนตัวลงในช่วงต้นเดือนตุลาคม เนื่องจากตลาดคลายความเชื่อมั่นการจำกัดปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปค โดยในช่วง 2 - 3 เดือนที่ผ่านมานี้ สมาชิกของกลุ่มโอเปคบางประเทศได้เริ่มผลิตน้ำมันดิบเกินโควต้าที่ตกลงกันไว้เดิม ส่งผลให้ปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปคเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 180,000 บาเรล/วัน ทำให้กำลังการผลิตโดยรวมของโอเปคใกล้เคียงเป้าหมายที่ตกลงไว้เดิมเพียงร้อยละ 81 ปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้อาจเป็นไปได้ว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้สมาชิกกลุ่มโอเปคบางประเทศเริ่มผลิตน้ำมันดิบเกินโควต้า นอกจากนี้องค์การสหประชาชาติยังอนุมัติให้อิรักผลิตน้ำมันดิบเพื่อส่งออกตามโครงการส่งออกน้ำมันเพื่อแลกกับอาหาร (Oil - for - Food) ของสหประชาชาติออกไปได้อีก 6 เดือนจนกว่าจะครบมูลค่า 8.26 พันล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตามตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคมเป็นต้นมาราคาน้ำมันดิบได้ขยับตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากมีรายงานเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันดิบสำรองทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาลดต่ำลง รวมทั้งซาอุดิอาระเบียและคูเวตได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับการที่กลุ่มโอเปคอาจจะขยายระยะเวลาของการจำกัดปริมาณการผลิตออกไปอีกจนถึงไตรมาสที่สองของปีหน้า หลังจากข้อตกลงปัจจุบันสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม
2. ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์ปรับตัวในทิศทางเดียวกับน้ำมันดิบ โดยในช่วงต้นเดือนตุลาคมราคาน้ำมันเบนซินพิเศษและเบนซินธรรมดาได้อ่อนตัวลงประมาณ 4.5 - 5.0 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล มาอยู่ที่ระดับ 22.3 - 22.5 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล หลังจากนั้นจึงขยับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงสัปดาห์ที่สามของเดือนตุลาคมและทรงตัวอยู่ที่ระดับ 26.0 - 26.5 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล ส่วนราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในช่วงต้นเดือนตุลาคมปรับตัวลดลงประมาณ 2.5 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล มาอยู่ที่ระดับ 22.3 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล และเริ่มขยับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกับน้ำมันเบนซิน และทรงตัวอยู่ที่ระดับ 24 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล ในช่วงปลายเดือนนี้
สาเหตุที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปได้อ่อนตัวลงในช่วงต้นเดือนตุลาคมมีสาเหตุมาจากการอ่อนตัวลงของน้ำมันดิบ แต่เนื่องจากปัจจุบันปริมาณสำรองทางการค้าของน้ำมันเบนซินในตลาดโลกได้ลดต่ำลง จึงทำให้ราคาน้ำมันเบนซินในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นในส่วนของน้ำมันดีเซลนั้นเนื่องจากความต้องการใช้ในฤดูหนาวมีมากขึ้นจึงปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นการปรับตัวสูงขึ้นตามฤดูกาล
3. ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ
ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศในช่วงเดือนตุลาคม ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91 และ 87 ได้ปรับตัวลดลง 4 ครั้ง รวม 90 สตางค์/ลิตร และดีเซลหมุนเร็วได้ปรับตัวลดลง 5 ครั้ง โดยเป็นการปรับตัวลดลงจากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตและภาษีอื่น ๆ 50 สตางค์/ลิตร และปรับตัวลดลงเนื่องจากการอ่อนตัวของราคาน้ำมันในตลาดโลก 75 สตางค์/ลิตร รวมลดลง 1.25 บาท/ลิตร แต่ในช่วงปลายเดือนนี้เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกได้แข็งตัวขึ้นทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดในประเทศปรับตัวสูงขึ้น 30 สตางค์/ลิตร โดยปัจจุบันราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91, 87 และดีเซลหมุนเร็วมีราคาเท่ากับ 13.29, 12.49, 12.07 และ 10.09 บาท/ลิตร ตามลำดับ
