คณะรัฐมนตรีรับทราบสรุปผลการดำเนินงานโครงการนำร่องเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนของ
เกษตรกรรายย่อย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอดังนี้
1. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ออกระเบียบว่าด้วยเงินอุดหนุนโครงการนำร่องเพื่อพัฒนา
เกษตรกรรมยั่งยืนของเกษตรรายย่อย พ.ศ. 2543 ประกาศ ณ วันที่ 26 กรกฎาคม 2543 เมื่อดำเนินการ
ไปได้ระยะหนึ่งเกิดปัญหา เนื่องจากระเบียบบางข้อไม่สามารถปฏิบัติได้ จึงได้ปรับแก้เป็นระเบียบกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยเงินอุดหนุนโครงการนำร่องเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนของเกษตรกรรายย่อย
พ.ศ. 2546 ประกาศ ณ วันที่ 25 เมษายน 2546
2. องค์กรบริหารจัดการโครงการ
2.1 สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งคณะกรรมการบริหารโครงการนำร่องฯ โดย
มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารโครงการนำร่องฯ
ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ ช่วยปฏิบัติงาน 3 ชุด ดังนี้ คณะอนุกรรมการติดตามควบคุมการใช้จ่ายเงินและ
การปฏิบัติงานโครงการนำร่องฯ คณะอนุกรรมการติดตามแผนการดำเนินงานโครงการนำร่องฯ คณะอนุกรรมการ
ดูแลและติดตามการจ้างที่ปรึกษาประเมินผล
2.2 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน
เกี่ยวกับการดำเนินงานการเงินและการบัญชีของโครงการนำร่องฯ โดยหัวหน้าหน่วยงานตรวจสอบภายใน
สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวหน้าคณะ
3. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ขอความเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการ
จากระยะเวลาเดิมปีงบประมาณ 2544 — 2546 ออกไปจนถึงเดือนกันยายน 2547 ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2546
4. ผลการใช้จ่ายเงินโครงการนำร่องฯ ตั้งแต่ปี 2544 — 2547 ดังนี้
แผนการ ปริมาณงาน(แผน) งบประมาณโครงการ (บาท) การใช้จ่ายงบประมาณ (บาท) คงเหลือคืนคลัง (บาท)
ดำเนินงาน อนุมัติแผน การเบิกจ่าย
ปี 2544 20 200,000,000 200,000,000 191,818,563.37 8,181,436.63
ปี 2545 20 200,000,000 200,000,000 191,289,776.00 8,710,224.00
ปี 2546 — 2547 20 233,000,000 230,100,728 160,277,227.11 69,823,500.89
2,899,272.00 *
รวม 633,000,000 630,100,728 543,385,566.48 89,614,433.52
หมายเหตุ : * คงเหลือจากการอนุมัติแผนการปฏิบัติงานปี 2546 ไม่เต็มวงเงิน
5. สรุปผลการดำเนินงานโครงการนำร่องฯ จากรายงานการติดตามประเมินผลหลังสิ้นสุดโครงการ
(คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , 2547) พิจารณาจากการเปลี่ยนของเกษตรกรในด้าน
ต่าง ๆ ทั้งการปรับเปลี่ยนแนวคิด การปรับเปลี่ยนแบบแผนการผลิต และการบริหารจัดการกลุ่มองค์กรแล้ว ดังนี้
5.1 ประสบความสำเร็จระดับสูง ถึงแม้จะยังพัฒนาไปไม่ถึงเป้าหมายระบบเกษตรกรรม
ที่ยั่งยืน แต่ก็มีศักยภาพ และแนวโน้มที่จะทำให้เกิดความยั่งยืนได้จากการสนับสนุนของกลุ่มองค์กรเครือข่ายเกษตรกร
เอง มีตัวอย่างความสำเร็จที่เป็นศูนย์การเรียนรู้ได้ และการมีกองทุนสนับสนุนการพัฒนาเกษตรกรรมที่เป็นของ
เกษตรกรเอง
5.2 เกษตรกรพึ่งตนเองได้และบริหารจัดการได้แล้ว โดยเฉพาะการพึ่งตนเองใน
เรื่องอาหารหลัก เช่น ข้าว ผัก ปลา และพืชสมุนไพร แต่รายได้ยังพึ่งตนเองไม่ได้ต้องเพิ่มกิจกรรมการแปรรูป
และการตลาดเพื่อเพิ่มมูลค่าของผลผลิต ฯลฯ ทั้งนี้ การบริหารจัดการทำได้ในระดับกลุ่มองค์กรเล็กๆ
