แท็ก
คณะรัฐมนตรี
ทำเนียบรัฐบาล--21 ส.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแผนแม่บทความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการไทย - มองโกเลีย และ มอบหมายให้คณะอนุกรรมการประสานและติดตามการดำเนินงานตามแผนแม่บทความ ร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการไทย - มองโกเลีย ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตาม แนวทางของแผนแม่บทฯ ต่อไปตามที่สำนักงาน-คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เสนอ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. การแต่งตั้งกงศุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำประเทศมองโกเลีย รัฐบาลไทยควรแต่งตั้งกง ศุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำประเทศมองโกเลีย โดยให้สามารถประทับตราออกวีซ่าให้แก่ชาวมองโกเลีย เพื่อเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลมองโกเลียได้แต่งตั้งให้ ดร.สุพงษ์ ลิ้มธนากุล เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์มองโกเลียประจำประเทศไทย
โดยสามารถประทับตราออกวีซ่าให้แก่คนไทย เพื่อเดินทางเข้าประเทศมองโกเลียได้ สำหรับการจัดตั้งสถานทูตมองโกเลียในไทย และตั้งสถานทูตไทยในมองโกเลียนั้นเห็นควรให้เป็นนโย บายในระยะต่อไป
2. การปรับเวลาเที่ยวบินการเดินทางระหว่างไทยและมองโกเลียให้สะดวกยิ่งขึ้น เนื่องจากไทยตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถเป็นประตูการค้าทางอากาศของมองโกเลียสู่ภูมิภาคเอเชียได้ จึง เห็นควรสนับสนุนให้มีการปรับเวลาเที่ยวบิน ทั้งไปและกลับที่มีอยู่แล้วจากกรุงเทพฯ ไปกรุงปักกิ่ง และ จากกรุงปักกิ่งไปกรุงอูลันบาตอร์ให้อยู่ในช่วงเวลาที่สามารถเปลี่ยนเครื่องบินที่กรุงปักกิ่งได้โดยไม่ต้อง ค้างคืนที่กรุงปักกิ่ง และในอนาคตควรให้มีการพิจารณาความเป็นไปได้ในการเปิดเที่ยวบินสายตรงไทย - มองโกเลีย เพื่อเพิ่มการติดต่อทางอากาศโดยตรงระหว่างมองโกเลียกับประเทศไทย
3. การพัฒนาความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน ควรส่งเสริมให้ภาคเอกชนไทยร่วม ลงทุนกับมองโกเลียในธุรกิจที่มองโกเลียมีศักยภาพและไทยมีประสบการณ์พร้อม เช่น อุตสาหกรรมแปร รูปผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกับอัญมณี ฯลฯ เป็นต้น
ควรมีการร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมด้านการค้าและอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บ ภาษีซ้ำซ้อน
4. การพัฒนาการท่องเที่ยว ไทยควรให้ความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรด้านการบริการ และการบริหารจัดการการท่องเที่ยว รวมทั้งพิจารณาร่วมลงทุนกับมองโกเลียในด้านการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว เช่น ในด้านธุรกิจโรงแรม ภัตตาคาร และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว
5. การร่วมมือทางวิชาการ สนับสนุนให้มีการจัดโครงการฝึกอบรมดูงานและศึกษาในประ เทศไทย และส่งผู้เชี่ยวชาญไทยไปมองโกเลีย โดยจัดให้มีการฝึกอบรมดูงานและศึกษาให้บุคลากรมีทักษะ ที่จำเป็น โดยเฉพาะในสาขาที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมอัญมณี ธุรกิจการท่องเที่ยว ทรัพยากรธรณี การ แพทย์ สาธารณสุข แนวทางการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และความรู้ด้านภาษาไทยและอังกฤษ สนับสนุนให้ ภาคเอกชนระหว่างประเทศทั้งสองมีโอกาสพบปะหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน และสนับสนุนให้มีการแลก เปลี่ยนบุคลากรและการพัฒนางานวิจัยที่เชื่อมโยงกับยาสมุนไพรประเภทต่าง ๆ
6. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประสานและติดตาม การดำเนินงานตามแผนแม่บทความร่วม มือทางเศรษฐกิจและวิชาการไทย - มองโกเลีย เห็นควรให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประสานและ ติดตามการดำเนินงานตาม แผนแม่บทความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการไทย - มองโกเลีย เพื่อ เสริมสร้างความสัมพันธ์ไทย - มองโกเลีย ให้แน่นแฟ้นและให้มีการแปลงแผนแม่บทฯ ไปสู่ภาคปฏิบัติ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 20 สิงหาคม 2539--
