ทำเนียบรัฐบาล--8 มี.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ งวดที่ 2 ของปีงบประมาณ 2537 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
1. ผลการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล
1.1 นโยบายเศรษฐกิจ ด้านการเกษตร ได้ดำเนินการ
1.1.1 การจัดตั้งสภาการเกษตรแห่งชาติ ในปี 2537 ได้ปรับปรุงร่างกฎหมายเกี่ยวกับสภาการเกษตรแห่งชาติหลายฉบับ และจัดให้มีการสัมมนาสาธารณะ 4 ภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ ในประเด็นต่าง ๆ เช่น ควรให้เป็นสภาการเกษตรหรือสภาเกษตรกร รูปแบบและอำนาจหน้าที่ของสภาการเกษตร จำนวนคณะกรรมการ การได้มาซึ่งตัวแทนเกษตรกร ฯลฯ สำหรับข้อมูลที่ได้จากการสัมมนา จะได้นำมาปรับปรุงให้ได้ร่างพระราชบัญญัติสภาการเกษตรที่เหมาะสมต่อไป
1.1.2 การปรับปรุงระบบการผลิตทางการเกษตร ได้ดำเนินการตามโครงการที่สำคัญ คือ
(1) โครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนเกษตรกรลดพื้นที่เพาะปลูกที่มีปัญหาด้านการตลาดและราคา 4 ชนิด ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง กาแฟและพริกไทยและทำกิจกรรมทดแทนพืชมีปัญหาดังกล่าว ได้แก่ โคนม โคเนื้อ ไม้ผล ไม้ยืนต้น ไม้โตเร็ว ไผ่ตง พืชผัก ไม้ดอก ไม้ประดับ ฯลฯ โดยให้การสนับสนุนทางวิชาการ ปัจจัยการผลิต ตลอดจนสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่เกษตรกร ซึ่งผลการดำเนินงาน ปี 2537 มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 154,168 ราย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อนุมัติเงินกู้แก่เกษตรกรแล้ว 46,000 ราย วงเงิน 3,000 ล้านบาท จ่ายเงินกู้แล้ว 42,000 ราย เป็นเงิน 2,200 ล้านบาท และลดพื้นที่ปลูกพืชที่มีปัญหาได้แล้วรวม 705,891 ไร่
(2) โครงการสนับสนุนแผนการผลิตของเกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรสามารถริเริ่มวางแผนการผลิตตามความต้องการของตนเองให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และทรัพยากร โดยหน่วยราชการสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการด้านการผลิตการตลาด และสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ธ.ก.ส. เป้าหมายดำเนินการในปี 2537 คือ เกษตรกร 2,189 หมู่บ้าน ในเขตพื้นที่โครงการ ฯ ใน 4 ภาค 44 จังหวัด ซึ่งผลการดำเนินงาน ปี 2537 ดำเนินการไปแล้วใน 2,179 หมู่บ้าน เกษตรกรเสนอแผนการผลิตแล้ว 81,859 ราย โดยแผนการผลิตของเกษตรกรที่เสนอส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมด้าน ปศุสัตว์ รองลงมาคือไม้ผล ไม้ยืนต้น ทำนา ประมง ไร่นาสวนผสม นอกจากนั้น เป็นกิจกรรมอนุรักษ์ดินและน้ำเครื่องจักรกลเกษตรขนาดเล็ก ทำไร่ ไม้ดอกไม้ประดับแปรรูปการเกษตร ฯลฯ ธ.ก.ส. จ่ายเงินกู้ให้เกษตรกรในปี 2537 แล้ว 32,700 ราย เป็นเงิน 685.36 ล้านบาท
1.1.3 การพัฒนาแหล่งน้ำ เร่งรัดดำเนินโครงการชลประทานขนาดต่าง ๆ แหล่งน้ำธรรมชาติแหล่งน้ำในไร่นา รวมทั้งปรับปรุงการบริหารการใช้น้ำชลประทานให้มีประสิทธิภาพ โดยดำเนินการดังนี้
(1) โครงการชลประทานขนาดใหญ่ มีเป้าหมายปี 2537 ทั้งโครงการต่อเนื่องและเปิดใหม่ 12 โครงการ ผลการดำเนินงาน คาดว่าเมื่อดำเนินการเสร็จตามเป้าหมายสามารถเพิ่มพื้นที่ชลประทานประมาณ 153,000 ไร่
