คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้มีการจัดตั้งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัด ใน 24 จังหวัด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้จัดตั้งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 12 จังหวัด เฉพาะจังหวัดที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและมีความพร้อมก่อน สำหรับส่วนที่เหลือให้จัดตั้งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ต่อไป ส่วนกรอบอัตรากำลังให้ใช้วิธีการเกลี่ยอัตรากำลังและจ้างพนักงานราชการตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณให้กับสถานพินิจที่ต้องรับภาระดำเนินการแทนจังหวัดที่ยังไม่ได้จัดตั้งสถานพินิจด้วย
กระทรวงยุติธรรมรายงานว่า ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาแล้ว ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปได้ว่าในท้องที่ที่เด็กหรือเยาวชนมีถิ่นที่อยู่ปกติและในท้องที่ที่เด็กหรือเยาวชนกระทำผิดไม่มีศาลเยาวชนและครอบครัว ให้ศาลจังหวัดที่มีเขตอำนาจเหนืออำเภอที่เป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัด มีอำนาจนำวิธีพิจารณาคดีอาญาที่ใช้ในศาลเยาวชนและครอบครัวมาใช้บังคับ พร้อมกับได้มีบทบัญญัติว่าในท้องที่ที่ยังมิได้มีการจัดตั้งสถานพินิจ ก่อนที่ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีจะมีคำพิพากษาในคดีที่เด็กหรือเยาวชนกระทำความผิด ซึ่งมีอัตราโทษอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกเกินกว่าสามปี หรือปรับเกินกว่าหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ให้ศาลมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนทำการสืบเสาะและพินิจข้อเท็จจริงและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับเด็กหรือเยาวชนนั้นและบุคคลอื่น แล้วรายงานข้อเท็จจริงพร้อมความเห็นให้ศาลทราบเพื่อประกอบการพิจารณาพิพากษา
ปัจจุบันกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ได้เปิดทำการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนเพื่อคุ้มครองสิทธิและอำนวยความยุติธรรมให้แก่เด็กและเยาวชน โดยดำเนินภารกิจด้านคดีอาญา คดีครอบครัว และการควบคุมดูแลเด็กและเยาวชนที่ต้องหาว่ากระทำความผิดแล้ว จำนวน 44 จังหวัด และกำหนดจะเปิดทำการในวันที่ 1 ธันวาคม 2547 จำนวน 8 จังหวัด คงเหลืออีก จำนวน 24 จังหวัด และเพื่อปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 75 ซึ่งกำหนดให้รัฐต้องดูแลให้การปฏิบัติตามกฎหมาย คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคล จัดระบบงานของกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพและอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนอย่างรวดเร็วและเท่าเทียมกัน ประกอบกับเพื่อรองรับการปฏิบัติงานของศาลจังหวัดในการพิจารณาพิพากษาคดีเด็กและเยาวชน โดยจัดให้มีการสืบเสาะข้อเท็จจริงและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน และมีหน่วยงานรองรับการควบคุมตัวเด็กหรือเยาวชนที่ต้องหาว่ากระทำความผิดไว้ในระหว่างการสอบสวนและการพิจารณาคดี จึงมีความจำเป็นต้องจัดตั้งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดขึ้นให้ครอบคลุมทุกจังหวัด หากไม่เปิดสถานพินิจให้ครบทุกจังหวัด เด็กและเยาวชน ยังจะต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำและพนักงานคุมประพฤติต้องทำการสืบเสาะข้ามจังหวัด และต้องเพิ่มพนักงานคุมประพฤติและยานพาหนะอีกมาก
โครงการจัดตั้งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดมีสาระสำคัญ สรุปได้ดังนี้
1. วัตถุประสงค์
1.1 เพื่อกระจายบริการเกี่ยวกับงานยุติธรรมสำหรับเด็กเยาวชนและครอบครัวออกไปสู่ส่วนภูมิภาคให้ได้รับความเป็นธรรมอย่างทั่วถึงและทัดเทียมกันโดยรวดเร็ว
1.2 เพื่อดำรงไว้ซึ่งสถาบันครอบครัวและส่งเสริมให้ครอบครัวได้มีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน
1.3 เพื่อป้องกันและพิทักษ์สิทธิของเด็กและเยาวชนให้ได้รับการรับรองคุ้มครองตามกฎหมาย ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กและตามกฎมาตรฐานขั้นต่ำ ว่าด้วยการบริหารงานในกระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชน
1.4 เพื่อป้องกันและรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และเสริมสร้างความสงบสุขในสังคม
2. ระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 ปี เริ่มต้นปี 2548
