ทำเนียบรัฐบาล--30 ธ.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบเรื่อง การออกมาตรการในการควบคุมการให้บริการบัตรเครดิต ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเสนอ ดังนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รายงานว่า เพื่อให้นโยบายเร่งรัดการระดมเงินออมในประเทศบรรลุเป้าหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และป้องกันไม่ให้มีปัญหาลูกหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากภาวะปัจจุบัน ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีหนังสือเวียนถึงสถาบันการเงินให้เข้มงวดในการออกบัตรเครดิตของธนาคารและสถาบันการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มหลักเกณฑ์การอนุมัติบัตรเครดิตเสริมหรือการออกบัตรให้กับข้าราชการทุกประเภท โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ให้ธนาคารพาณิชย์พิจารณาคุณสมบัติและการกำหนดวงเงินสำหรับลูกค้าแต่ละรายอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น โดยในการออกบัตรรายใหม่นั้น ทั้งบุคคลทั่วไปหรือข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจและองค์การของรัฐ ผู้ถือบัตรหลักต้องมีรายได้ประจำอย่างน้อยปีละ 240,000 บาท
2. ในการออกบัตรเสริมให้แก่ผู้ถือบัตรรายใหม่และรายเก่าที่ต่ออายุบัตรนั้น ผู้ถือบัตรหลักจะต้องมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 60,000 บาทต่อปี ต่อบัตรเสริม 1 ใบ ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรเสริมจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปี
3. วงเงินที่จะให้แก่ผู้ถือบัตรเครดิตทั้งรายใหม่และรายเก่าที่ต่ออายุบัตรนั้น แต่ละรายต้องไม่เกิน 2 เท่า ของรายได้เฉลี่ยต่อเดือนของผู้ถือบัตร เว้นแต่ในกรณีที่จำเป็นอาจให้วงเงินเกินกว่าที่กำหนดนี้ได้ แต่ต้องเป็นการชั่วคราวเท่านั้น
4. สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตที่เลือกผ่านชำระหนี้บางส่วน จะต้องชำระขั้นต่ำ (Minimum payment) ในแต่ละงวดอย่างน้อยร้อยละ 10 ของยอดสินเชื่อบัตรเครดิตคงค้างทั้งสิ้น แต่ต้องไม่ต่ำกว่างวดละ 2,000 บาท ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2541 เป็นต้นไป
5. การเรียกเก็บดอกเบี้ยและส่วนลด ให้กำหนดเป็นอัตราดอกเบี้ยที่เรียกจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) บวกส่วนต่าง (Margin) และให้ปฏิบัติตามประกาศของธนาคารเรื่องการกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ปฏิบัติในเรื่องดอกเบี้ยและส่วนลด ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2536 ด้วย
6. การเรียกชำระหนี้สินเชื่อบัตรเครดิต ให้ธนาคารพาณิชย์จัดส่งใบแจ้งยอดบัญชีบัตรเครดิตให้ผู้ถือบัตรทราบล่วงหน้าก่อนวันถึงกำหนดชำระหรือหักบัญชีไม่น้อยกว่า 10 วัน
7. ให้ธนาคารพาณิชย์เปิดเผยให้ประชาชนผู้ใช้บริการได้ทราบค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการใช้บัตรเครดิตอย่างชัดเจน โดยให้จัดทำตารางสรุปภาระและค่าใช้จ่ายแสดงในเอกสารโฆษณาเผยแพร่ทุกกรณี รวมทั้งให้ติดเป็นประกาศไว้ในที่ทำการต่าง ๆ ด้วย ส่วนกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่มีผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ ให้ธนาคารพาณิชย์แจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าก่อนวันที่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงไม่น้อยกว่า 10 วัน
8. กรณีที่มีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิต ให้ธนาคารพาณิชย์แจ้งความคืบหน้าในการสอบสวนและดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดให้ผู้ใช้บริการทราบภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
9. ในการให้สินเชื่อและเครดิตทุกประเภท การรับซื้อตราสารหนี้ รวมทั้งการจัดหาเงินทุนให้แก่ผู้ดำเนินกิจการให้บริการบัตรเครดิตชนิดที่สามารถนำไปใช้ในต่างประเทศได้ ให้ธนาคารพาณิชย์ สำนักงานวิเทศธนกิจ บริษัทเงินทุน และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ดูแลให้ผู้ประกอบการดังกล่าว รวมทั้งบริษัทในเครือที่มีการให้บริการเกี่ยวกับบัตรเครดิต ถือปฏิบัติตามนัยข้างต้นอย่างเคร่งครัดด้วย
10. ให้ธนาคารพาณิชย์รายงานการให้บริการบัตรเครดิตเป็นข้อมูลรายเดือนตามแบบรายงาน และให้จัดส่งรายงานทุก ๆ 3 เดือน ส่งไปยังสายงานด้านกำกับธนาคารพาณิชย์ฝ่ายกำกับสถาบันการเงิน ภายใน 1 เดือน นับแต่วันสิ้นงวดนั้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 30 ธันวาคม 2540--
