ทำเนียบรัฐบาล--25 ก.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสงเคราะห์ผู้ประสบภัยเนื่องจากการช่วย เหลือราชการ การปฏิบัติงานของชาติ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่มนุษยธรรม พ.ศ. .... ตามที่กระทรวง การคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนัก เลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยแล้วให้นำเสนอคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิ จารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญ คือ
เนื่องจากได้พิจารณาเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติสงเคราะห์ผู้ประสบภัยเนื่องจากการช่วย เหลือราชการ การปฏิบัติงานของชาติ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่มนุษยธรรม พ.ศ. 2497 และที่แก้ไขเพิ่ม เติมได้ใช้มาเป็นเวลานาน มีบทบัญญัติบางประการไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ และสภาวะเศรษฐกิจที่ เปลี่ยนแปลงสูงขึ้นตลอดเวลา สมควรปรับปรุงพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวใหม่ ดังนี้
1. อัตราการจ่ายเงินสงเคราะห์ที่กำหนดไว้เป็นจำนวนเงินระหว่าง 15,000 บาท ถึง 50,000 บาท ไม่อาจปรับอัตราการจ่ายเงินให้สูงขึ้นได้ แม้ภาวะค่าครองชีพของประชาชนจะสูงขึ้นไปก็ ตาม จึงสมควรปรับปรุงอัตราการจ่ายเงินสงเคราะห์ผู้ประสบภัยให้มีความยืดหยุ่นตามสมควร และ สอดคล้องกับระบบการจ่ายเงินกรณีข้าราชการและลูกจ้างได้รับอันตรายถึงแก่ความตายหรือทุพพลภาพอัน เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามระเบียบอื่น ๆ ดังนี้
1.1 ใช้อัตราเงินเดือนระดับ 3 ขึ้นต้นของบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการพลเรือนที่ใ ช้อยู่ในขณะที่ประสบภัยมาเป็นตัวตั้งในการคำนวณอัตราการจ่าย
1.2 ผู้ประสบภัยเสียชีวิตหรือทุพพลภาพไม่สามารถปฏิบัติงานได้ให้ถืออัตรา 30 เท่า ของเงินเดือนขั้นต้นเป็นเกณฑ์การจ่ายเงินสงเคราะห
1.3 ขยายขอบเขตการจ่ายเงินให้แก่ผู้ป่วยเจ็บประการอื่นซึ่งสูญเสียอวัยวะที่สำคัญให้ ได้รับการสงเคราะห์ตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย ซึ่งได้แก่ผู้ป่วยเจ็บ แขนขาด ขาขาด ตาบอด หูหนวก มือ ขาด เท้าขาด นิ้วขาด สูญเสีย อวัยวะสืบพันธุ์ หรืออวัยวะอื่นที่มีลักษณะความร้ายแรงทำนองเดียวกัน กับการสูญเสียอวัยวะดังกล่าวซึ่งเดิมจ่ายให้เฉพาะกรณีเสียแขนหรือขา หูหนวกทั้งสองข้างหรือตาบอดเท่า นั้น
2. ปรับปรุง คณะกรรมการสงเคราะห์ผู้ประสบภัย โดยเพิ่มคำว่า หรือผู้แทน” เพื่อให้ กรรมการสามารถมอบหมายให้ผู้อื่นปฏิบัติหน้าที่แทนได้ตามความเหมาะสม
3. ยกเลิกเรื่องอายุความในการขอรับเงินสงเคราะห์ ซึ่งตามพระราชบัญญัติฯ เดิม กำ หนดให้มีอายุความสองปี เนื่องจากคณะรัฐมนตรีมีมติไม่ให้กระทรวงการคลังยกอายุความขึ้นต่อสู้หากมี การขอรับบำเหน็จบำนาญปกติเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยอัตราการจ่ายเงินสง เคราะห์ผู้ประสบภัยเนื่องจากการช่วยเหลือราชการ การปฏิบัติงานของชาติ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่ มนุษยธรรม พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ เพื่อกำหนดจำนวนเงินและลักษณะการจ่ายเงินสงเคราะห์ และ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ เมื่อร่างพระราชบัญญัติ ในเรื่องนี้มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 24 กันยายน 2539--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสงเคราะห์ผู้ประสบภัยเนื่องจากการช่วย เหลือราชการ การปฏิบัติงานของชาติ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่มนุษยธรรม พ.