3. สถานที่ดำเนินโครงการ จังหวัดเลย แม่ฮ่องสอน ระนอง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ กระบี่ ตาก น่าน อุตรดิตถ์ พะเยา กาฬสินธุ์ มหาสารคาม สมุทรสงคราม ชัยนาท อุทัยธานี พัทลุง พังงา นครนายก ยโสธร พิจิตร สกลนคร ปราจีนบุรี หนองคาย และมุกดาหาร
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 8 มีนาคม 2548--จบ--
กระทรวงยุติธรรมรายงานว่า ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาแล้ว ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปได้ว่าในท้องที่ที่เด็กหรือเยาวชนมีถิ่นที่อยู่ปกติและในท้องที่ที่เด็กหรือเยาวชนกระทำผิดไม่มีศาลเยาวชนและครอบครัว ให้ศาลจังหวัดที่มีเขตอำนาจเหนืออำเภอที่เป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัด มีอำนาจนำวิธีพิจารณาคดีอาญาที่ใช้ในศาลเยาวชนและครอบครัวมาใช้บังคับ พร้อมกับได้มีบทบัญญัติว่าในท้องที่ที่ยังมิได้มีการจัดตั้งสถานพินิจ ก่อนที่ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีจะมีคำพิพากษาในคดีที่เด็กหรือเยาวชนกระทำความผิด ซึ่งมีอัตราโทษอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกเกินกว่าสามปี หรือปรับเกินกว่าหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ให้ศาลมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนทำการสืบเสาะและพินิจข้อเท็จจริงและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับเด็กหรือเยาวชนนั้นและบุคคลอื่น แล้วรายงานข้อเท็จจริงพร้อมความเห็นให้ศาลทราบเพื่อประกอบการพิจารณาพิพากษา
ปัจจุบันกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ได้เปิดทำการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนเพื่อคุ้มครองสิทธิและอำนวยความยุติธรรมให้แก่เด็กและเยาวชน โดยดำเนินภารกิจด้านคดีอาญา คดีครอบครัว และการควบคุมดูแลเด็กและเยาวชนที่ต้องหาว่ากระทำความผิดแล้ว จำนวน 44 จังหวัด และกำหนดจะเปิดทำการในวันที่ 1 ธันวาคม 2547 จำนวน 8 จังหวัด คงเหลืออีก จำนวน 24 จังหวัด และเพื่อปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 75 ซึ่งกำหนดให้รัฐต้องดูแลให้การปฏิบัติตามกฎหมาย คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคล จัดระบบงานของกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพและอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนอย่างรวดเร็วและเท่าเทียมกัน ประกอบกับเพื่อรองรับการปฏิบัติงานของศาลจังหวัดในการพิจารณาพิพากษาคดีเด็กและเยาวชน โดยจัดให้มีการสืบเสาะข้อเท็จจริงและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน และมีหน่วยงานรองรับการควบคุมตัวเด็กหรือเยาวชนที่ต้องหาว่ากระทำความผิดไว้ในระหว่างการสอบสวนและการพิจารณาคดี จึงมีความจำเป็นต้องจัดตั้งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดขึ้นให้ครอบคลุมทุกจังหวัด หากไม่เปิดสถานพินิจให้ครบทุกจังหวัด เด็กและเยาวชน ยังจะต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำและพนักงานคุมประพฤติต้องทำการสืบเสาะข้ามจังหวัด และต้องเพิ่มพนักงานคุมประพฤติและยานพาหนะอีกมาก
โครงการจัดตั้งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดมีสาระสำคัญ สรุปได้ดังนี้
1. วัตถุประสงค์
1.1 เพื่อกระจายบริการเกี่ยวกับงานยุติธรรมสำหรับเด็กเยาวชนและครอบครัวออกไปสู่ส่วนภูมิภาคให้ได้รับความเป็นธรรมอย่างทั่วถึงและทัดเทียมกันโดยรวดเร็ว
1.2 เพื่อดำรงไว้ซึ่งสถาบันครอบครัวและส่งเสริมให้ครอบครัวได้มีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน
1.3 เพื่อป้องกันและพิทักษ์สิทธิของเด็กและเยาวชนให้ได้รับการรับรองคุ้มครองตามกฎหมาย ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กและตามกฎมาตรฐานขั้นต่ำ ว่าด้วยการบริหารงานในกระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชน
1.4 เพื่อป้องกันและรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และเสริมสร้างความสงบสุขในสังคม
2. ระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 ปี เริ่มต้นปี 2548
3. สถานที่ดำเนินโครงการ จังหวัดเลย แม่ฮ่องสอน ระนอง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ กระบี่ ตาก น่าน อุตรดิตถ์ พะเยา กาฬสินธุ์ มหาสารคาม สมุทรสงคราม ชัยนาท อุทัยธานี พัทลุง พังงา นครนายก ยโสธร พิจิตร สกลนคร ปราจีนบุรี หนองคาย และมุกดาหาร
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 8 มีนาคม 2548--จบ--