คณะรัฐมนตรีรับทราบเรื่อง การออกมาตรการในการควบคุมการให้บริการบัตรเครดิต ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเสนอ ดังนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รายงานว่า เพื่อให้นโยบายเร่งรัดการระดมเงินออมในประเทศบรรลุเป้าหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และป้องกันไม่ให้มีปัญหาลูกหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากภาวะปัจจุบัน ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีหนังสือเวียนถึงสถาบันการเงินให้เข้มงวดในการออกบัตรเครดิตของธนาคารและสถาบันการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มหลักเกณฑ์การอนุมัติบัตรเครดิตเสริมหรือการออกบัตรให้กับข้าราชการทุกประเภท โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ให้ธนาคารพาณิชย์พิจารณาคุณสมบัติและการกำหนดวงเงินสำหรับลูกค้าแต่ละรายอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น โดยในการออกบัตรรายใหม่นั้น ทั้งบุคคลทั่วไปหรือข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจและองค์การของรัฐ ผู้ถือบัตรหลักต้องมีรายได้ประจำอย่างน้อยปีละ 240,000 บาท
2. ในการออกบัตรเสริมให้แก่ผู้ถือบัตรรายใหม่และรายเก่าที่ต่ออายุบัตรนั้น ผู้ถือบัตรหลักจะต้องมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 60,000 บาทต่อปี ต่อบัตรเสริม 1 ใบ ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรเสริมจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปี
3. วงเงินที่จะให้แก่ผู้ถือบัตรเครดิตทั้งรายใหม่และรายเก่าที่ต่ออายุบัตรนั้น แต่ละรายต้องไม่เกิน 2 เท่า ของรายได้เฉลี่ยต่อเดือนของผู้ถือบัตร เว้นแต่ในกรณีที่จำเป็นอาจให้วงเงินเกินกว่าที่กำหนดนี้ได้ แต่ต้องเป็นการชั่วคราวเท่านั้น
4. สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตที่เลือกผ่านชำระหนี้บางส่วน จะต้องชำระขั้นต่ำ (Minimum payment) ในแต่ละงวดอย่างน้อยร้อยละ 10 ของยอดสินเชื่อบัตรเครดิตคงค้างทั้งสิ้น แต่ต้องไม่ต่ำกว่างวดละ 2,000 บาท ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2541 เป็นต้นไป
5. การเรียกเก็บดอกเบี้ยและส่วนลด ให้กำหนดเป็นอัตราดอกเบี้ยที่เรียกจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) บวกส่วนต่าง (Margin) และให้ปฏิบัติตามประกาศของธนาคารเรื่องการกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ปฏิบัติในเรื่องดอกเบี้ยและส่วนลด ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2536 ด้วย
6. การเรียกชำระหนี้สินเชื่อบัตรเครดิต ให้ธนาคารพาณิชย์จัดส่งใบแจ้งยอดบัญชีบัตรเครดิตให้ผู้ถือบัตรทราบล่วงหน้าก่อนวันถึงกำหนดชำระหรือหักบัญชีไม่น้อยกว่า 10 วัน
7. ให้ธนาคารพาณิชย์เปิดเผยให้ประชาชนผู้ใช้บริการได้ทราบค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการใช้บัตรเครดิตอย่างชัดเจน โดยให้จัดทำตารางสรุปภาระและค่าใช้จ่ายแสดงในเอกสารโฆษณาเผยแพร่ทุกกรณี รวมทั้งให้ติดเป็นประกาศไว้ในที่ทำการต่าง ๆ ด้วย ส่วนกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่มีผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ ให้ธนาคารพาณิชย์แจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าก่อนวันที่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงไม่น้อยกว่า 10 วัน
8. กรณีที่มีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิต ให้ธนาคารพาณิชย์แจ้งความคืบหน้าในการสอบสวนและดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดให้ผู้ใช้บริการทราบภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
9. ในการให้สินเชื่อและเครดิตทุกประเภท การรับซื้อตราสารหนี้ รวมทั้งการจัดหาเงินทุนให้แก่ผู้ดำเนินกิจการให้บริการบัตรเครดิตชนิดที่สามารถนำไปใช้ในต่างประเทศได้ ให้ธนาคารพาณิชย์ สำนักงานวิเทศธนกิจ บริษัทเงินทุน และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ดูแลให้ผู้ประกอบการดังกล่าว รวมทั้งบริษัทในเครือที่มีการให้บริการเกี่ยวกับบัตรเครดิต ถือปฏิบัติตามนัยข้างต้นอย่างเคร่งครัดด้วย
10. ให้ธนาคารพาณิชย์รายงานการให้บริการบัตรเครดิตเป็นข้อมูลรายเดือนตามแบบรายงาน และให้จัดส่งรายงานทุก ๆ 3 เดือน ส่งไปยังสายงานด้านกำกับธนาคารพาณิชย์ฝ่ายกำกับสถาบันการเงิน ภายใน 1 เดือน นับแต่วันสิ้นงวดนั้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 30 ธันวาคม 2540--