ทำเนียบรัฐบาล--26 ม.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 รวม 6 ฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ดังนี้
1. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 (หลักเกณฑ์และวิธีการในการยื่นคำคัดค้านการพิจารณาคำคัดค้านเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจพิจารณาทางปกครอง และการสั่งให้เจ้าหน้าที่อื่นเข้าปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกคัดค้าน)
2. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539(หลักเกณฑ์และวิธีการในการยื่นคำคัดค้านและการพิจารณาคำคัดค้านกรรมการในคณะกรรมการที่มีอำนาจพิจารณาทางปกครอง)
3. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539(กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการมอบอำนาจของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจที่จะพิจารณาใช้มาตรการบังคับทางปกครองให้แก่เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาหรือเจ้าหน้าที่อื่นเป็นผู้ดำเนินการได้)
4. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539(กำหนดผู้มีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้อยู่ในบังคับของคำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้ชำระเงิน)
5. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539(กำหนดจำนวนค่าปรับทางปกครองซึ่งเจ้าหน้าที่ในแต่ละระดับสามารถใช้เป็นมาตรการบังคับแก่ผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งทางปกครอง)
6. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539(กำหนดเจ้าพนักงานที่จะเป็นพยานในการวางหนังสือหรือปิดหนังสือเพื่อแจ้งคำสั่งทางปกครอง การนัดพิจารณาหรือการอย่างอื่นที่เจ้าหน้าที่ต้องแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ)
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอว่า ตามที่พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ได้มีผลบังคับเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2540 และได้มีการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัตินี้ไปแล้ว รวม 4 ฉบับนั้น บัดนี้คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้พิจารณาเห็นสมควรให้มีการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติดังกล่าวเพิ่มเติมอีก 6 ฉบับ และร่างกฎกระทรวงทั้ง 6 ฉบับ มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ร่างกฎกระทรวงตามข้อ 1 มีสาระสำคัญ ดังนี้
1.1 การคัดค้านว่าเจ้าหน้าที่ผู้ใดจะทำการพิจารณาทางปกครองในเรื่องใดไม่ได้ ให้คู่กรณีทำคำคัดค้านเป็นหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ผู้นั้นก่อนได้รับแจ้งคำสั่งทางปกครอง โดยจะยื่นด้วยตนเองหรือส่งทางไปรษณีย์ตอบรับถึงเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกคัดค้าน ผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกคัดค้าน เจ้าหน้าที่สารบรรณหรือเจ้าหน้าที่คนหนึ่งคนใดในหน่วยงานที่เจ้าหน้าที่ซึ่งถูกคัดค้านสังกัดก็ได้ ทั้งนี้ ผู้รับหนังสือคัดค้านจะต้องออกใบรับและลงทะเบียนรับไว้เป็นหลักฐาน
1.2 เจ้าหน้าที่ซึ่งถูกคัดค้านจะต้องหยุดการพิจารณาเรื่องนั้นไว้ก่อน และแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาเหนือตนขึ้นไปชั้นหนึ่งทราบเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งต่อไป แต่ในกรณีที่ถูกคัดค้านตามมาตรา 16 และเห็นว่าตนไม่มีเหตุตามที่ถูกคัดค้าน จะทำการพิจารณาเรื่องนั้นต่อไปก็ได้ แต่ต้องแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งต่อไป
2. ร่างกฎกระทรวงตามข้อ 2 มีสาระสำคัญ ดังนี้
2.1 การคัดค้านว่าประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ใดในคณะกรรมการที่มีอำนาจพิจารณาทางปกครองจะทำการพิจารณาทางปกครองในเรื่องใดไม่ได้ตามมาตรา 14 หรือมาตรา 16 ให้คู่กรณีทำคำคัดค้านเป็นหนังสือถึงประธานกรรมการหรือผู้ถูกคัดค้าน แล้วแต่กรณี โดยจะยื่นด้วยตนเองหรือส่งทางไปรษณีย์ตอบรับก็ได้ แต่ต้องก่อนได้รับแจ้งคำสั่งทางปกครอง โดยผู้รับหนังสือคัดค้านจะต้องออกใบรับและลงทะเบียนรับไว้เป็นหลักฐาน
2.2 ให้ประธานกรรมการเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเหตุคัดค้านนั้น แต่ในกรณีคัดค้านตามมาตรา 16 และผู้ที่ถูกคัดค้านเห็นว่าตนไม่มีเหตุที่ถูกคัดค้าน จะทำการพิจารณาเรื่องต่อไปก็ได้ แต่ต้องแจ้งให้ประธานกรรมการทราบ
3. ร่างกฎกระทรวงตามข้อ 3 มีสาระสำคัญ ดังนี้