(2) โครงการชลประทานขนาดกลาง เป้าหมายปี 2537 รวม 45 โครงการ (เปิดใหม่ 11 โครงการ ต่อเนื่อง 34 โครงการ) ผลการดำเนินการคือ เมื่อก่อสร้างเสร็จ จะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 675,900 ไร่
(3) การพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ได้ดำเนินการตามโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการชลประทานขนาดเล็ก ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จ 227 โครงการ เกษตรกรได้รับประโยชน์ 90,000 ครัวเรือน พื้นที่ 310,000 ไร่ ตลอดจนการขุดสระเก็บน้ำในไร่นา โดยมีการขุดสระเก็บน้ำในไร่นาแก่เกษตรกรทั่วไปเป้าหมาย ปี 2537 จำนวน 12,000 แห่ง ดำเนินการก่อสร้าง 4 ภาค ได้ 12,885 แห่ง มากกว่าเป้าหมาย ก่อสร้างแล้วเสร็จ 8,919 แห่ง สามารถเก็บกักน้ำได้รวม 12 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่เกษตรกรได้รับประโยชน์ประมาณ 58,000 ไร่ และขุดสระเก็บน้ำในไร่นาให้แก่สมาชิกสหกรณ์การเกษตรและสหกรณ์นิคม เป้าหมายปี 2537 จำนวน 6,245 สระ เสร็จเรียบร้อยแล้ว 5,768 สระ อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง 477 สระ
(4) การขุดลอกหนองน้ำและคลองธรรมชาติ ในปี 2537 มีเป้าหมายจะพัฒนาปรับปรุงแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยวิธีขุดลอกหนองน้ำและคลองธรรมชาติ ในเขตชนบททั่วประเทศ จำนวน 1,012 โครงการ ขุดลอกแล้วเสร็จ 518 โครงการ อยู่ระหว่างการขุดลอก 163 โครงการ พื้นที่ได้รับประโยชน์ 234,000 ไร่ ครัวเรือนเกษตรกรได้รับประโยชน์ 60,000 ครัวเรือน ที่เหลือ 331 โครงการ ยังไม่ได้ดำเนินการ คาดว่าเมื่อดำเนินการเสร็จทั้งหมด พื้นที่ได้รับประโยชน์ 376,000 ไร่ เกษตรกรได้รับประโยชน์ 157,700 ครัวเรือน
(5) การพัฒนาแหล่งน้ำในเขตปฏิรูปที่ดิน ในปี 2537 มีเป้าหมายและผลงานดังนี้
- ขุดสระน้ำในแปลงเกษตรกรรม ดำเนินการเสร็จ 1,092 บ่อ อยู่ระหว่างก่อสร้าง 878 บ่อ
- ขุดบ่อบาดาล แล้วเสร็จ 47 แห่ง อยู่ระหว่างดำเนินการ 64 แห่ง
- ขุดบ่อน้ำตื้น แล้วเสร็จ 46 บ่อ อยู่ระหว่างดำเนินการ 99 บ่อ
- ขุดลอกแหล่งน้ำธรรมชาติ ดำเนินการเสร็จแล้ว 4 แห่ง อยู่ระหว่างดำเนินการ 52 แห่ง
1.1.4 การปฏิรูปที่ดิน ได้ตรวจสอบและรังวัดที่ดิน โดยจัดที่ดินอันเป็นที่ดินของรัฐให้เกษตรกรได้ ทั้งหมด เนื้อที่ 7,007,341 ไร่ เกษตรกร 362,287 ราย และได้ดำเนินการจัดซื้อที่ดินจากเจ้าของที่ดินที่มีที่ดินเกินกว่าพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินหรือเจ้าของที่ดินที่มิได้ทำประโยชน์ด้วยตนเอง เนื้อที่ 18,446 ไร่ โดยได้นำที่ดินที่จัดซื้อจากเอกชนมาดำเนินการจัดที่ดินให้เกษตรกรโดยวิธีการเช่าที่ดิน และเช่าซื้อที่ดิน ได้เนื้อที่ 3,863 ไร่ จำนวน เกษตรกร 276 ราย
1.1.5 การวิจัยและพัฒนา
(1) ด้านพืช พัฒนาพันธุ์พืชใหม่ที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูง ต้านทานโรคและแมลง และตรงกับความต้องการตลาด ในรูปพันธุ์แนะนำ พันธุ์รับรอง และพันธุ์ส่งเสริม เป็นพันธุ์หลักและพันธุ์ขยายกระจายสู่เกษตร เช่น ช้าวพืชไร่ หม่อนไหม นอกจากนี้ ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้เกษตรกร
