ทำเนียบรัฐบาล--21 พ.ค.--บิสนิวส์
คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจให้ความเห็นชอบมาตรการในการแก้ไขปัญหาการคืน ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ไม่ถูกต้อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยจำแนกเป็นมาตรการในระยะสั้นและ ระยะยาว ดังนี้
1. มาตรการระยะสั้นที่อยู่ในระหว่างดำเนินการ
1.1 เพิกถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับผู้ประกอบการที่ได้มาจดทะเบียนภาษีมูลค่า เพิ่มไว้แต่มีได้ประกอบกิจการจริง
1.2 ตรวจปฏิบัติการ ณ สถานประกอบการว่าผู้ประกอบการได้ประกอบกิจการจริง และ รวมถึงเคร่งครัดในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อป้องกันมิให้ผู้ที่มีเจตนาทุจริตรายใหม่เข้าจด ทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วขอคืนภาษี
1.3 ปรับเปลี่ยนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยกำหนดให้ใช้ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ชนิดลายน้ำ (ออกโดยระบบเครื่องคอมพิวเตอร์) แทนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชนิดเดิมที่ออกด้วยระ บบพิมพ์ดีด เพื่อป้องกันการปลอมแปลงใบทะเบียน ทั้งนี้ ได้ดำเนินการโดยส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจ สถานประกอบการก่อนที่จะออกใบทะเบียนฉบับใหม่ให้แทนฉบับเดิม
1.4 ปรับปรุงระเบียบปฏิบัติการตรวจคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้รัดกุมยิ่งขึ้น และเร่งศึกษา วางระ บบการตรวจก่อนคืนภาษีตามประเภทกิจการ โดยเฉพาะการวางหลักเกณฑ์ให้ผู้ขอคืนวางค้ำประกันการ ขอคืนภาษีมุลค่าเพิ่ม และการตรวจนับสินค้าคงเหลือ
1.5 จัดประชุมชี้แจงผู้สอบบัญชี ผู้จัดทำบัญชี สมาคมพ่อค้าต่างๆ ให้มีการใช้และออกใบกำ กับภาษีอย่างถูกต้อง
1.6 มุ่งตรวจผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีการขอคืนภาษีบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุอัน สมควรพร้อมทั้งให้มีการตรวจสอบยันใบการกำกับภาษีทั้งด้านผู้ออกและด้านผู้ใช้ใบกำกับภาษีที่ขอเครดิต ภาษีแต่ละเดือน
1.7 ประชุมและสั่งการสรรพากรเขต สรรพากรจังหวัด และสรรพากรอำเภอทั่วประเทศ เพื่อปราบปรามผู้กระทำผิดอย่างเฉียบขาด โดยดำเนินคดีแพ่งและอาญาต่อผู้กระทำผิดทุกราย
1.8 จัดตั้งคณะทำงานกรมสรรพากรร่วมกับคณะทำงานกรมศุลกากร เพื่อกำหนดแนวทางวิธี การดำเนินงานร่วมกันในการติดตามการขอคืนภาษีและหรือผู้ขอชดเชยภาษีของผู้ส่งออก
1.9 ปรับแผนการตรวจสอบภาษีเพื่อให้ขยายผลไปยังรายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ โดยเร็ว พร้อมทั้ง มุ่งถึงผลการจัดเก็บภาษีมากขึ้นด้วย
1.10 ทำการตรวจค้น ยึด อายัด บัญชีและเอกสารหลักฐานสำหรับรายที่มีเจตนาหลีกเลี่ยง ภาษีอากรโดยเน้นกิจการที่มีข้อมูลอยู่แล้ว เช่น กลุ่มค้าวัสดุก่อสร้าง กลุ่มสิ่งทอ เป็นต้น
1.11 ประสานงานและร่วมมือกับกรมศุลกากร กองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ (สศก.) กรมตำรวจ เพื่อป้องปรามและดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง
1.12 ติดต่อประสานงานกับกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ และสมาคมนักบัญชีแห่งประ เทศไทยเพื่อหามาตรการป้องกันสำนักงานบัญชีที่ไม่มีจรรยาบรรณ ที่จัดทำเอกสารหลักฐานโกงภาษีหรือช่วย เหลือผู้เสียภาษีให้มาโกงภาษีของชาติ
1.13 ทำการประชาสัมพันธ์ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทราบถึงผลกระ ทบความเสียหาย โทษทางแพ่งและอาญา ต่อการทุจริตขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยมิชอบ
2. มาตรการระยะยาวที่ต้องดำเนินการ
2.1 ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งสรุปหลักการสำคัญที่จะขอแก้ไข 7 หลักการ
2.2 ฝึกอบรม สัมมนาภาษีมูลค่าเพิ่มแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติทุกระดับชั้น โดยเน้นปัญหาและวิธี การหลีกเลี่ยงการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนแนวทางการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเป็นการป้องปราม และอุดช่องโหว่จากการขอคืนภาษี
2.3 ควบคุมให้มีการออกใบกำกับภาษีที่เป็นแหล่งต้นตอของสินค้า เช่น ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ค้า ส่ง เพื่อให้มีการออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ระบุชื่อที่อยู่ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ซึ่งสามารถควบคุมตรวจสอบยัน ใบกำกับภาษีได้ตลอดขบวนการทำธุรกิจ