4. ค่าการตลาดและค่าการกลั่น
ระดับค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ยกเลิกควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นต้นมาทั้งนี้เนื่องจากการปรับราคาขึ้นในระดับที่ต่ำและช้ากว่าการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งเป็นผลจากการแข่งขันที่สูงในตลาดน้ำมันซึ่งค่าการตลาดเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์ของประเทศโดยปกติแล้วอยู่ในระดับ 1.2 - 1.3 บาท/ลิตร แต่ปัจจุบันเคลื่อนไหวในระดับเพียง 0.5 - 1.0 บาท/ลิตร โดยระดับเฉลี่ยของเดือนตุลาคมอยู่ที่ 1.08 บาท/ลิตร ส่วนทางด้านค่าการกลั่นก็อยู่ในระดับที่ต่ำเช่นกัน เนื่องจากกำลังการกลั่นที่มีมากเกินความต้องการในภูมิภาคเอเชีย ทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปสูงขึ้นน้อยกว่าน้ำมันดิบ ค่าการกลั่นของโรงกลั่นจึงอยู่ในระดับต่ำเคลื่อนไหวในระดับ 0.40 - 0.60 บาท/ลิตร ในขณะที่ค่าการกลั่นเฉลี่ยของปี 2541 เคยอยู่ในระดับ 0.76 บาท/ลิตร
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 1 พฤศจิกายน 2542--
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบรายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเสนอ สรุปได้ดังนี้
1. ราคาน้ำมันดิบ
สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคม 2542 เป็นต้นมา ในช่วงต้นเดือนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้อ่อนตัวลงประมาณ 1.5 - 1.8 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล โดยราคาน้ำมันดิบดูไบได้อ่อนตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 20.0 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล แต่หลังจากช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคมเป็นต้นมา ราคาน้ำมันดิบได้ขยับตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 1.0 - 1.5 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล และเริ่มทรงตัวในช่วงปลายเดือน โดยราคาน้ำมันดิบดูไบทรงตัวอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 21.5 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล
สาเหตุที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้อ่อนตัวลงในช่วงต้นเดือนตุลาคม เนื่องจากตลาดคลายความเชื่อมั่นการจำกัดปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปค โดยในช่วง 2 - 3 เดือนที่ผ่านมานี้ สมาชิกของกลุ่มโอเปคบางประเทศได้เริ่มผลิตน้ำมันดิบเกินโควต้าที่ตกลงกันไว้เดิม ส่งผลให้ปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปคเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 180,000 บาเรล/วัน ทำให้กำลังการผลิตโดยรวมของโอเปคใกล้เคียงเป้าหมายที่ตกลงไว้เดิมเพียงร้อยละ 81 ปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้อาจเป็นไปได้ว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้สมาชิกกลุ่มโอเปคบางประเทศเริ่มผลิตน้ำมันดิบเกินโควต้า นอกจากนี้องค์การสหประชาชาติยังอนุมัติให้อิรักผลิตน้ำมันดิบเพื่อส่งออกตามโครงการส่งออกน้ำมันเพื่อแลกกับอาหาร (Oil - for - Food) ของสหประชาชาติออกไปได้อีก 6 เดือนจนกว่าจะครบมูลค่า 8.26 พันล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตามตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคมเป็นต้นมาราคาน้ำมันดิบได้ขยับตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากมีรายงานเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันดิบสำรองทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาลดต่ำลง รวมทั้งซาอุดิอาระเบียและคูเวตได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับการที่กลุ่มโอเปคอาจจะขยายระยะเวลาของการจำกัดปริมาณการผลิตออกไปอีกจนถึงไตรมาสที่สองของปีหน้า หลังจากข้อตกลงปัจจุบันสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม
2. ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์ปรับตัวในทิศทางเดียวกับน้ำมันดิบ โดยในช่วงต้นเดือนตุลาคมราคาน้ำมันเบนซินพิเศษและเบนซินธรรมดาได้อ่อนตัวลงประมาณ 4.5 - 5.0 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล มาอยู่ที่ระดับ 22.3 - 22.5 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล หลังจากนั้นจึงขยับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงสัปดาห์ที่สามของเดือนตุลาคมและทรงตัวอยู่ที่ระดับ 26.0 - 26.5 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล ส่วนราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในช่วงต้นเดือนตุลาคมปรับตัวลดลงประมาณ 2.5 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล มาอยู่ที่ระดับ 22.3 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล และเริ่มขยับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกับน้ำมันเบนซิน และทรงตัวอยู่ที่ระดับ 24 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล ในช่วงปลายเดือนนี้
สาเหตุที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปได้อ่อนตัวลงในช่วงต้นเดือนตุลาคมมีสาเหตุมาจากการอ่อนตัวลงของน้ำมันดิบ แต่เนื่องจากปัจจุบันปริมาณสำรองทางการค้าของน้ำมันเบนซินในตลาดโลกได้ลดต่ำลง จึงทำให้ราคาน้ำมันเบนซินในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นในส่วนของน้ำมันดีเซลนั้นเนื่องจากความต้องการใช้ในฤดูหนาวมีมากขึ้นจึงปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นการปรับตัวสูงขึ้นตามฤดูกาล
3. ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ
ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศในช่วงเดือนตุลาคม ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91 และ 87 ได้ปรับตัวลดลง 4 ครั้ง รวม 90 สตางค์/ลิตร และดีเซลหมุนเร็วได้ปรับตัวลดลง 5 ครั้ง โดยเป็นการปรับตัวลดลงจากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตและภาษีอื่น ๆ 50 สตางค์/ลิตร และปรับตัวลดลงเนื่องจากการอ่อนตัวของราคาน้ำมันในตลาดโลก 75 สตางค์/ลิตร รวมลดลง 1.25 บาท/ลิตร แต่ในช่วงปลายเดือนนี้เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกได้แข็งตัวขึ้นทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดในประเทศปรับตัวสูงขึ้น 30 สตางค์/ลิตร โดยปัจจุบันราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91, 87 และดีเซลหมุนเร็วมีราคาเท่ากับ 13.29, 12.49, 12.07 และ 10.09 บาท/ลิตร ตามลำดับ
4. ค่าการตลาดและค่าการกลั่น
ระดับค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ยกเลิกควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นต้นมาทั้งนี้เนื่องจากการปรับราคาขึ้นในระดับที่ต่ำและช้ากว่าการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งเป็นผลจากการแข่งขันที่สูงในตลาดน้ำมันซึ่งค่าการตลาดเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์ของประเทศโดยปกติแล้วอยู่ในระดับ 1.2 - 1.3 บาท/ลิตร แต่ปัจจุบันเคลื่อนไหวในระดับเพียง 0.5 - 1.0 บาท/ลิตร โดยระดับเฉลี่ยของเดือนตุลาคมอยู่ที่ 1.08 บาท/ลิตร ส่วนทางด้านค่าการกลั่นก็อยู่ในระดับที่ต่ำเช่นกัน เนื่องจากกำลังการกลั่นที่มีมากเกินความต้องการในภูมิภาคเอเชีย ทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปสูงขึ้นน้อยกว่าน้ำมันดิบ ค่าการกลั่นของโรงกลั่นจึงอยู่ในระดับต่ำเคลื่อนไหวในระดับ 0.40 - 0.60 บาท/ลิตร ในขณะที่ค่าการกลั่นเฉลี่ยของปี 2541 เคยอยู่ในระดับ 0.76 บาท/ลิตร
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 1 พฤศจิกายน 2542--