(2) ด้านปศุสัตว์ ปรับปรุงพันธุ์สัตว์และขยายพันธุ์สัตว์ดีโดยวิธีผสมเทียม ได้แก่ โคนม โคเนื้อ กระบือ สุกร เร่งรัดป้องกันกำจัดโรคปากและเท้าเปื่อยในโคกระบือ แพะ แกะ และสุกร ตลอดจนผลิตวัคซีนป้องกันโรคสัตว์อื่นนอกเหนือจากวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปลื่อย นอกจากนี้ ในปี 2537 ได้ผลิตอาหารสัตว์ เช่น หญ้าสด หญ้าแห้ง และผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วและหญ้า
(3) ด้านการประมง มีการพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด สัตว์น้ำชายฝั่ง จัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล สร้างแหล่งพ่อพันธ์-แม่พันธ์สัตว์น้ำชายฝั่งที่มีเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยง นอกจากนี้ได้พัฒนากองเรือประมงพาณิชย์เพื่อออกไปสำรวจและพัฒนาประมงทะเลลึก จัดตั้งหน่วยให้บริการด้านตรวจสอบคุณภาพสัตว์น้ำแก่ภาคเอกชน
1.1.6 การพัฒนาสถาบันเกษตรกร โดยจัดตั้งสหกรณ์ทุกประเภทขึ้นใหม่ สร้างฉางเก็บข้าวเปลือกและลานตากข้าวของกลุ่มเกษตรกร ก่อสร้างตลาดกลางข้าวเปลือกประจำตำบลแก่สหกรณ์ ก่อสร้างลานตากข้าวเปลือกแก่สหรณ์ที่ได้รับฉางข้าวไปแล้วในปีก่อน รับซื้อข้าวเปลือกแก่สมาชิกสหกรณ์การเกษตร โดยใช้เงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ปี 2537 จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทประกันชีวิตของสหกรณ์ ชื่อ บริษัทสหประกันชีวิต จำกัด ยังให้การอบรมความรู้ทางการบัญชีระดับชาวบ้านแก่เกษตรกรผู้นำ
1.1.7 การแก้ไขภาวะหนี้สินเกษตรกร ได้ทำการปลดเปลื้องหนี้สินเกษตรกรในส่วนเงินงบประมาณ 93.36 ล้านบาท อีก 108 ล้านบาท อยู่ระหว่างพิจารณา เป็นโครงการจำหน่ายหนี้ 10 โครงการ และโครงการปรับปรุงหนี้ 61 โครงการ
1.2 อนุรักษ์ฟื้นฟูและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
1.2.1 ด้านป่าไม้ ได้จัดทำโครงการปลูกป่าต่าง ๆ เช่น โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ รวมกล้าไม้ที่แจกจ่ายแล้ว 66.6 ล้านกล้า โครงการส่งเสริมเกษตรกรปลูกป่า จ่ายเงินให้เกษตรกร จำนวน 503,408 ไร่เป็นเงิน 402.72 ล้านบาท โครงการพัฒนาพื้นที่ป่าชายเลนในพื้นที่เขตอนุรักษ์ การดำเนินงานอุทยานแห่งชาติ เนื้อที่ 3,868,285 ไร่ และการดำเนินงานคุ้มครองสัตว์ป่าโดยจัดตั้งเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเพิ่ม 1 แห่ง ที่ จ.พิษณุโลก
1.2.2 ด้านที่ดิน ทำการสาธิตและทดสอบการอนุรักษ์ดินและน้ำ รวมทั้งผลิตและจัดหาพันธุ์พืชคลุมดินบำรุงดินเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ ปรับปรุงบำรุงดินด้วยอินทรีย์วัตถุ แก้ไขป้ญหาดินเค็มดินเปรี้ยวภาคใต้ปรับปรุงแก้ไขคุณภาพดินเค็มโดยผลิตเมล็ดพันธุ์พืชปรับปรุงดิน นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้ง "หมู่บ้านพัฒนาที่ดิน" ทั่วประเทศ 162 แห่ง และอยู่ในระหว่างดำเนินการ 194 แห่ง
1.2.3 ด้านประมง จัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.พังงา ฟื้นฟูทรัพยากรประมงและสิ่งแวดล้อม ติดตามสภาพแนวปะการัง และศึกษาปัญหาความเสื่อมโทรมของแนวปะการังเนื่องจากน้ำเสีย2. ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
2.1 มาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ (มติคณะรัฐมนตรี 17 ธันวาคม2534, 25 พฤษภาคม 2536) องค์การสวนยางได้เข้าแทรกแซงตลาดยางพาราตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2535 มีกำไรจากการดำเนินงาน 3.25 ล้านบาท ต่อมาสถานการณ์ราคายางธรรมชาติมีแนวโน้มลดลงต่ำกว่าต้นทุนการผลิตมาก องค์การสวนยางจึงกู้เงินจากธนาคารกรุงไทย วงเงิน 500 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรี ผลการแทรกแซง ฯ ทำให้ราคายางภายในประเทศมีราคาสูงขึ้น มีการแข่งขันซื้อยางส่งมอบให้ลูกค้าตามสัญญา