อนึ่ง ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะเพื่อขยายผลความสำเร็จของโครงการออกไปในวงกว้าง ได้แก่
1) ส่วนของเกษตรกร ยังคงต้องสร้างกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการพัฒนาระบบ
การเกษตรกรรมยั่งยืน และการพัฒนากลุ่ม / องค์การ / เครือข่ายให้เข้มแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหาร
จัดการกองทุนให้เกิดความมั่นคง เกิดประโยชน์แก่เกษตรกร และองค์กรของเกษตรกรให้มากที่สุด
2) ส่วนมูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน ควรมีการสรุปบทเรียน และทำการขยายผลโครงการนำร่องฯ ไปสู่ภาคปฏิบัติในวงกว้าง เพราะมีบทเรียนที่สำคัญและมีคุณค่าควรแก่การขยายผล หลังจากนี้แล้ว การทำงานควรจะ เน้นงานด้านการสนับสนุนเกษตรกร และองค์กรชาวบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการบริหารจัดการกองทุนในระบบ ภูมินิเวศน์ การพัฒนากองทุนในระดับเครือข่ายระหว่างภูมินิเวศน์
3) ส่วนของรัฐ ควรเน้นงานด้านการส่งเสริม เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้
เกษตรกรมีความสนใจในระบบเกษตรกรรมยั่งยืน รวมทั้ง สร้างระบบการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
6. การจัดการทรัพย์สิน หลังสิ้นสุดโครงการนำร่องฯ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ตรวจสอบ
ข้อกฎหมายแล้ว เนื่องจากไม่มีข้อกำหนดใดหรือเงื่อนไขให้มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย) ต้องจ่ายเงิน
ที่ได้ใช้จ่ายไปในการดำเนินงานคืนให้ทางราชการ หรือให้ทรัพย์สินได้มาจากการดำเนินงานโครงการฯ ต้องตก
เป็นทรัพย์สินของทางราชการด้วย ประกอบกับระเบียบมูลนิธิฯ ว่าด้วยโครงการนำร่อง ข้อ 41 กำหนด
“เมื่อสิ้นสุดโครงการนำร่อง ให้วัสดุครุภัณฑ์ ที่ใช้สำหรับสำนักงานและได้ซื้อจากการดำเนินงานโครงการให้ตก
เป็นของมูลนิธิฯ” การบริหารจัดการทรัพย์สินของโครงการนำร่องฯ จึงเป็นอำนาจของมูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน
(ประเทศไทย)
7. จากการประสานภายใน ขณะนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินอยู่ระหว่างตรวจสอบหลักฐานการ
เบิกจ่ายเงินโครงการฯ ปี 2546 ทั้งนี้ ได้ตรวจสอบ ปี 2544 — 2545 เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีข้อคิดเห็น
เสนอกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นระยะๆ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 8 มีนาคม 2548--จบ--
เกษตรกรรายย่อย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอดังนี้
1. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ออกระเบียบว่าด้วยเงินอุดหนุนโครงการนำร่องเพื่อพัฒนา
เกษตรกรรมยั่งยืนของเกษตรรายย่อย พ.ศ. 2543 ประกาศ ณ วันที่ 26 กรกฎาคม 2543 เมื่อดำเนินการ
ไปได้ระยะหนึ่งเกิดปัญหา เนื่องจากระเบียบบางข้อไม่สามารถปฏิบัติได้ จึงได้ปรับแก้เป็นระเบียบกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยเงินอุดหนุนโครงการนำร่องเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนของเกษตรกรรายย่อย
พ.ศ. 2546 ประกาศ ณ วันที่ 25 เมษายน 2546
2. องค์กรบริหารจัดการโครงการ
2.1 สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งคณะกรรมการบริหารโครงการนำร่องฯ โดย
มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารโครงการนำร่องฯ
ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ ช่วยปฏิบัติงาน 3 ชุด ดังนี้ คณะอนุกรรมการติดตามควบคุมการใช้จ่ายเงินและ
