สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ
1. กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจใช้เครื่องพันธนาการแก่ผู้ต้องกักขังที่อาจจะทำอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น หรือวิกลจริตซึ่งอาจจะทำอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น หรือกรณีที่ถูกควบคุมตัวไปนอกสถานที่กักขัง และมีพฤติการณ์จะหลบหนี
2. กำหนดการรับรองสิทธิของผู้ต้องกักขังในการยื่นเรื่องราวร้องทุกข์และถวายฎีกา
3. กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจตรวจสอบจดหมาย เอกสารและสกัดกั้นการสื่อสาร
4. กำหนดการปฏิบัติต่อผู้ต้องกักขังหญิงมีครรภ์ ให้ได้รับการดูแลรักษาพยาบาล เช่นเดียวกับผู้หญิงมีครรภ์โดยทั่วไป
5. เพิ่มอัตราโทษสำหรับผู้ต้องกักขังที่ถูกปล่อยตัวไปกรณีมีเหตุฉุกเฉินแล้วไม่กลับมารายงานตัวจากเดิมจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
6. เพิ่มอัตราโทษผู้ที่กระทำผิดต่อสถานที่กักขังจากเดิมจำคุกไม่เกินสามเดือนหรือปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
7. การกำหนดให้สิ่งของต้องห้ามเป็นไปตามที่รัฐมนตรีกำหนดและประกาศในราชกิจจานุเบกษา
8. กำหนดให้ผู้เป็นหัวหน้าบังคับบัญชาสถานที่กักขังมีอำนาจที่จะดำเนินการลงโทษทางวินัยแก่ผู้ต้องกักขังแทนค่าปรับ ซึ่งกระทำผิดลหุโทษ หรือความผิดต่อสถานที่กักขังฯ ในสถานที่กักขังแทนการส่งเรื่องเพื่อดำเนินคดีอาญา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 มกราคม 2558--