2.2 โครงการวิจัยพันธุ์ รับรองพันธุ์ และกระจายพันธุ์ (มติคณะรัฐมนตรี 22 ธันวาคม 2530) มีการพัฒนาพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ให้ได้พันธุ์ดี เช่น ข้าวสาลี พบสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตดีได้แก่ SMGBWS85538 ได้ผลผลิตเฉลี่ย 370 กก./ไร่ ป่านรามีพบพันธุ์ # 10 และ Hozogukishu ให้ผลผลิตสะสม 3 ปี โดยให้ผลผลิตเส้นใยเฉลี่ย 267 กก./ไร่
2.3 โครงการวิจัยการป้องกันและกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและโรคใบหงิก (มติคณะรัฐมนตรี 21 สิงหาคม 2533) เร่งรัดพัฒนาพันธุ์ข้าวต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โดยการทดสอบพันธุ์/สายพันธุ์ต่าง ๆ วิจัยพัฒนา วิธีการป้องกันกำจัดเพลี้ยกระโดดสี้น้ำตาล วิจัยและพัฒนาวิธีการป้องกันกำจัดโรคใบหงิกของข้าว การพยากรณ์การเกิดโรคใบหงิก ตลอดจนจัดทำเอกสารคำแนะนำประชาสัมพันธุ์
2.4 โครงการปรับปรุงการผลิตและตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออก (มติคณะรัฐมนตรี 25 กุมภาพันธ์ 2528) ตรวจสอบวิเคราะห์คุณภาพสินค้าเกษตรทั่วไป และเพื่อการออกใบรับรอง เช่น สินค้าเกษตรส่งออกเพื่อออกใบรับรอง จำนวน 2,467 ตัวอย่าง 11,806 รายการวิจัยการปรับปรุงการผลิตเพื่อการส่งออกควบคุมและแนะนำให้กำจัดศัตรูพืช ณ โรงบรรจุหีบห่อก่อนการส่งออก บริการทดสอบคุณสมบัติต่าง ๆ ของตัวอย่างยางแห่ง ที ที อาร์และพิจารณาชั้นยางแท่งตามคุณสมบัติที่ทดสอบได้ จำนวน 15,854 ตัวอย่าง
2.5 โครงการจัดตั้งตลาดกลางยางพารา (มติคณะรัฐมนตรี 17 ธันวาคม 2535) มีการศึกษาระบบตลาดกลางยางพารา สำหรับตลาดกลางยางแผ่นดิน เปิดบริการซื้อขายยางทุกวันทำการ ในช่วง9 เดือนแรกของปี 2537 (ตุลาคม - มิถุนายน 2537) ปริมาณยางซื้อขายผ่านตลาดกลางมีจำนวน 6,980 ตัน มูลค่า 128.09 ล้านบาท เกษตรกรที่ขายยางผ่านตลาดยางได้รับรายได้เสริม เป็นเงิน 7.30 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการขายยางนอกตลาด
2.6 โครงการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรในระดับครัวเรือน (มติคณะรัฐมนตรี 18มกราคม 2537) ได้ส่วนผสมวิธีการทำน้ำผลไม้จากส้ม ลิ้นจี่ แพสชั่นฟรุท ได้วิธีทำผลิตภัณฑ์จากมันเทศ กล้วยมะกาเดเมียนัท ได้กรรมวิธีผลิตพริกแห้ง ได้วิธีทำถ่านจากเปลือกมะดาเคเมียนัท รวบรวมผลงานวิจัยในระดับครัวเรือนเกี่ยวกับการทำผลิตภัณฑ์อาหารจากผลไม้ ได้ศึกษาวิธีการเก็บรักษาเพื่อรอการผลิตของผลไม้ เช่น มะม่วง สับปะรด มะขามและฝรั่ง
2.7 การกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ในพื้นที่ป่าสงวน (มติคณะรัฐมนตรี 3 มีนาคม 2535) องค์การอุตสหากรรมป่าไม้ได้ดำเนินการขอจดทะเบียนสวนป่าแล้วเสร็จ 100%แล้ว ส่วนสวนป่าที่ปลูกตามเงื่อนไขสัมปทานทำไม้และไม่อยู่ในเขตอนุรักษ์ให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ใช้ประโยชน์โดยทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง ปัจจุบันกำลังปรับปรุงวิธีการดำเนินงานอยู่ โดยจะทำไม้ออกในปี 2538
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 7 มีนาคม 2538--
