ทำเนียบรัฐบาล--20 ก.ค.--บิสนิวส์
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบตามที่กระทรวงการคลัง รายงาน
ความคืบหน้าการปล่อยสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจของสถาบันการเงินของรัฐ 5 แห่ง
และมาตรการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ดังนี้
มาตรการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยการลดอัตราดอกเบี้ยเงิน
ให้กู้
จากการที่ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในภาวะตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้
ของประชาชนทั่วไป ธนาคารอาคารสงเคราะห์ซึ่งเป็นองค์กรภาครัฐมีบทบาทสำคัญในด้านการให้สินเชื่อ
ที่อยู่อาศัย เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง จึงเห็นสมควรดำเนิน
มาตรการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจ โดยการเป็นผู้นำในการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับประชาชนทั่วไปซึ่ง
จะเกิดผลทั้งในด้านการส่งเสริมให้ประชาชนมีกำลังซื้อและมีความต้องการจัดหาที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
เพิ่มขึ้น รวมทั้งช่วยผ่อนคลายความเดือดร้อนของผู้กู้และลดปัญหาหนี้ NPL ให้น้อยลง
ปัจจุบันธนาคารอาคารสงเคราะห์มีลูกหนี้รายย่อยจำนวน 650,000 ราย เป็นเงินสินเชื่อ
คงค้างทั้งสิ้น 292,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งตลาดด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งสิ้นประมาณ 35% โดยลูก
ค้าส่วนใหญ่ของธนาคารฯ ประมาณร้อยละ 81 จะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 750,000
บาท การนำมาตรการลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้มาใช้ จึงมีผลต่อประชาชนทั่วไปในวงกว้างและสามารถ
สร้างกระแสและชี้นำให้ตลาดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ รวมทั้งจะช่วยให้เกิดความต้องการทั้งด้านสิน
เชื่อ และกระตุ้นให้มีการฝากเงินเพิ่มเพื่อให้ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ยังสูงอยู่ในปัจจุบัน
ประกอบกับปัจจุบันสภาพคล่องของธนาคารฯ เริ่มดีขึ้นธนาคารฯ จึงจะลดอัตราให้กับผู้กู้ 4 ครั้งรวมร้อย
ละ 1 ต่อปี ภายในระยะเวลา 6 เดือน โดยจะกำหนดโปรแกรมการลดอัตราดอกเบี้ยดังนี้
1. การลดดอกเบี้ยในครั้งแรกจะให้ประโยชน์แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย
หลักของธนาคารฯ ก่อนในวันพุธที่ 22 กรกฎาคม 2541 จะลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้เฉพาะผู้ที่มีวงเงิน
กู้ไม่เกิน 750,000 บาท ร้อยละ 0.25 ต่อปี ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่างร้อยละ 13.50-15.50
ต่อปี จะลดลงเหลือ 13.25 - 15.25 ต่อปี ซึ่งลูกค้าที่ได้รับประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยในครั้งนี้มี
จำนวนถึง 529,147 ราย คิดเป็นร้อยละ 81 ของลูกหนี้ทั้งหมด
2. สำหรับการลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไปอีก 3 ครั้ง มีเงื่อนไขว่าหากภาวะเศรษฐกิจ
อัตราเงินเฟ้อ และอัตราแลกเปลี่ยนไม่เลวลงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จะลดให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม ครั้งละ
0.25 ต่อปี ในระยะเวลาห่างกันทุก 2 เดือน
ซึ่งเมื่อลดดอกเบี้ยครบตามโปรแกรมแล้ว อัตราดอกเบี้ยของธนาคารฯ จะเป็นดังนี้
วงเงินกู้ อัตราเดิม อัตราใหม่
ไม่เกิน 100,000 บาท 13.50 12.50
ไม่เกิน 200,000 บาท 14.00 13.00
ไม่เกิน 750,000 บาท 15.50 14.50
ไม่เกิน 3,000,000 บาท 16.00 15.25
ไม่เกิน 5,000,000 บาท 17.00 16.25
นอกจากนี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ยังได้เสนอให้มีการแก้ไขพระราชกฤษฎีกากำหนดกิจ-
การอันพึงเป็นงานธนาคารพ.ศ. 2518 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางในการลงทุนและการจัดหาเงินทุน
ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ให้สอดคล้องกับสภาพทางเศรษฐกิจปัจจุบัน จึงเห็นสมควรให้แก้ไขเพิ่มเติม
พระราชกฤษฎีกากำหนดกิจการอันพึงเป็นงานธนาคารฯ ออกตามความในพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสง
เคราะห์ พ.ศ. 2496 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 317 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515
รวมทั้งออกกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้ธนาคารฯ สามารถซื้อและขายลูกหนี้เงินกู้ที่อยู่อาศัยและให้สามารถ
ทำธุรกรรมตลาดรองเงินกู้ที่อยู่อาศัยได้เพื่อให้ธนาคารฯ สามารถนำไปปฏิบัติได้โดยเร็วในระหว่างที่การ
ขอแก้ไขพระราชบัญญัติธนาคารฯ ยังไม่แล้วเสร็จและยังไม่มีผลบังคับใช้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 20 กรกฎาคม 2541--