ศ. .... ตามที่กระทรวง การคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนัก เลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยแล้วให้นำเสนอคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิ จารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญ คือ
เนื่องจากได้พิจารณาเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติสงเคราะห์ผู้ประสบภัยเนื่องจากการช่วย เหลือราชการ การปฏิบัติงานของชาติ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่มนุษยธรรม พ.ศ. 2497 และที่แก้ไขเพิ่ม เติมได้ใช้มาเป็นเวลานาน มีบทบัญญัติบางประการไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ และสภาวะเศรษฐกิจที่ เปลี่ยนแปลงสูงขึ้นตลอดเวลา สมควรปรับปรุงพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวใหม่ ดังนี้
1. อัตราการจ่ายเงินสงเคราะห์ที่กำหนดไว้เป็นจำนวนเงินระหว่าง 15,000 บาท ถึง 50,000 บาท ไม่อาจปรับอัตราการจ่ายเงินให้สูงขึ้นได้ แม้ภาวะค่าครองชีพของประชาชนจะสูงขึ้นไปก็ ตาม จึงสมควรปรับปรุงอัตราการจ่ายเงินสงเคราะห์ผู้ประสบภัยให้มีความยืดหยุ่นตามสมควร และ สอดคล้องกับระบบการจ่ายเงินกรณีข้าราชการและลูกจ้างได้รับอันตรายถึงแก่ความตายหรือทุพพลภาพอัน เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามระเบียบอื่น ๆ ดังนี้
1.1 ใช้อัตราเงินเดือนระดับ 3 ขึ้นต้นของบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการพลเรือนที่ใ ช้อยู่ในขณะที่ประสบภัยมาเป็นตัวตั้งในการคำนวณอัตราการจ่าย
1.2 ผู้ประสบภัยเสียชีวิตหรือทุพพลภาพไม่สามารถปฏิบัติงานได้ให้ถืออัตรา 30 เท่า ของเงินเดือนขั้นต้นเป็นเกณฑ์การจ่ายเงินสงเคราะห
1.3 ขยายขอบเขตการจ่ายเงินให้แก่ผู้ป่วยเจ็บประการอื่นซึ่งสูญเสียอวัยวะที่สำคัญให้ ได้รับการสงเคราะห์ตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย ซึ่งได้แก่ผู้ป่วยเจ็บ แขนขาด ขาขาด ตาบอด หูหนวก มือ ขาด เท้าขาด นิ้วขาด สูญเสีย อวัยวะสืบพันธุ์ หรืออวัยวะอื่นที่มีลักษณะความร้ายแรงทำนองเดียวกัน กับการสูญเสียอวัยวะดังกล่าวซึ่งเดิมจ่ายให้เฉพาะกรณีเสียแขนหรือขา หูหนวกทั้งสองข้างหรือตาบอดเท่า นั้น
2. ปรับปรุง คณะกรรมการสงเคราะห์ผู้ประสบภัย โดยเพิ่มคำว่า หรือผู้แทน” เพื่อให้ กรรมการสามารถมอบหมายให้ผู้อื่นปฏิบัติหน้าที่แทนได้ตามความเหมาะสม
3. ยกเลิกเรื่องอายุความในการขอรับเงินสงเคราะห์ ซึ่งตามพระราชบัญญัติฯ เดิม กำ หนดให้มีอายุความสองปี เนื่องจากคณะรัฐมนตรีมีมติไม่ให้กระทรวงการคลังยกอายุความขึ้นต่อสู้หากมี การขอรับบำเหน็จบำนาญปกติเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยอัตราการจ่ายเงินสง เคราะห์ผู้ประสบภัยเนื่องจากการช่วยเหลือราชการ การปฏิบัติงานของชาติ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่ มนุษยธรรม พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ เพื่อกำหนดจำนวนเงินและลักษณะการจ่ายเงินสงเคราะห์ และ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ เมื่อร่างพระราชบัญญัติ ในเรื่องนี้มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 24 กันยายน 2539--