ทำเนียบรัฐบาล--7 ธ.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการแก้ปัญหาโรงเรียนศึกษาพิเศษและโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ แล้วมีมติให้หารือกับสำนักงบประมาณในการพิจารณาเจียดจ่ายงบประมาณจากงบประจำ ก่อนที่จะพิจารณาในส่วนของงบกลางตามความจำเป็น ดังมีรายละเอียดตามนี้
1. โรงเรียนศึกษาพิเศษ ของบประมาณจ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราว รวม 62,727,840 บาท แบ่งเป็น ค่าจ้างครูปฏิบัติการสอนใน 2 ภาคเรียนของปีงบประมาณ พ.ศ.2543 รวม 871 อัตรา เป็นเงิน 35,705,040 บาท และค่าจ้างลูกจ้างประจำ รวม 539 อัตรา เป็นเงิน 27,022,800 บาท
อนึ่ง โรงเรียนศึกษาพิเศษ หมายถึง โรงเรียนที่จัดการศึกษาเพื่อคนพิการ จำนวน 41 โรง ใน 35 จังหวัด มี 4 รูปแบบ ดังนี้
1) โรงเรียนศึกษาพิเศษสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
2) โรงเรียนศึกษาพิเศษสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องหรือพิการทางหู
3) โรงเรียนศึกษาพิเศษสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องหรือพิการทางตา
4) โรงเรียนศึกษาพิเศษสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องหรือพิการทางร่างกาย (แขน - ขา)
2. โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ ของบประมาณจ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราว รวม 54,760,080 บาท แบ่งเป็น ค่าจ้างครูปฏิบัติการสอนใน 2 ภาคเรียนของปีงบประมาณ พ.ศ.2543 รวม 1,344 อัตรา เป็นเงิน 53,093,280 บาท และค่าจ้างลูกจ้างประจำ รวม 33 อัตรา เป็นเงิน 1,666,800 บาท
อนึ่ง โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ หมายถึงโรงเรียนที่จัดการศึกษาให้แก่เด็กด้อยโอกาส ซึ่งหมายถึง เด็กที่ยากไร้ เด็กเร่ร่อน จรจัด เด็กที่พึ่งพาตนเองและครอบครัวไม่ได้ เด็กที่ถูกทำร้าย ถูกรังแกจากครอบครัว เด็กกำพร้าจากเหตุการณ์ประสบภัยธรรมชาติ ภัยจากการสู้รบเพื่อป้องกันประเทศชาติและความมั่นคง กำพร้าจากภัยโรคติดต่อร้ายแรง อาทิ โรคเอดส์ เป็นต้น จำนวน 40 โรง ใน 34 จังหวัด ประกอบด้วย
1) โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 14 โรง
2) โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ตามโครงการทับทิมสยาม ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จำนวน 1 โรง
3) โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ตามโครงการทุ่งก้าวยางในสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก จำนวน 1 โรง
4) โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ จำนวน 24 โรง
ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาระยะสั้นกรณีลูกจ้างประจำให้หารือคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการ (ปรร.) ก่อน สำหรับอัตรากำลังในระยะยาวคณะกรรมการว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนของหน่วยงานของรัฐ (คปร.) จะเป็นผู้พิจารณาจากจำนวนผู้เกษียณอายุราชการและโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิตอีกครั้ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 7 ธันวาคม 2542--
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการแก้ปัญหาโรงเรียนศึกษาพิเศษและโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ แล้วมีมติให้หารือกับสำนักงบประมาณในการพิจารณาเจียดจ่ายงบประมาณจากงบประจำ ก่อนที่จะพิจารณาในส่วนของงบกลางตามความจำเป็น ดังมีรายละเอียดตามนี้
1. โรงเรียนศึกษาพิเศษ ของบประมาณจ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราว รวม 62,727,840 บาท แบ่งเป็น ค่าจ้างครูปฏิบัติการสอนใน 2 ภาคเรียนของปีงบประมาณ พ.ศ.2543 รวม 871 อัตรา เป็นเงิน 35,705,040 บาท และค่าจ้างลูกจ้างประจำ รวม 539 อัตรา เป็นเงิน 27,022,800 บาท
อนึ่ง โรงเรียนศึกษาพิเศษ หมายถึง โรงเรียนที่จัดการศึกษาเพื่อคนพิการ จำนวน 41 โรง ใน 35 จังหวัด มี 4 รูปแบบ ดังนี้
1) โรงเรียนศึกษาพิเศษสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
2) โรงเรียนศึกษาพิเศษสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องหรือพิการทางหู
3) โรงเรียนศึกษาพิเศษสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องหรือพิการทางตา
4) โรงเรียนศึกษาพิเศษสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องหรือพิการทางร่างกาย (แขน - ขา)
2. โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ ของบประมาณจ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราว รวม 54,760,080 บาท แบ่งเป็น ค่าจ้างครูปฏิบัติการสอนใน 2 ภาคเรียนของปีงบประมาณ พ.ศ.2543 รวม 1,344 อัตรา เป็นเงิน 53,093,280 บาท และค่าจ้างลูกจ้างประจำ รวม 33 อัตรา เป็นเงิน 1,666,800 บาท
อนึ่ง โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ หมายถึงโรงเรียนที่จัดการศึกษาให้แก่เด็กด้อยโอกาส ซึ่งหมายถึง เด็กที่ยากไร้ เด็กเร่ร่อน จรจัด เด็กที่พึ่งพาตนเองและครอบครัวไม่ได้ เด็กที่ถูกทำร้าย ถูกรังแกจากครอบครัว เด็กกำพร้าจากเหตุการณ์ประสบภัยธรรมชาติ ภัยจากการสู้รบเพื่อป้องกันประเทศชาติและความมั่นคง กำพร้าจากภัยโรคติดต่อร้ายแรง อาทิ โรคเอดส์ เป็นต้น จำนวน 40 โรง ใน 34 จังหวัด ประกอบด้วย
1) โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 14 โรง
2) โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ตามโครงการทับทิมสยาม ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จำนวน 1 โรง
3) โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ตามโครงการทุ่งก้าวยางในสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก จำนวน 1 โรง
4) โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ จำนวน 24 โรง
ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาระยะสั้นกรณีลูกจ้างประจำให้หารือคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการ (ปรร.) ก่อน สำหรับอัตรากำลังในระยะยาวคณะกรรมการว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนของหน่วยงานของรัฐ (คปร.) จะเป็นผู้พิจารณาจากจำนวนผู้เกษียณอายุราชการและโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิตอีกครั้ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 7 ธันวาคม 2542--