ทำเนียบรัฐบาล--20 ก.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วย การลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การปรับปรุงการจัดเก็บภาษีดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ระยะยาว) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีสาระสำคัญเพื่อเป็นการสร้างเสริมและกระตุ้นให้มี การออมในรูปเงินฝากประจำระยะยาว ที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการศึกษา เพื่อการจัดหาที่อยู่อาศัย หรือ เพื่อการยังชีพภายหลังเกษียณอายุ โดยการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับดอกเบี้ยเงินฝากประ จำที่ได้รับจากธนาคาร จากอัตราร้อยละ 15 เหลือร้อยละ 10 เฉพาะกรณีดอกเบี้ยจากเงินฝากประจำ ที่มีระยะการฝากตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษา หรือเพื่อการจัดหาที่อยู่อาศัย หรือ เพื่อใช้จ่ายหลังเกษียณอายุ และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติจึงได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขไว้ ดังนี้
1. ต้องเป็นเงินฝากประจำที่มีระยะยาวตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป และเมื่อครบกำหนดระยะเวลา ฝากแล้ว หากมีการถอนเงินฝาก ต้องเป็นการถอนเพื่อใช้สำหรับการศึกษาของตนเองและหรือครอบครัว หรือเพื่อใช้สำหรับที่อยู่อาศัยของตนเองและหรือครอบครัว หรือเป็นการถอนเมื่อผู้ฝากมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
2. การนับอายุเงินฝากให้นับตามยอดเงินฝากแต่ละรายการ
3. ต้องเป็นบัญชีเงินฝากที่มีสมุดเงินฝากโดยเฉพาะแยกต่างหากจากเงินฝากประเภทอื่น โดยต้องระบุข้อความว่าเป็นบัญชีเงินฝากประจำตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป
4. ต้องไม่นำเงินฝากไปค้ำประกันการกู้ยืมเงินของตนเองหรือผู้อื่น
5. กรณีมีการถอนเงินฝากรายการใดก่อนครบกำหนด 5 ปี หรือถอนเมื่อครบกำหนด 5 ปี แล้ว แต่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ หรือมีการผิดเงื่อนไขอื่น ดอกเบี้ยสำหรับเงินฝากรายการดังกล่าวจะ ไม่ได้รับสิทธิลดภาษี ต้องมีการนำภาษีจากดอกเบี้ยส่วนที่ได้รับลดไปแล้วมาชำระพร้อมเงินเพิ่มในอัตรา ร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีส่วนที่ขาดหายไป โดยจะไม่มีการเสียเบี้ยปรับแต่อ ย่างใด
6. ในกรณีตามข้อ 5 ให้ธนาคารมีหน้าที่นำเงินภาษีส่วนที่ขาดพร้อมเงินเพิ่มส่งต่อกรมสรร พากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการถอนเงินฝากหรือเดือนที่มีการผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ โดย ให้ธนาคารใช้แบบนำส่งแบบพิเศษแยกต่างหากจากแบบนำส่งภาษีดอกเบี้ยที่ใช้ตามปกติ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 19 กันยายน 2539--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วย การลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การปรับปรุงการจัดเก็บภาษีดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ระยะยาว) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีสาระสำคัญเพื่อเป็นการสร้างเสริมและกระตุ้นให้มี การออมในรูปเงินฝากประจำระยะยาว ที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการศึกษา เพื่อการจัดหาที่อยู่อาศัย หรือ เพื่อการยังชีพภายหลังเกษียณอายุ โดยการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับดอกเบี้ยเงินฝากประ จำที่ได้รับจากธนาคาร จากอัตราร้อยละ 15 เหลือร้อยละ 10 เฉพาะกรณีดอกเบี้ยจากเงินฝากประจำ ที่มีระยะการฝากตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษา หรือเพื่อการจัดหาที่อยู่อาศัย หรือ เพื่อใช้จ่ายหลังเกษียณอายุ และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติจึงได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขไว้ ดังนี้
1. ต้องเป็นเงินฝากประจำที่มีระยะยาวตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป และเมื่อครบกำหนดระยะเวลา ฝากแล้ว หากมีการถอนเงินฝาก ต้องเป็นการถอนเพื่อใช้สำหรับการศึกษาของตนเองและหรือครอบครัว หรือเพื่อใช้สำหรับที่อยู่อาศัยของตนเองและหรือครอบครัว หรือเป็นการถอนเมื่อผู้ฝากมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
2. การนับอายุเงินฝากให้นับตามยอดเงินฝากแต่ละรายการ
3. ต้องเป็นบัญชีเงินฝากที่มีสมุดเงินฝากโดยเฉพาะแยกต่างหากจากเงินฝากประเภทอื่น โดยต้องระบุข้อความว่าเป็นบัญชีเงินฝากประจำตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป
4. ต้องไม่นำเงินฝากไปค้ำประกันการกู้ยืมเงินของตนเองหรือผู้อื่น
5. กรณีมีการถอนเงินฝากรายการใดก่อนครบกำหนด 5 ปี หรือถอนเมื่อครบกำหนด 5 ปี แล้ว แต่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ หรือมีการผิดเงื่อนไขอื่น ดอกเบี้ยสำหรับเงินฝากรายการดังกล่าวจะ ไม่ได้รับสิทธิลดภาษี ต้องมีการนำภาษีจากดอกเบี้ยส่วนที่ได้รับลดไปแล้วมาชำระพร้อมเงินเพิ่มในอัตรา ร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีส่วนที่ขาดหายไป โดยจะไม่มีการเสียเบี้ยปรับแต่อ ย่างใด
6. ในกรณีตามข้อ 5 ให้ธนาคารมีหน้าที่นำเงินภาษีส่วนที่ขาดพร้อมเงินเพิ่มส่งต่อกรมสรร พากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการถอนเงินฝากหรือเดือนที่มีการผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ โดย ให้ธนาคารใช้แบบนำส่งแบบพิเศษแยกต่างหากจากแบบนำส่งภาษีดอกเบี้ยที่ใช้ตามปกติ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 19 กันยายน 2539--