ทำเนียบรัฐบาล--30 เม.ย.--บิสนิวส์
การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อรับ-ส่งสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของการสื่อสารแห่งประเทศไทย กับองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย และกลุ่มบริษัทเอกชน
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมได้รายงานผลการตีความข้อกฎหมายโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีที่ความเห็นของกระทรวงคมนาคม (การสื่อสารแห่งประเทศไทย) กับสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) ไม่สอดคล้องกัน ในประเด็นการเสนอขอตั้งสถานีถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และการขออนุญาตดำเนินบริการ ก่อนที่กระทรวงคมนาคมจะดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้แล้ว เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2535 ดังนี้
กระทรวงคมนาคมได้ขอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นในปัญหาข้อกฎหมายว่า การดำเนินการตามโครงการเข้าร่วมลงทุนระหว่างการสื่อสารแห่งประเทศไทย องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) และกลุ่มบริษัทเอกชน เพื่อจัดตั้งบริษัทดำเนินการให้บริการรับส่งวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ จะต้องได้รับอนุญาตให้ดำเนินบริการส่งวิทยุกระจายเสียงหรือบริการส่งวิทยุโทรทัศน์ตามพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ.2498 หรือไม่ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ 8) ให้ความเห็นว่า พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ.2498 มุ่งหมายที่จะควบคุมรายการที่มีการส่งสัญญาณไปยังเครื่องรับโทรทัศน์ โดยต้องมีผู้รับผิดชอบปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่ควบคุมการออกอากาศรายการดังกล่าว แต่สำหรับในเรื่องนี้ข้อเท็จจริง ปรากฏว่าบริษัทร่วมทุนที่จะจัดตั้งขึ้นนี้จะดำเนินธุรกิจ โดยการถ่ายทอดสัญญาณวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์จากรายการปกติของ อ.ส.ม.ท. แล้วส่งสัญญาณนั้นผ่านดาวเทียม และมีสถานีรับส่งสัญญาณวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์นั้น ในท้องที่ต่าง ๆ เพื่อแปลงสัญญาณส่งต่อไปยังเครื่องรับวิทยุกระจายเสียง และเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ตามบ้านเรือนที่มีเครื่องรับสัญญาณดังกล่าว
ฉะนั้นเมื่อรายการที่ออกอากาศนั้นยังคงเป็นรายการของ อ.ส.ม.ท. ซึ่งถูกควบคุมโดยพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498 และ อ.ส.ม.ท. จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบตามกฎหมายดังกล่าวอยู่แล้ว การดำเนินการของบริษัทร่วมทุนเช่นนี้ จึงเป็นเพียงการให้บริการนำส่งสัญญาณของผู้ที่จะต้องรับผิดชอบรายการ ตามพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุ-โทรทัศน์ พ.ศ. 2498 มิใช่การให้บริการส่งวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ที่จะต้องขอรับใบอนุญาตดำเนินบริการส่งวิทยุกระจายเสียงและบริการส่งวิทยุโทรทัศน์ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวอีก แต่ถ้าบริษัทร่วมทุนดังกล่าวผลิตรายการของตนเองและส่งรายการนั้นออกอากาศ หรือรับรายการจากผู้ที่ไม่มีสิทธิให้บริการส่งวิทยุกระจายเสียงหรือบริการส่งวิทยุโทรทัศน์ตามกฎหมายแล้วนำออกอากาศ บริษัทร่วมทุนดังกล่าวมีฐานะเป็นผู้ส่งวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งต้องอยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 29 เมษายน 2540--
การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อรับ-ส่งสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของการสื่อสารแห่งประเทศไทย กับองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย และกลุ่มบริษัทเอกชน
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมได้รายงานผลการตีความข้อกฎหมายโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีที่ความเห็นของกระทรวงคมนาคม (การสื่อสารแห่งประเทศไทย) กับสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) ไม่สอดคล้องกัน ในประเด็นการเสนอขอตั้งสถานีถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และการขออนุญาตดำเนินบริการ ก่อนที่กระทรวงคมนาคมจะดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้แล้ว เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2535 ดังนี้
กระทรวงคมนาคมได้ขอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นในปัญหาข้อกฎหมายว่า การดำเนินการตามโครงการเข้าร่วมลงทุนระหว่างการสื่อสารแห่งประเทศไทย องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) และกลุ่มบริษัทเอกชน เพื่อจัดตั้งบริษัทดำเนินการให้บริการรับส่งวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ จะต้องได้รับอนุญาตให้ดำเนินบริการส่งวิทยุกระจายเสียงหรือบริการส่งวิทยุโทรทัศน์ตามพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ.2498 หรือไม่ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ 8) ให้ความเห็นว่า พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ.2498 มุ่งหมายที่จะควบคุมรายการที่มีการส่งสัญญาณไปยังเครื่องรับโทรทัศน์ โดยต้องมีผู้รับผิดชอบปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่ควบคุมการออกอากาศรายการดังกล่าว แต่สำหรับในเรื่องนี้ข้อเท็จจริง ปรากฏว่าบริษัทร่วมทุนที่จะจัดตั้งขึ้นนี้จะดำเนินธุรกิจ โดยการถ่ายทอดสัญญาณวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์จากรายการปกติของ อ.ส.ม.ท. แล้วส่งสัญญาณนั้นผ่านดาวเทียม และมีสถานีรับส่งสัญญาณวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์นั้น ในท้องที่ต่าง ๆ เพื่อแปลงสัญญาณส่งต่อไปยังเครื่องรับวิทยุกระจายเสียง และเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ตามบ้านเรือนที่มีเครื่องรับสัญญาณดังกล่าว
ฉะนั้นเมื่อรายการที่ออกอากาศนั้นยังคงเป็นรายการของ อ.ส.ม.ท. ซึ่งถูกควบคุมโดยพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498 และ อ.ส.ม.ท. จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบตามกฎหมายดังกล่าวอยู่แล้ว การดำเนินการของบริษัทร่วมทุนเช่นนี้ จึงเป็นเพียงการให้บริการนำส่งสัญญาณของผู้ที่จะต้องรับผิดชอบรายการ ตามพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุ-โทรทัศน์ พ.ศ. 2498 มิใช่การให้บริการส่งวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ที่จะต้องขอรับใบอนุญาตดำเนินบริการส่งวิทยุกระจายเสียงและบริการส่งวิทยุโทรทัศน์ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวอีก แต่ถ้าบริษัทร่วมทุนดังกล่าวผลิตรายการของตนเองและส่งรายการนั้นออกอากาศ หรือรับรายการจากผู้ที่ไม่มีสิทธิให้บริการส่งวิทยุกระจายเสียงหรือบริการส่งวิทยุโทรทัศน์ตามกฎหมายแล้วนำออกอากาศ บริษัทร่วมทุนดังกล่าวมีฐานะเป็นผู้ส่งวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งต้องอยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 29 เมษายน 2540--