2.4 ดำเนินการมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคมีส่วนร่วมในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม อาทิ ชักชวนให้มีการเรียกใบกำกับภาาและหรือใบเสร็จรับเงินจากธุรกิจให้บริการ เช่น ธุรกิจโรงแรม และภัตตาคาร ธุรกิจสถานี บริการน้ำมันที่ยังมิได้ใช้มิเตอร์หัวจ่าย ธุรกิจให้บริการรายย่อยที่มิได้ใช้เครื่อง บันทึกการเก็บเงินในการออกใบกำกับภาษีหรือใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น และให้มีการจับสลากชิงรางวัลเพื่อ จูงใจให้ผู้บริโภคมีการเรียกใบกำกับภาษีจากผู้ขาย
2.5 ร่วมมือกับส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต กรมทะ เบียนการค้า กองกำกับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ (สศก.) กรมตำรวจ เพื่อกำหนดมาตรการและ วิธีป้องกันมิให้มีการกระทำความผิดทางภาษีมูลค่าเพิ่ม
2.6 การประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องเป็นระยะ เช่น เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ แก่ผู้ ประกอบการโดยการสัมมนาและรับฟังปัญหา และชี้แจงให้ประชาชนผู้เสียภาษีดอากรทราบถึงผลกระทบที่ เกิดจากการขอคืนภาษี
2.7 พบว่าการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยมิชอบได้ขยายวงกว้างไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ เกือบทุกประ เภท แม้ว่ากรมสรรพากรจะได้ทุ่มเทเจ้าหน้าที่เพื่อการตรวจก่อนคืนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ส่วนหนึ่งยังต้องมุ่ง ให้มีการจัดเก็บภาษีอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่อัตรากำลังที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอ สมควรได้รับการสนับสนุน เพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่เพื่อการนี้ให้เพียงพอและเหมาะสม
นอกจากนี้ คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจยังเห็นชอบให้กระทรวงการคลัง และ กรมสรรพากรประสานกับกรมตำรวจเพื่อสอบสวนและดำเนินการกับผู้ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ไม่ถูกต้อง อย่างเด็ดขาดต่อไป
--ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 20 พฤษภาคม 2539--
คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจให้ความเห็นชอบมาตรการในการแก้ไขปัญหาการคืน ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ไม่ถูกต้อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยจำแนกเป็นมาตรการในระยะสั้นและ ระยะยาว ดังนี้
1. มาตรการระยะสั้นที่อยู่ในระหว่างดำเนินการ
1.1 เพิกถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับผู้ประกอบการที่ได้มาจดทะเบียนภาษีมูลค่า เพิ่มไว้แต่มีได้ประกอบกิจการจริง
1.2 ตรวจปฏิบัติการ ณ สถานประกอบการว่าผู้ประกอบการได้ประกอบกิจการจริง และ รวมถึงเคร่งครัดในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อป้องกันมิให้ผู้ที่มีเจตนาทุจริตรายใหม่เข้าจด ทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วขอคืนภาษี
1.3 ปรับเปลี่ยนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยกำหนดให้ใช้ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ชนิดลายน้ำ (ออกโดยระบบเครื่องคอมพิวเตอร์) แทนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชนิดเดิมที่ออกด้วยระ บบพิมพ์ดีด เพื่อป้องกันการปลอมแปลงใบทะเบียน ทั้งนี้ ได้ดำเนินการโดยส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจ สถานประกอบการก่อนที่จะออกใบทะเบียนฉบับใหม่ให้แทนฉบับเดิม
1.4 ปรับปรุงระเบียบปฏิบัติการตรวจคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้รัดกุมยิ่งขึ้น และเร่งศึกษา วางระ บบการตรวจก่อนคืนภาษีตามประเภทกิจการ โดยเฉพาะการวางหลักเกณฑ์ให้ผู้ขอคืนวางค้ำประกันการ ขอคืนภาษีมุลค่าเพิ่ม และการตรวจนับสินค้าคงเหลือ
1.5 จัดประชุมชี้แจงผู้สอบบัญชี ผู้จัดทำบัญชี สมาคมพ่อค้าต่างๆ ให้มีการใช้และออกใบกำ กับภาษีอย่างถูกต้อง
1.6 มุ่งตรวจผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีการขอคืนภาษีบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุอัน สมควรพร้อมทั้งให้มีการตรวจสอบยันใบการกำกับภาษีทั้งด้านผู้ออกและด้านผู้ใช้ใบกำกับภาษีที่ขอเครดิต ภาษีแต่ละเดือน
1.7 ประชุมและสั่งการสรรพากรเขต สรรพากรจังหวัด และสรรพากรอำเภอทั่วประเทศ เพื่อปราบปรามผู้กระทำผิดอย่างเฉียบขาด โดยดำเนินคดีแพ่งและอาญาต่อผู้กระทำผิดทุกราย