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแผนแม่บทความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการไทย - มองโกเลีย และ มอบหมายให้คณะอนุกรรมการประสานและติดตามการดำเนินงานตามแผนแม่บทความ ร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการไทย - มองโกเลีย ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตาม แนวทางของแผนแม่บทฯ ต่อไปตามที่สำนักงาน-คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เสนอ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. การแต่งตั้งกงศุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำประเทศมองโกเลีย รัฐบาลไทยควรแต่งตั้งกง ศุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำประเทศมองโกเลีย โดยให้สามารถประทับตราออกวีซ่าให้แก่ชาวมองโกเลีย เพื่อเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลมองโกเลียได้แต่งตั้งให้ ดร.สุพงษ์ ลิ้มธนากุล เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์มองโกเลียประจำประเทศไทย
โดยสามารถประทับตราออกวีซ่าให้แก่คนไทย เพื่อเดินทางเข้าประเทศมองโกเลียได้ สำหรับการจัดตั้งสถานทูตมองโกเลียในไทย และตั้งสถานทูตไทยในมองโกเลียนั้นเห็นควรให้เป็นนโย บายในระยะต่อไป
2. การปรับเวลาเที่ยวบินการเดินทางระหว่างไทยและมองโกเลียให้สะดวกยิ่งขึ้น เนื่องจากไทยตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถเป็นประตูการค้าทางอากาศของมองโกเลียสู่ภูมิภาคเอเชียได้ จึง เห็นควรสนับสนุนให้มีการปรับเวลาเที่ยวบิน ทั้งไปและกลับที่มีอยู่แล้วจากกรุงเทพฯ ไปกรุงปักกิ่ง และ จากกรุงปักกิ่งไปกรุงอูลันบาตอร์ให้อยู่ในช่วงเวลาที่สามารถเปลี่ยนเครื่องบินที่กรุงปักกิ่งได้โดยไม่ต้อง ค้างคืนที่กรุงปักกิ่ง และในอนาคตควรให้มีการพิจารณาความเป็นไปได้ในการเปิดเที่ยวบินสายตรงไทย - มองโกเลีย เพื่อเพิ่มการติดต่อทางอากาศโดยตรงระหว่างมองโกเลียกับประเทศไทย
3. การพัฒนาความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน ควรส่งเสริมให้ภาคเอกชนไทยร่วม ลงทุนกับมองโกเลียในธุรกิจที่มองโกเลียมีศักยภาพและไทยมีประสบการณ์พร้อม เช่น อุตสาหกรรมแปร รูปผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกับอัญมณี ฯลฯ เป็นต้น
ควรมีการร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมด้านการค้าและอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บ ภาษีซ้ำซ้อน
4. การพัฒนาการท่องเที่ยว ไทยควรให้ความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรด้านการบริการ และการบริหารจัดการการท่องเที่ยว รวมทั้งพิจารณาร่วมลงทุนกับมองโกเลียในด้านการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว เช่น ในด้านธุรกิจโรงแรม ภัตตาคาร และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว
5. การร่วมมือทางวิชาการ สนับสนุนให้มีการจัดโครงการฝึกอบรมดูงานและศึกษาในประ เทศไทย และส่งผู้เชี่ยวชาญไทยไปมองโกเลีย โดยจัดให้มีการฝึกอบรมดูงานและศึกษาให้บุคลากรมีทักษะ ที่จำเป็น โดยเฉพาะในสาขาที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมอัญมณี ธุรกิจการท่องเที่ยว ทรัพยากรธรณี การ แพทย์ สาธารณสุข แนวทางการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และความรู้ด้านภาษาไทยและอังกฤษ สนับสนุนให้ ภาคเอกชนระหว่างประเทศทั้งสองมีโอกาสพบปะหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน และสนับสนุนให้มีการแลก เปลี่ยนบุคลากรและการพัฒนางานวิจัยที่เชื่อมโยงกับยาสมุนไพรประเภทต่าง ๆ
6. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประสานและติดตาม การดำเนินงานตามแผนแม่บทความร่วม มือทางเศรษฐกิจและวิชาการไทย - มองโกเลีย เห็นควรให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประสานและ ติดตามการดำเนินงานตาม แผนแม่บทความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการไทย - มองโกเลีย เพื่อ เสริมสร้างความสัมพันธ์ไทย - มองโกเลีย ให้แน่นแฟ้นและให้มีการแปลงแผนแม่บทฯ ไปสู่ภาคปฏิบัติ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 20 สิงหาคม 2539--