ทำเนียบรัฐบาล--9 พ.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
ท้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2542 มอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 เฉพาะในประเด็นที่ผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจต้องไม่มีสถานะเป็นพนักงานของรัฐวิสาหกิจ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติฯ เสร็จแล้ว โดยได้กำหนดให้ผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจไม่มีฐานะเป็นพนักงานของรัฐวิสาหกิจ และกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วิธีการสรรหา การจ้าง การปฏิบัติหน้าที่ค่าจ้างหรือผลประโยชน์อื่น และการพ้นจากตำแหน่งของผู้บริหาร โดยมีข้อสังเกตว่า ในการพิจารณากำหนดค่าจ้างและผลประโยชน์อื่นให้แก่ผู้บริหารตามสัญญาจ้าง ควรจะได้คำนึงถึงสิทธิประโยชน์ที่ผู้นั้นต้องเสียไปเนื่องจากการมาเป็นผู้บริหารด้วย เนื่องจากในกรณีที่ผู้นั้นมาจากภาคเอกชนจะต้องมีการลาออกจากหน่วยงานเดิม ซึ่งจะทำให้ไม่มีสิทธิได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานเพราะเป็นการขอลาออกมิได้เป็นการเลิกจ้าง และหากเป็นกรณีที่ผู้นั้นมาจากพนักงานรัฐวิสาหกิจก็จะทำให้ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ในเรื่องเงินตอบแทนความชอบในการทำงาน และการได้รับยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินหรือผลประโยชน์ที่ได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเนื่องจากเป็นการลาออก ซึ่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. แก้ไขบทนิยามคำว่า "พนักงาน" เป็น ""พนักงาน" หมายความว่า พนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ" เพื่อกำหนดให้พนักงานไม่ให้หมายความรวมถึงผู้บริหาร
2. เพิ่มบทนิยามคำว่า "ผู้บริหาร" หมายความว่า ผู้ว่าการ ผู้อำนวยการ กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่งดำรงตำแหน่งที่มีอำนาจหน้าที่คล้ายคลึงกันในรัฐวิสาหกิจ
3. กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ
4. กำหนดกระบวนการแต่งตั้งผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ โดยให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งทำหน้าที่คัดเลือกคณะกรรมการสรรหา ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่า 3 คน และให้คณะกรรมการสรรหาเป็นผู้คัดเลือกผู้ซึ่งมีความรู้ ความสามารถ และคุณสมบัติตามที่กำหนดเสนอผู้มีอำนาจแต่งตั้งต่อไป
สัญญาจ้างผู้บริหารให้มีระยะเวลาคราวละไม่เกิน 4 ปี และเมื่อครบกำหนดเวลาตามสัญญาแล้วอาจต่ออายุสัญญาจ้างได้อีก แต่จะจ้างเกินสองคราวติดต่อกันไม่ได้
5. กำหนดบทเฉพาะกาลให้พระราชบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับกับผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 9 พฤศจิกายน 2542--
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
ท้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2542 มอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 เฉพาะในประเด็นที่ผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจต้องไม่มีสถานะเป็นพนักงานของรัฐวิสาหกิจ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติฯ เสร็จแล้ว โดยได้กำหนดให้ผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจไม่มีฐานะเป็นพนักงานของรัฐวิสาหกิจ และกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วิธีการสรรหา การจ้าง การปฏิบัติหน้าที่ค่าจ้างหรือผลประโยชน์อื่น และการพ้นจากตำแหน่งของผู้บริหาร โดยมีข้อสังเกตว่า ในการพิจารณากำหนดค่าจ้างและผลประโยชน์อื่นให้แก่ผู้บริหารตามสัญญาจ้าง ควรจะได้คำนึงถึงสิทธิประโยชน์ที่ผู้นั้นต้องเสียไปเนื่องจากการมาเป็นผู้บริหารด้วย เนื่องจากในกรณีที่ผู้นั้นมาจากภาคเอกชนจะต้องมีการลาออกจากหน่วยงานเดิม ซึ่งจะทำให้ไม่มีสิทธิได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานเพราะเป็นการขอลาออกมิได้เป็นการเลิกจ้าง และหากเป็นกรณีที่ผู้นั้นมาจากพนักงานรัฐวิสาหกิจก็จะทำให้ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ในเรื่องเงินตอบแทนความชอบในการทำงาน และการได้รับยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินหรือผลประโยชน์ที่ได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเนื่องจากเป็นการลาออก ซึ่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. แก้ไขบทนิยามคำว่า "พนักงาน" เป็น ""พนักงาน" หมายความว่า พนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ" เพื่อกำหนดให้พนักงานไม่ให้หมายความรวมถึงผู้บริหาร
2. เพิ่มบทนิยามคำว่า "ผู้บริหาร" หมายความว่า ผู้ว่าการ ผู้อำนวยการ กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่งดำรงตำแหน่งที่มีอำนาจหน้าที่คล้ายคลึงกันในรัฐวิสาหกิจ
3. กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ
4. กำหนดกระบวนการแต่งตั้งผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ โดยให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งทำหน้าที่คัดเลือกคณะกรรมการสรรหา ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่า 3 คน และให้คณะกรรมการสรรหาเป็นผู้คัดเลือกผู้ซึ่งมีความรู้ ความสามารถ และคุณสมบัติตามที่กำหนดเสนอผู้มีอำนาจแต่งตั้งต่อไป
สัญญาจ้างผู้บริหารให้มีระยะเวลาคราวละไม่เกิน 4 ปี และเมื่อครบกำหนดเวลาตามสัญญาแล้วอาจต่ออายุสัญญาจ้างได้อีก แต่จะจ้างเกินสองคราวติดต่อกันไม่ได้
5. กำหนดบทเฉพาะกาลให้พระราชบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับกับผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 9 พฤศจิกายน 2542--