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ งวดที่ 2 ของปีงบประมาณ 2537 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
1. ผลการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล
1.1 นโยบายเศรษฐกิจ ด้านการเกษตร ได้ดำเนินการ
1.1.1 การจัดตั้งสภาการเกษตรแห่งชาติ ในปี 2537 ได้ปรับปรุงร่างกฎหมายเกี่ยวกับสภาการเกษตรแห่งชาติหลายฉบับ และจัดให้มีการสัมมนาสาธารณะ 4 ภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ ในประเด็นต่าง ๆ เช่น ควรให้เป็นสภาการเกษตรหรือสภาเกษตรกร รูปแบบและอำนาจหน้าที่ของสภาการเกษตร จำนวนคณะกรรมการ การได้มาซึ่งตัวแทนเกษตรกร ฯลฯ สำหรับข้อมูลที่ได้จากการสัมมนา จะได้นำมาปรับปรุงให้ได้ร่างพระราชบัญญัติสภาการเกษตรที่เหมาะสมต่อไป
1.1.2 การปรับปรุงระบบการผลิตทางการเกษตร ได้ดำเนินการตามโครงการที่สำคัญ คือ
(1) โครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนเกษตรกรลดพื้นที่เพาะปลูกที่มีปัญหาด้านการตลาดและราคา 4 ชนิด ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง กาแฟและพริกไทยและทำกิจกรรมทดแทนพืชมีปัญหาดังกล่าว ได้แก่ โคนม โคเนื้อ ไม้ผล ไม้ยืนต้น ไม้โตเร็ว ไผ่ตง พืชผัก ไม้ดอก ไม้ประดับ ฯลฯ โดยให้การสนับสนุนทางวิชาการ ปัจจัยการผลิต ตลอดจนสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่เกษตรกร ซึ่งผลการดำเนินงาน ปี 2537 มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 154,168 ราย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อนุมัติเงินกู้แก่เกษตรกรแล้ว 46,000 ราย วงเงิน 3,000 ล้านบาท จ่ายเงินกู้แล้ว 42,000 ราย เป็นเงิน 2,200 ล้านบาท และลดพื้นที่ปลูกพืชที่มีปัญหาได้แล้วรวม 705,891 ไร่
(2) โครงการสนับสนุนแผนการผลิตของเกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรสามารถริเริ่มวางแผนการผลิตตามความต้องการของตนเองให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และทรัพยากร โดยหน่วยราชการสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการด้านการผลิตการตลาด และสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ธ.ก.ส. เป้าหมายดำเนินการในปี 2537 คือ เกษตรกร 2,189 หมู่บ้าน ในเขตพื้นที่โครงการ ฯ ใน 4 ภาค 44 จังหวัด ซึ่งผลการดำเนินงาน ปี 2537 ดำเนินการไปแล้วใน 2,179 หมู่บ้าน เกษตรกรเสนอแผนการผลิตแล้ว 81,859 ราย โดยแผนการผลิตของเกษตรกรที่เสนอส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมด้าน ปศุสัตว์ รองลงมาคือไม้ผล ไม้ยืนต้น ทำนา ประมง ไร่นาสวนผสม นอกจากนั้น เป็นกิจกรรมอนุรักษ์ดินและน้ำเครื่องจักรกลเกษตรขนาดเล็ก ทำไร่ ไม้ดอกไม้ประดับแปรรูปการเกษตร ฯลฯ ธ.ก.ส. จ่ายเงินกู้ให้เกษตรกรในปี 2537 แล้ว 32,700 ราย เป็นเงิน 685.36 ล้านบาท
1.1.3 การพัฒนาแหล่งน้ำ เร่งรัดดำเนินโครงการชลประทานขนาดต่าง ๆ แหล่งน้ำธรรมชาติแหล่งน้ำในไร่นา รวมทั้งปรับปรุงการบริหารการใช้น้ำชลประทานให้มีประสิทธิภาพ โดยดำเนินการดังนี้
(1) โครงการชลประทานขนาดใหญ่ มีเป้าหมายปี 2537 ทั้งโครงการต่อเนื่องและเปิดใหม่ 12 โครงการ ผลการดำเนินงาน คาดว่าเมื่อดำเนินการเสร็จตามเป้าหมายสามารถเพิ่มพื้นที่ชลประทานประมาณ 153,000 ไร่