1.8 จัดตั้งคณะทำงานกรมสรรพากรร่วมกับคณะทำงานกรมศุลกากร เพื่อกำหนดแนวทางวิธี การดำเนินงานร่วมกันในการติดตามการขอคืนภาษีและหรือผู้ขอชดเชยภาษีของผู้ส่งออก
1.9 ปรับแผนการตรวจสอบภาษีเพื่อให้ขยายผลไปยังรายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ โดยเร็ว พร้อมทั้ง มุ่งถึงผลการจัดเก็บภาษีมากขึ้นด้วย
1.10 ทำการตรวจค้น ยึด อายัด บัญชีและเอกสารหลักฐานสำหรับรายที่มีเจตนาหลีกเลี่ยง ภาษีอากรโดยเน้นกิจการที่มีข้อมูลอยู่แล้ว เช่น กลุ่มค้าวัสดุก่อสร้าง กลุ่มสิ่งทอ เป็นต้น
1.11 ประสานงานและร่วมมือกับกรมศุลกากร กองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ (สศก.) กรมตำรวจ เพื่อป้องปรามและดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง
1.12 ติดต่อประสานงานกับกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ และสมาคมนักบัญชีแห่งประ เทศไทยเพื่อหามาตรการป้องกันสำนักงานบัญชีที่ไม่มีจรรยาบรรณ ที่จัดทำเอกสารหลักฐานโกงภาษีหรือช่วย เหลือผู้เสียภาษีให้มาโกงภาษีของชาติ
1.13 ทำการประชาสัมพันธ์ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทราบถึงผลกระ ทบความเสียหาย โทษทางแพ่งและอาญา ต่อการทุจริตขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยมิชอบ
2. มาตรการระยะยาวที่ต้องดำเนินการ
2.1 ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งสรุปหลักการสำคัญที่จะขอแก้ไข 7 หลักการ
2.2 ฝึกอบรม สัมมนาภาษีมูลค่าเพิ่มแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติทุกระดับชั้น โดยเน้นปัญหาและวิธี การหลีกเลี่ยงการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนแนวทางการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเป็นการป้องปราม และอุดช่องโหว่จากการขอคืนภาษี
2.3 ควบคุมให้มีการออกใบกำกับภาษีที่เป็นแหล่งต้นตอของสินค้า เช่น ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ค้า ส่ง เพื่อให้มีการออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ระบุชื่อที่อยู่ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ซึ่งสามารถควบคุมตรวจสอบยัน ใบกำกับภาษีได้ตลอดขบวนการทำธุรกิจ
2.4 ดำเนินการมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคมีส่วนร่วมในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม อาทิ ชักชวนให้มีการเรียกใบกำกับภาาและหรือใบเสร็จรับเงินจากธุรกิจให้บริการ เช่น ธุรกิจโรงแรม และภัตตาคาร ธุรกิจสถานี บริการน้ำมันที่ยังมิได้ใช้มิเตอร์หัวจ่าย ธุรกิจให้บริการรายย่อยที่มิได้ใช้เครื่อง บันทึกการเก็บเงินในการออกใบกำกับภาษีหรือใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น และให้มีการจับสลากชิงรางวัลเพื่อ จูงใจให้ผู้บริโภคมีการเรียกใบกำกับภาษีจากผู้ขาย
2.5 ร่วมมือกับส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต กรมทะ เบียนการค้า กองกำกับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ (สศก.) กรมตำรวจ เพื่อกำหนดมาตรการและ วิธีป้องกันมิให้มีการกระทำความผิดทางภาษีมูลค่าเพิ่ม
2.6 การประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องเป็นระยะ เช่น เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ แก่ผู้ ประกอบการโดยการสัมมนาและรับฟังปัญหา และชี้แจงให้ประชาชนผู้เสียภาษีดอากรทราบถึงผลกระทบที่ เกิดจากการขอคืนภาษี
2.7 พบว่าการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยมิชอบได้ขยายวงกว้างไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ เกือบทุกประ เภท แม้ว่ากรมสรรพากรจะได้ทุ่มเทเจ้าหน้าที่เพื่อการตรวจก่อนคืนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ส่วนหนึ่งยังต้องมุ่ง ให้มีการจัดเก็บภาษีอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่อัตรากำลังที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอ สมควรได้รับการสนับสนุน เพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่เพื่อการนี้ให้เพียงพอและเหมาะสม
นอกจากนี้ คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจยังเห็นชอบให้กระทรวงการคลัง และ กรมสรรพากรประสานกับกรมตำรวจเพื่อสอบสวนและดำเนินการกับผู้ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ไม่ถูกต้อง อย่างเด็ดขาดต่อไป
--ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 20 พฤษภาคม 2539--