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบตามที่กระทรวงการคลัง รายงาน
ความคืบหน้าการปล่อยสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจของสถาบันการเงินของรัฐ 5 แห่ง
และมาตรการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ดังนี้
มาตรการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยการลดอัตราดอกเบี้ยเงิน
ให้กู้
จากการที่ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในภาวะตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้
ของประชาชนทั่วไป ธนาคารอาคารสงเคราะห์ซึ่งเป็นองค์กรภาครัฐมีบทบาทสำคัญในด้านการให้สินเชื่อ
ที่อยู่อาศัย เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง จึงเห็นสมควรดำเนิน
มาตรการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจ โดยการเป็นผู้นำในการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับประชาชนทั่วไปซึ่ง
จะเกิดผลทั้งในด้านการส่งเสริมให้ประชาชนมีกำลังซื้อและมีความต้องการจัดหาที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
เพิ่มขึ้น รวมทั้งช่วยผ่อนคลายความเดือดร้อนของผู้กู้และลดปัญหาหนี้ NPL ให้น้อยลง
ปัจจุบันธนาคารอาคารสงเคราะห์มีลูกหนี้รายย่อยจำนวน 650,000 ราย เป็นเงินสินเชื่อ
คงค้างทั้งสิ้น 292,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งตลาดด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งสิ้นประมาณ 35% โดยลูก
ค้าส่วนใหญ่ของธนาคารฯ ประมาณร้อยละ 81 จะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 750,000
บาท การนำมาตรการลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้มาใช้ จึงมีผลต่อประชาชนทั่วไปในวงกว้างและสามารถ
สร้างกระแสและชี้นำให้ตลาดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ รวมทั้งจะช่วยให้เกิดความต้องการทั้งด้านสิน
เชื่อ และกระตุ้นให้มีการฝากเงินเพิ่มเพื่อให้ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ยังสูงอยู่ในปัจจุบัน
ประกอบกับปัจจุบันสภาพคล่องของธนาคารฯ เริ่มดีขึ้นธนาคารฯ จึงจะลดอัตราให้กับผู้กู้ 4 ครั้งรวมร้อย
ละ 1 ต่อปี ภายในระยะเวลา 6 เดือน โดยจะกำหนดโปรแกรมการลดอัตราดอกเบี้ยดังนี้
1. การลดดอกเบี้ยในครั้งแรกจะให้ประโยชน์แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย
หลักของธนาคารฯ ก่อนในวันพุธที่ 22 กรกฎาคม 2541 จะลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้เฉพาะผู้ที่มีวงเงิน
กู้ไม่เกิน 750,000 บาท ร้อยละ 0.25 ต่อปี ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่างร้อยละ 13.50-15.50
ต่อปี จะลดลงเหลือ 13.25 - 15.25 ต่อปี ซึ่งลูกค้าที่ได้รับประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยในครั้งนี้มี
จำนวนถึง 529,147 ราย คิดเป็นร้อยละ 81 ของลูกหนี้ทั้งหมด
2. สำหรับการลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไปอีก 3 ครั้ง มีเงื่อนไขว่าหากภาวะเศรษฐกิจ
อัตราเงินเฟ้อ และอัตราแลกเปลี่ยนไม่เลวลงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จะลดให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม ครั้งละ
0.25 ต่อปี ในระยะเวลาห่างกันทุก 2 เดือน
ซึ่งเมื่อลดดอกเบี้ยครบตามโปรแกรมแล้ว อัตราดอกเบี้ยของธนาคารฯ จะเป็นดังนี้
วงเงินกู้ อัตราเดิม อัตราใหม่
ไม่เกิน 100,000 บาท 13.50 12.50
ไม่เกิน 200,000 บาท 14.00 13.00
ไม่เกิน 750,000 บาท 15.50 14.50
ไม่เกิน 3,000,000 บาท 16.00 15.25
ไม่เกิน 5,000,000 บาท 17.00 16.25
นอกจากนี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ยังได้เสนอให้มีการแก้ไขพระราชกฤษฎีกากำหนดกิจ-
การอันพึงเป็นงานธนาคารพ.ศ. 2518 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางในการลงทุนและการจัดหาเงินทุน
ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ให้สอดคล้องกับสภาพทางเศรษฐกิจปัจจุบัน จึงเห็นสมควรให้แก้ไขเพิ่มเติม
พระราชกฤษฎีกากำหนดกิจการอันพึงเป็นงานธนาคารฯ ออกตามความในพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสง
เคราะห์ พ.ศ. 2496 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 317 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515
รวมทั้งออกกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้ธนาคารฯ สามารถซื้อและขายลูกหนี้เงินกู้ที่อยู่อาศัยและให้สามารถ
ทำธุรกรรมตลาดรองเงินกู้ที่อยู่อาศัยได้เพื่อให้ธนาคารฯ สามารถนำไปปฏิบัติได้โดยเร็วในระหว่างที่การ
ขอแก้ไขพระราชบัญญัติธนาคารฯ ยังไม่แล้วเสร็จและยังไม่มีผลบังคับใช้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 20 กรกฎาคม 2541--