(2) โครงการชลประทานขนาดกลาง เป้าหมายปี 2537 รวม 45 โครงการ (เปิดใหม่ 11 โครงการ ต่อเนื่อง 34 โครงการ) ผลการดำเนินการคือ เมื่อก่อสร้างเสร็จ จะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 675,900 ไร่
(3) การพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ได้ดำเนินการตามโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการชลประทานขนาดเล็ก ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จ 227 โครงการ เกษตรกรได้รับประโยชน์ 90,000 ครัวเรือน พื้นที่ 310,000 ไร่ ตลอดจนการขุดสระเก็บน้ำในไร่นา โดยมีการขุดสระเก็บน้ำในไร่นาแก่เกษตรกรทั่วไปเป้าหมาย ปี 2537 จำนวน 12,000 แห่ง ดำเนินการก่อสร้าง 4 ภาค ได้ 12,885 แห่ง มากกว่าเป้าหมาย ก่อสร้างแล้วเสร็จ 8,919 แห่ง สามารถเก็บกักน้ำได้รวม 12 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่เกษตรกรได้รับประโยชน์ประมาณ 58,000 ไร่ และขุดสระเก็บน้ำในไร่นาให้แก่สมาชิกสหกรณ์การเกษตรและสหกรณ์นิคม เป้าหมายปี 2537 จำนวน 6,245 สระ เสร็จเรียบร้อยแล้ว 5,768 สระ อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง 477 สระ
(4) การขุดลอกหนองน้ำและคลองธรรมชาติ ในปี 2537 มีเป้าหมายจะพัฒนาปรับปรุงแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยวิธีขุดลอกหนองน้ำและคลองธรรมชาติ ในเขตชนบททั่วประเทศ จำนวน 1,012 โครงการ ขุดลอกแล้วเสร็จ 518 โครงการ อยู่ระหว่างการขุดลอก 163 โครงการ พื้นที่ได้รับประโยชน์ 234,000 ไร่ ครัวเรือนเกษตรกรได้รับประโยชน์ 60,000 ครัวเรือน ที่เหลือ 331 โครงการ ยังไม่ได้ดำเนินการ คาดว่าเมื่อดำเนินการเสร็จทั้งหมด พื้นที่ได้รับประโยชน์ 376,000 ไร่ เกษตรกรได้รับประโยชน์ 157,700 ครัวเรือน
(5) การพัฒนาแหล่งน้ำในเขตปฏิรูปที่ดิน ในปี 2537 มีเป้าหมายและผลงานดังนี้
- ขุดสระน้ำในแปลงเกษตรกรรม ดำเนินการเสร็จ 1,092 บ่อ อยู่ระหว่างก่อสร้าง 878 บ่อ
- ขุดบ่อบาดาล แล้วเสร็จ 47 แห่ง อยู่ระหว่างดำเนินการ 64 แห่ง
- ขุดบ่อน้ำตื้น แล้วเสร็จ 46 บ่อ อยู่ระหว่างดำเนินการ 99 บ่อ
- ขุดลอกแหล่งน้ำธรรมชาติ ดำเนินการเสร็จแล้ว 4 แห่ง อยู่ระหว่างดำเนินการ 52 แห่ง
1.1.4 การปฏิรูปที่ดิน ได้ตรวจสอบและรังวัดที่ดิน โดยจัดที่ดินอันเป็นที่ดินของรัฐให้เกษตรกรได้ ทั้งหมด เนื้อที่ 7,007,341 ไร่ เกษตรกร 362,287 ราย และได้ดำเนินการจัดซื้อที่ดินจากเจ้าของที่ดินที่มีที่ดินเกินกว่าพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินหรือเจ้าของที่ดินที่มิได้ทำประโยชน์ด้วยตนเอง เนื้อที่ 18,446 ไร่ โดยได้นำที่ดินที่จัดซื้อจากเอกชนมาดำเนินการจัดที่ดินให้เกษตรกรโดยวิธีการเช่าที่ดิน และเช่าซื้อที่ดิน ได้เนื้อที่ 3,863 ไร่ จำนวน เกษตรกร 276 ราย
1.1.5 การวิจัยและพัฒนา
(1) ด้านพืช พัฒนาพันธุ์พืชใหม่ที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูง ต้านทานโรคและแมลง และตรงกับความต้องการตลาด ในรูปพันธุ์แนะนำ พันธุ์รับรอง และพันธุ์ส่งเสริม เป็นพันธุ์หลักและพันธุ์ขยายกระจายสู่เกษตร เช่น ช้าวพืชไร่ หม่อนไหม นอกจากนี้ ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้เกษตรกร
(2) ด้านปศุสัตว์ ปรับปรุงพันธุ์สัตว์และขยายพันธุ์สัตว์ดีโดยวิธีผสมเทียม ได้แก่ โคนม โคเนื้อ กระบือ สุกร เร่งรัดป้องกันกำจัดโรคปากและเท้าเปื่อยในโคกระบือ แพะ แกะ และสุกร ตลอดจนผลิตวัคซีนป้องกันโรคสัตว์อื่นนอกเหนือจากวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปลื่อย นอกจากนี้ ในปี 2537 ได้ผลิตอาหารสัตว์ เช่น หญ้าสด หญ้าแห้ง และผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วและหญ้า
