ขออนุมัติการลงนามการให้สัตยาบันในอนุสัญญา BIMSTEC ว่าด้วยความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้ายสากล

ข่าวการเมือง Tuesday December 23, 2014 16:56 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง ขออนุมัติการลงนามการให้สัตยาบันในอนุสัญญา BIMSTEC ว่าด้วยความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้ายสากล องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และการลักลอบค้ายาเสพติด

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการลงนามการให้สัตยาบันในอนุสัญญา BIMSTEC (BIMSTEC Convention on Cooperation in Combating International Terrorism, Transnational Organized Crime and Illicit Drug Trafficking) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้ายสากล องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และการลักลอบค้ายาเสพติด ของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เป็นผู้ดำเนินการให้สัตยาบันอนุสัญญาฯ ตามขั้นตอนทางการทูตตามที่ สมช. เสนอ

สาระสำคัญของเรื่อง

สมช. รายงานว่า

1. สาระสำคัญของอนุสัญญาฯ ซึ่งเป็นการกำหนดพันธกรณีของรัฐภาคีในการให้ความร่วมมือและความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการป้องกัน สืบสวนสอบสวนดำเนินคดี และปราบปรามอาชญากรรมเกี่ยวกับการก่อการร้ายสากล องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและลักลอบค้ายาเสพติด มีดังนี้

1.1 กลุ่มรัฐภาคีตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อดำเนินการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ประสานแนวทางของกลุ่มรัฐภาคี ร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ อำนวยความสะดวกความร่วมมือ และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของกลุ่มรัฐภาคี ใน 3 ด้านหลัก คือ 1. ความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้ายสากล 2. ความร่วมมือในการต่อต้านองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ 3. ความร่วมในการต่อต้านการลักลอบการค้ายาเสพติด

1.2 กำหนดให้การปฏิบัติตามพันธกรณีดังกล่าวอยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบภายในของรัฐภาคี

1.3 กำหนดให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐภาคีร่วมมือกัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามอนุสัญญาฯ ภายใต้กฎหมายและระเบียบภายในของรัฐภาคี โดยรัฐภาคีที่ได้รับการร้องขอความร่วมมือสามารถตอบปฏิเสธคำขอทั้งหมดหรือบางส่วนได้ หากเห็นว่าคำขอดังกล่าวจะกระทบต่ออธิปไตยของชาติ เป็นภัยต่อความมั่นคง หรือละเมิดกฎหมายและระเบียบภายในของตน และข้อมูลลับจะไม่ถูกส่งต่อหรือเปิดเผยโดยไม่ได้รับความยินยอมจากรัฐภาคีผู้ให้ข้อมูลลับนั้น

1.4 คำจำกัดความต่าง ๆ ที่ใช้ในอนุสัญญาฯ มีความหมายตามที่ได้กำหนดไว้ในอนุสัญญาระหว่างประเทศฉบับอื่นที่รัฐนั้นเป็นภาคีอยู่ และข้อบทในอนุสัญญาฯ นี้ไม่กระทบต่อพันธกรณีที่รัฐภาคีมีอยู่ตามความตกลงระหว่างประเทศฉบับอื่นที่รัฐนั้นเป็นภาคีอยู่

1.5 การมีผลบังคับใช้ กำหนดว่าอนุสัญญานี้จะมีผลบังคับใช้ เมื่อรัฐภาคีทุกรัฐให้สัตยาบันแล้ว

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 23 ธันวาคม 2557--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