ทำเนียบรัฐบาล--24 ต.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการส่งออกที่เป็นมาตราการในระยะเร่งด่วนเฉพาะหน้าและระยะกลาง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
1. ลดหรือยกเลิกภาษีนำเข้าวัตถุดิบ เพื่อให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยการเปิดเสรีการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง และกากถั่วเหลือง ในลักษณะที่ไม่ได้เป็นการยกเลิกพันธกรณีภายใต้ข้อตกลงสินค้าเกษตรกับองค์การรการค้าโลก ทั้งนี้ การเปิดเสรีนำเข้าวัตถุอาหารสัตว์ ย่อมมีผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรผู้ผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้หารือกับภาคเอกชนถึงแนวทางการเปิดเสรีวัตถุดิบอาหารสัตว์ จะต้องมีกลไกในการชดเชย ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร
2. การแก้ไขปัญหาการตลาด ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจ การเกษตรดำเนินการขอความร่วมมือสำนักงนที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ 7 ปี ทำการสำรวจข้อมูล การตลาดสินค้าเกษตรที่คาดว่าจะเป็นโอกาสต่อการส่งออกสินค้าเกษตร ภายใต้โครงการศึกษาตลาดสินค้าเกษตร ต่างประเทศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
3. การเจรจาเพื่อขอขยายสิทธิ GSP ให้ได้ประโยชน์แก่การส่งออกมากที่สุด ได้ดำเนินการเสนอการแก้ไปปัญหา GSP ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเกษตรและป่าไม้ของอาเซียน (AMAF) ครั้งที่ 18 เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2539 เรียกร้องให้สหภาพยุโรปทบทวนการตัดสิทธิ GS P ในสินค้าเกษตรอาเซียน ซึ่งที่ประชุม AMAF ได้เห็นชอบกับข้อเสนอของประเทศไทย
4. การแก้ไขปัญหาต่อต้านการทุ่มตลาด และตอบโต้การอุดหนุน (AD & CVD)
ระยะกลาง
1. ผลักดันการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และให้การสนับสนุนด้านเงินทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี การผลิต การเก็บเกี่ยว การรักษาคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน กำลังดำเนินการปรับปรุงกลไกการบริหารโดยกำหนดให้มีสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรกรรมให้สามารถจัดทำภารกิจนับตั้งแต่การตรวจสอบคุณภาพมาตรฐาน การออกใบรับรองรวมทั้งการประสานงานการเจรจาการค้าและการยุติข้อยุติข้อพิพาททางการค้าของสินค้าเกษตรกรรม ซึ่งกลไกการบริหารจะมุ่งไปสู่การให้บริการกับภาคเอกชนในลักษณะแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร (One Stop Service) และจะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป นอกจากนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดทำโครงการศึกษาตลาดสินค้าเกษตรต่างประเทศและพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตร เพื่อการส่งออก และได้บรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประจำปีงบประมาณ 2540-2541 เรียบร้อยแล้ว
2. แสวงหาแหล่งวัตถุดิบที่มีความได้เปรียบทั้งในด้านราคา และคุณภาพ ได้กำหนดนโบายในด้านความร่วมมือการเกษตรกับกลุ่มประเทศอินโดจีน และพม่าโดยใช้ยุทธวิธีของการเป็นประเทศคู่ค้ามากกว่าคู่แข่งขัน ซึ่งกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ด้านเทคโนโลยีการเกษตรกับกลุ่มประเทศดังกล่าว ในการพัฒนาให้เป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบการเกษตรที่มีต้นทุนต่ำ เพื่อป้องให้กับอุตสหากรรมเกษตรไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 22 ตุลาคม 2539--
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการส่งออกที่เป็นมาตราการในระยะเร่งด่วนเฉพาะหน้าและระยะกลาง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
1. ลดหรือยกเลิกภาษีนำเข้าวัตถุดิบ เพื่อให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยการเปิดเสรีการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง และกากถั่วเหลือง ในลักษณะที่ไม่ได้เป็นการยกเลิกพันธกรณีภายใต้ข้อตกลงสินค้าเกษตรกับองค์การรการค้าโลก ทั้งนี้ การเปิดเสรีนำเข้าวัตถุอาหารสัตว์ ย่อมมีผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรผู้ผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้หารือกับภาคเอกชนถึงแนวทางการเปิดเสรีวัตถุดิบอาหารสัตว์ จะต้องมีกลไกในการชดเชย ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร
2. การแก้ไขปัญหาการตลาด ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจ การเกษตรดำเนินการขอความร่วมมือสำนักงนที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ 7 ปี ทำการสำรวจข้อมูล การตลาดสินค้าเกษตรที่คาดว่าจะเป็นโอกาสต่อการส่งออกสินค้าเกษตร ภายใต้โครงการศึกษาตลาดสินค้าเกษตร ต่างประเทศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
3. การเจรจาเพื่อขอขยายสิทธิ GSP ให้ได้ประโยชน์แก่การส่งออกมากที่สุด ได้ดำเนินการเสนอการแก้ไปปัญหา GSP ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเกษตรและป่าไม้ของอาเซียน (AMAF) ครั้งที่ 18 เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2539 เรียกร้องให้สหภาพยุโรปทบทวนการตัดสิทธิ GS P ในสินค้าเกษตรอาเซียน ซึ่งที่ประชุม AMAF ได้เห็นชอบกับข้อเสนอของประเทศไทย
4. การแก้ไขปัญหาต่อต้านการทุ่มตลาด และตอบโต้การอุดหนุน (AD & CVD)
ระยะกลาง
1. ผลักดันการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และให้การสนับสนุนด้านเงินทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี การผลิต การเก็บเกี่ยว การรักษาคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน กำลังดำเนินการปรับปรุงกลไกการบริหารโดยกำหนดให้มีสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรกรรมให้สามารถจัดทำภารกิจนับตั้งแต่การตรวจสอบคุณภาพมาตรฐาน การออกใบรับรองรวมทั้งการประสานงานการเจรจาการค้าและการยุติข้อยุติข้อพิพาททางการค้าของสินค้าเกษตรกรรม ซึ่งกลไกการบริหารจะมุ่งไปสู่การให้บริการกับภาคเอกชนในลักษณะแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร (One Stop Service) และจะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป นอกจากนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดทำโครงการศึกษาตลาดสินค้าเกษตรต่างประเทศและพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตร เพื่อการส่งออก และได้บรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประจำปีงบประมาณ 2540-2541 เรียบร้อยแล้ว
2. แสวงหาแหล่งวัตถุดิบที่มีความได้เปรียบทั้งในด้านราคา และคุณภาพ ได้กำหนดนโบายในด้านความร่วมมือการเกษตรกับกลุ่มประเทศอินโดจีน และพม่าโดยใช้ยุทธวิธีของการเป็นประเทศคู่ค้ามากกว่าคู่แข่งขัน ซึ่งกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ด้านเทคโนโลยีการเกษตรกับกลุ่มประเทศดังกล่าว ในการพัฒนาให้เป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบการเกษตรที่มีต้นทุนต่ำ เพื่อป้องให้กับอุตสหากรรมเกษตรไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 22 ตุลาคม 2539--