(3) ด้านการประมง มีการพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด สัตว์น้ำชายฝั่ง จัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล สร้างแหล่งพ่อพันธ์-แม่พันธ์สัตว์น้ำชายฝั่งที่มีเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยง นอกจากนี้ได้พัฒนากองเรือประมงพาณิชย์เพื่อออกไปสำรวจและพัฒนาประมงทะเลลึก จัดตั้งหน่วยให้บริการด้านตรวจสอบคุณภาพสัตว์น้ำแก่ภาคเอกชน
1.1.6 การพัฒนาสถาบันเกษตรกร โดยจัดตั้งสหกรณ์ทุกประเภทขึ้นใหม่ สร้างฉางเก็บข้าวเปลือกและลานตากข้าวของกลุ่มเกษตรกร ก่อสร้างตลาดกลางข้าวเปลือกประจำตำบลแก่สหกรณ์ ก่อสร้างลานตากข้าวเปลือกแก่สหรณ์ที่ได้รับฉางข้าวไปแล้วในปีก่อน รับซื้อข้าวเปลือกแก่สมาชิกสหกรณ์การเกษตร โดยใช้เงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ปี 2537 จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทประกันชีวิตของสหกรณ์ ชื่อ บริษัทสหประกันชีวิต จำกัด ยังให้การอบรมความรู้ทางการบัญชีระดับชาวบ้านแก่เกษตรกรผู้นำ
1.1.7 การแก้ไขภาวะหนี้สินเกษตรกร ได้ทำการปลดเปลื้องหนี้สินเกษตรกรในส่วนเงินงบประมาณ 93.36 ล้านบาท อีก 108 ล้านบาท อยู่ระหว่างพิจารณา เป็นโครงการจำหน่ายหนี้ 10 โครงการ และโครงการปรับปรุงหนี้ 61 โครงการ
1.2 อนุรักษ์ฟื้นฟูและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
1.2.1 ด้านป่าไม้ ได้จัดทำโครงการปลูกป่าต่าง ๆ เช่น โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ รวมกล้าไม้ที่แจกจ่ายแล้ว 66.6 ล้านกล้า โครงการส่งเสริมเกษตรกรปลูกป่า จ่ายเงินให้เกษตรกร จำนวน 503,408 ไร่เป็นเงิน 402.72 ล้านบาท โครงการพัฒนาพื้นที่ป่าชายเลนในพื้นที่เขตอนุรักษ์ การดำเนินงานอุทยานแห่งชาติ เนื้อที่ 3,868,285 ไร่ และการดำเนินงานคุ้มครองสัตว์ป่าโดยจัดตั้งเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเพิ่ม 1 แห่ง ที่ จ.พิษณุโลก
1.2.2 ด้านที่ดิน ทำการสาธิตและทดสอบการอนุรักษ์ดินและน้ำ รวมทั้งผลิตและจัดหาพันธุ์พืชคลุมดินบำรุงดินเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ ปรับปรุงบำรุงดินด้วยอินทรีย์วัตถุ แก้ไขป้ญหาดินเค็มดินเปรี้ยวภาคใต้ปรับปรุงแก้ไขคุณภาพดินเค็มโดยผลิตเมล็ดพันธุ์พืชปรับปรุงดิน นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้ง "หมู่บ้านพัฒนาที่ดิน" ทั่วประเทศ 162 แห่ง และอยู่ในระหว่างดำเนินการ 194 แห่ง
1.2.3 ด้านประมง จัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.พังงา ฟื้นฟูทรัพยากรประมงและสิ่งแวดล้อม ติดตามสภาพแนวปะการัง และศึกษาปัญหาความเสื่อมโทรมของแนวปะการังเนื่องจากน้ำเสีย2. ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
2.1 มาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ (มติคณะรัฐมนตรี 17 ธันวาคม2534, 25 พฤษภาคม 2536) องค์การสวนยางได้เข้าแทรกแซงตลาดยางพาราตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2535 มีกำไรจากการดำเนินงาน 3.25 ล้านบาท ต่อมาสถานการณ์ราคายางธรรมชาติมีแนวโน้มลดลงต่ำกว่าต้นทุนการผลิตมาก องค์การสวนยางจึงกู้เงินจากธนาคารกรุงไทย วงเงิน 500 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรี ผลการแทรกแซง ฯ ทำให้ราคายางภายในประเทศมีราคาสูงขึ้น มีการแข่งขันซื้อยางส่งมอบให้ลูกค้าตามสัญญา