3.1 กำหนดให้การมอบอำนาจในการดำเนินการพิจารณาใช้มาตรการบังคับปกครองของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจทำคำสั่งทางปกครองในกรณีเป็นราชการบริหารส่วนกลาง และราชการบริหารส่วนภูมิภาค ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ในกรณีเป็นราชการส่วนท้องถิ่น ให้เป็นไปตามกฎหมายที่จัดตั้งราชการส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ และในกรณีเป็นรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐให้เป็นไปตามกฎหมายที่จัดตั้งรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐนั้น ๆ
3.2 กำหนดให้การมอบอำนาจในการดำเนินการพิจารณาใช้มาตรการบังคับทางปกครองระหว่างเจ้าหน้าที่ในระหว่างหน่วยงานดังกล่าวที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล ให้เป็นไปตามความตกลงระหว่างหน่วยงานนั้น โดยให้ทำความตกลงเป็นหนังสือและกำหนดตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ผู้ที่จะมอบและรับมอบอำนาจไว้ในข้อตกลงนั้นด้วย
4. ร่างกฎกระทรวงตามข้อ 4 มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผู้มีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินเป็นเจ้าหน้าที่ในระดับที่เหมาะสมที่จะพิจารณาสั่งการเพื่อให้การใช้มาตรการบังคับทางปกครองเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ โดยสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวทั้งในราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
5. ร่างกฎกระทรวงตามข้อ 5 มีสาระสำคัญ ดังนี้
5.1 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ในแต่ละระดับมีอำนาจกำหนดจำนวนค่าปรับทางปกครอง ทั้งนี้ โดยให้สอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
5.2 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการบังคับให้มีการชำระค่าปรับทางปกครองทุกสิบห้าวัน และออกใบเสร็จรับเงินให้แก่ผู้ที่ชำระค่าปรับไว้เป็นหลักฐาน
6. ร่างกฎกระทรวงตามข้อ 6 มีสาระสำคัญคือ กำหนดเจ้าพนักงานที่จะเป็นพยานในการวางหนังสือหรือปิดหนังสือเพื่อแจ้งคำสั่งทางปกครอง การนัดพิจารณา หรือการอย่างอื่นที่เจ้าหน้าที่ต้องแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ ในกรณีที่ผู้รับไม่ยอมรับหรือไม่มีผู้รับ ให้ถือว่าได้รับแจ้งแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 26 มกราคม 2542--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 รวม 6 ฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ดังนี้
1. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 (หลักเกณฑ์และวิธีการในการยื่นคำคัดค้านการพิจารณาคำคัดค้านเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจพิจารณาทางปกครอง และการสั่งให้เจ้าหน้าที่อื่นเข้าปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกคัดค้าน)
2. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539(หลักเกณฑ์และวิธีการในการยื่นคำคัดค้านและการพิจารณาคำคัดค้านกรรมการในคณะกรรมการที่มีอำนาจพิจารณาทางปกครอง)
3. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539(กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการมอบอำนาจของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจที่จะพิจารณาใช้มาตรการบังคับทางปกครองให้แก่เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาหรือเจ้าหน้าที่อื่นเป็นผู้ดำเนินการได้)
4. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539(กำหนดผู้มีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้อยู่ในบังคับของคำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้ชำระเงิน)
5. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539(กำหนดจำนวนค่าปรับทางปกครองซึ่งเจ้าหน้าที่ในแต่ละระดับสามารถใช้เป็นมาตรการบังคับแก่ผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งทางปกครอง)
6. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539(กำหนดเจ้าพนักงานที่จะเป็นพยานในการวางหนังสือหรือปิดหนังสือเพื่อแจ้งคำสั่งทางปกครอง การนัดพิจารณาหรือการอย่างอื่นที่เจ้าหน้าที่ต้องแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ)
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอว่า ตามที่พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ได้มีผลบังคับเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2540 และได้มีการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัตินี้ไปแล้ว รวม 4 ฉบับนั้น บัดนี้คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้พิจารณาเห็นสมควรให้มีการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติดังกล่าวเพิ่มเติมอีก 6 ฉบับ และร่างกฎกระทรวงทั้ง 6 ฉบับ มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ร่างกฎกระทรวงตามข้อ 1 มีสาระสำคัญ ดังนี้