2.2 โครงการวิจัยพันธุ์ รับรองพันธุ์ และกระจายพันธุ์ (มติคณะรัฐมนตรี 22 ธันวาคม 2530) มีการพัฒนาพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ให้ได้พันธุ์ดี เช่น ข้าวสาลี พบสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตดีได้แก่ SMGBWS85538 ได้ผลผลิตเฉลี่ย 370 กก./ไร่ ป่านรามีพบพันธุ์ # 10 และ Hozogukishu ให้ผลผลิตสะสม 3 ปี โดยให้ผลผลิตเส้นใยเฉลี่ย 267 กก./ไร่
2.3 โครงการวิจัยการป้องกันและกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและโรคใบหงิก (มติคณะรัฐมนตรี 21 สิงหาคม 2533) เร่งรัดพัฒนาพันธุ์ข้าวต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โดยการทดสอบพันธุ์/สายพันธุ์ต่าง ๆ วิจัยพัฒนา วิธีการป้องกันกำจัดเพลี้ยกระโดดสี้น้ำตาล วิจัยและพัฒนาวิธีการป้องกันกำจัดโรคใบหงิกของข้าว การพยากรณ์การเกิดโรคใบหงิก ตลอดจนจัดทำเอกสารคำแนะนำประชาสัมพันธุ์
2.4 โครงการปรับปรุงการผลิตและตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออก (มติคณะรัฐมนตรี 25 กุมภาพันธ์ 2528) ตรวจสอบวิเคราะห์คุณภาพสินค้าเกษตรทั่วไป และเพื่อการออกใบรับรอง เช่น สินค้าเกษตรส่งออกเพื่อออกใบรับรอง จำนวน 2,467 ตัวอย่าง 11,806 รายการวิจัยการปรับปรุงการผลิตเพื่อการส่งออกควบคุมและแนะนำให้กำจัดศัตรูพืช ณ โรงบรรจุหีบห่อก่อนการส่งออก บริการทดสอบคุณสมบัติต่าง ๆ ของตัวอย่างยางแห่ง ที ที อาร์และพิจารณาชั้นยางแท่งตามคุณสมบัติที่ทดสอบได้ จำนวน 15,854 ตัวอย่าง
2.5 โครงการจัดตั้งตลาดกลางยางพารา (มติคณะรัฐมนตรี 17 ธันวาคม 2535) มีการศึกษาระบบตลาดกลางยางพารา สำหรับตลาดกลางยางแผ่นดิน เปิดบริการซื้อขายยางทุกวันทำการ ในช่วง9 เดือนแรกของปี 2537 (ตุลาคม - มิถุนายน 2537) ปริมาณยางซื้อขายผ่านตลาดกลางมีจำนวน 6,980 ตัน มูลค่า 128.09 ล้านบาท เกษตรกรที่ขายยางผ่านตลาดยางได้รับรายได้เสริม เป็นเงิน 7.30 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการขายยางนอกตลาด
2.6 โครงการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรในระดับครัวเรือน (มติคณะรัฐมนตรี 18มกราคม 2537) ได้ส่วนผสมวิธีการทำน้ำผลไม้จากส้ม ลิ้นจี่ แพสชั่นฟรุท ได้วิธีทำผลิตภัณฑ์จากมันเทศ กล้วยมะกาเดเมียนัท ได้กรรมวิธีผลิตพริกแห้ง ได้วิธีทำถ่านจากเปลือกมะดาเคเมียนัท รวบรวมผลงานวิจัยในระดับครัวเรือนเกี่ยวกับการทำผลิตภัณฑ์อาหารจากผลไม้ ได้ศึกษาวิธีการเก็บรักษาเพื่อรอการผลิตของผลไม้ เช่น มะม่วง สับปะรด มะขามและฝรั่ง
2.7 การกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ในพื้นที่ป่าสงวน (มติคณะรัฐมนตรี 3 มีนาคม 2535) องค์การอุตสหากรรมป่าไม้ได้ดำเนินการขอจดทะเบียนสวนป่าแล้วเสร็จ 100%แล้ว ส่วนสวนป่าที่ปลูกตามเงื่อนไขสัมปทานทำไม้และไม่อยู่ในเขตอนุรักษ์ให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ใช้ประโยชน์โดยทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง ปัจจุบันกำลังปรับปรุงวิธีการดำเนินงานอยู่ โดยจะทำไม้ออกในปี 2538
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 7 มีนาคม 2538--