1.1 การคัดค้านว่าเจ้าหน้าที่ผู้ใดจะทำการพิจารณาทางปกครองในเรื่องใดไม่ได้ ให้คู่กรณีทำคำคัดค้านเป็นหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ผู้นั้นก่อนได้รับแจ้งคำสั่งทางปกครอง โดยจะยื่นด้วยตนเองหรือส่งทางไปรษณีย์ตอบรับถึงเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกคัดค้าน ผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกคัดค้าน เจ้าหน้าที่สารบรรณหรือเจ้าหน้าที่คนหนึ่งคนใดในหน่วยงานที่เจ้าหน้าที่ซึ่งถูกคัดค้านสังกัดก็ได้ ทั้งนี้ ผู้รับหนังสือคัดค้านจะต้องออกใบรับและลงทะเบียนรับไว้เป็นหลักฐาน
1.2 เจ้าหน้าที่ซึ่งถูกคัดค้านจะต้องหยุดการพิจารณาเรื่องนั้นไว้ก่อน และแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาเหนือตนขึ้นไปชั้นหนึ่งทราบเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งต่อไป แต่ในกรณีที่ถูกคัดค้านตามมาตรา 16 และเห็นว่าตนไม่มีเหตุตามที่ถูกคัดค้าน จะทำการพิจารณาเรื่องนั้นต่อไปก็ได้ แต่ต้องแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งต่อไป
2. ร่างกฎกระทรวงตามข้อ 2 มีสาระสำคัญ ดังนี้
2.1 การคัดค้านว่าประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ใดในคณะกรรมการที่มีอำนาจพิจารณาทางปกครองจะทำการพิจารณาทางปกครองในเรื่องใดไม่ได้ตามมาตรา 14 หรือมาตรา 16 ให้คู่กรณีทำคำคัดค้านเป็นหนังสือถึงประธานกรรมการหรือผู้ถูกคัดค้าน แล้วแต่กรณี โดยจะยื่นด้วยตนเองหรือส่งทางไปรษณีย์ตอบรับก็ได้ แต่ต้องก่อนได้รับแจ้งคำสั่งทางปกครอง โดยผู้รับหนังสือคัดค้านจะต้องออกใบรับและลงทะเบียนรับไว้เป็นหลักฐาน
2.2 ให้ประธานกรรมการเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเหตุคัดค้านนั้น แต่ในกรณีคัดค้านตามมาตรา 16 และผู้ที่ถูกคัดค้านเห็นว่าตนไม่มีเหตุที่ถูกคัดค้าน จะทำการพิจารณาเรื่องต่อไปก็ได้ แต่ต้องแจ้งให้ประธานกรรมการทราบ
3. ร่างกฎกระทรวงตามข้อ 3 มีสาระสำคัญ ดังนี้
3.1 กำหนดให้การมอบอำนาจในการดำเนินการพิจารณาใช้มาตรการบังคับปกครองของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจทำคำสั่งทางปกครองในกรณีเป็นราชการบริหารส่วนกลาง และราชการบริหารส่วนภูมิภาค ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ในกรณีเป็นราชการส่วนท้องถิ่น ให้เป็นไปตามกฎหมายที่จัดตั้งราชการส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ และในกรณีเป็นรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐให้เป็นไปตามกฎหมายที่จัดตั้งรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐนั้น ๆ
3.2 กำหนดให้การมอบอำนาจในการดำเนินการพิจารณาใช้มาตรการบังคับทางปกครองระหว่างเจ้าหน้าที่ในระหว่างหน่วยงานดังกล่าวที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล ให้เป็นไปตามความตกลงระหว่างหน่วยงานนั้น โดยให้ทำความตกลงเป็นหนังสือและกำหนดตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ผู้ที่จะมอบและรับมอบอำนาจไว้ในข้อตกลงนั้นด้วย
4. ร่างกฎกระทรวงตามข้อ 4 มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผู้มีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินเป็นเจ้าหน้าที่ในระดับที่เหมาะสมที่จะพิจารณาสั่งการเพื่อให้การใช้มาตรการบังคับทางปกครองเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ โดยสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวทั้งในราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
5. ร่างกฎกระทรวงตามข้อ 5 มีสาระสำคัญ ดังนี้
5.1 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ในแต่ละระดับมีอำนาจกำหนดจำนวนค่าปรับทางปกครอง ทั้งนี้ โดยให้สอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
5.2 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการบังคับให้มีการชำระค่าปรับทางปกครองทุกสิบห้าวัน และออกใบเสร็จรับเงินให้แก่ผู้ที่ชำระค่าปรับไว้เป็นหลักฐาน
6. ร่างกฎกระทรวงตามข้อ 6 มีสาระสำคัญคือ กำหนดเจ้าพนักงานที่จะเป็นพยานในการวางหนังสือหรือปิดหนังสือเพื่อแจ้งคำสั่งทางปกครอง การนัดพิจารณา หรือการอย่างอื่นที่เจ้าหน้าที่ต้องแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ ในกรณีที่ผู้รับไม่ยอมรับหรือไม่มีผู้รับ ให้ถือว่าได้รับแจ้งแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 26 มกราคม 2542--