การปฏิบัติงานโครงการนำร่องฯ คณะอนุกรรมการติดตามแผนการดำเนินงานโครงการนำร่องฯ คณะอนุกรรมการ
ดูแลและติดตามการจ้างที่ปรึกษาประเมินผล
2.2 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน
เกี่ยวกับการดำเนินงานการเงินและการบัญชีของโครงการนำร่องฯ โดยหัวหน้าหน่วยงานตรวจสอบภายใน
สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวหน้าคณะ
3. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ขอความเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการ
จากระยะเวลาเดิมปีงบประมาณ 2544 — 2546 ออกไปจนถึงเดือนกันยายน 2547 ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2546
4. ผลการใช้จ่ายเงินโครงการนำร่องฯ ตั้งแต่ปี 2544 — 2547 ดังนี้
แผนการ ปริมาณงาน(แผน) งบประมาณโครงการ (บาท) การใช้จ่ายงบประมาณ (บาท) คงเหลือคืนคลัง (บาท)
ดำเนินงาน อนุมัติแผน การเบิกจ่าย
ปี 2544 20 200,000,000 200,000,000 191,818,563.37 8,181,436.63
ปี 2545 20 200,000,000 200,000,000 191,289,776.00 8,710,224.00
ปี 2546 — 2547 20 233,000,000 230,100,728 160,277,227.11 69,823,500.89
2,899,272.00 *
รวม 633,000,000 630,100,728 543,385,566.48 89,614,433.52
หมายเหตุ : * คงเหลือจากการอนุมัติแผนการปฏิบัติงานปี 2546 ไม่เต็มวงเงิน
5. สรุปผลการดำเนินงานโครงการนำร่องฯ จากรายงานการติดตามประเมินผลหลังสิ้นสุดโครงการ
(คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , 2547) พิจารณาจากการเปลี่ยนของเกษตรกรในด้าน
ต่าง ๆ ทั้งการปรับเปลี่ยนแนวคิด การปรับเปลี่ยนแบบแผนการผลิต และการบริหารจัดการกลุ่มองค์กรแล้ว ดังนี้
5.1 ประสบความสำเร็จระดับสูง ถึงแม้จะยังพัฒนาไปไม่ถึงเป้าหมายระบบเกษตรกรรม
ที่ยั่งยืน แต่ก็มีศักยภาพ และแนวโน้มที่จะทำให้เกิดความยั่งยืนได้จากการสนับสนุนของกลุ่มองค์กรเครือข่ายเกษตรกร
เอง มีตัวอย่างความสำเร็จที่เป็นศูนย์การเรียนรู้ได้ และการมีกองทุนสนับสนุนการพัฒนาเกษตรกรรมที่เป็นของ
เกษตรกรเอง
5.2 เกษตรกรพึ่งตนเองได้และบริหารจัดการได้แล้ว โดยเฉพาะการพึ่งตนเองใน
เรื่องอาหารหลัก เช่น ข้าว ผัก ปลา และพืชสมุนไพร แต่รายได้ยังพึ่งตนเองไม่ได้ต้องเพิ่มกิจกรรมการแปรรูป
และการตลาดเพื่อเพิ่มมูลค่าของผลผลิต ฯลฯ ทั้งนี้ การบริหารจัดการทำได้ในระดับกลุ่มองค์กรเล็กๆ
อนึ่ง ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะเพื่อขยายผลความสำเร็จของโครงการออกไปในวงกว้าง ได้แก่
1) ส่วนของเกษตรกร ยังคงต้องสร้างกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการพัฒนาระบบ
การเกษตรกรรมยั่งยืน และการพัฒนากลุ่ม / องค์การ / เครือข่ายให้เข้มแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหาร
จัดการกองทุนให้เกิดความมั่นคง เกิดประโยชน์แก่เกษตรกร และองค์กรของเกษตรกรให้มากที่สุด
2) ส่วนมูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน ควรมีการสรุปบทเรียน และทำการขยายผลโครงการนำร่องฯ ไปสู่ภาคปฏิบัติในวงกว้าง เพราะมีบทเรียนที่สำคัญและมีคุณค่าควรแก่การขยายผล หลังจากนี้แล้ว การทำงานควรจะ เน้นงานด้านการสนับสนุนเกษตรกร และองค์กรชาวบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการบริหารจัดการกองทุนในระบบ ภูมินิเวศน์ การพัฒนากองทุนในระดับเครือข่ายระหว่างภูมินิเวศน์
3) ส่วนของรัฐ ควรเน้นงานด้านการส่งเสริม เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้
เกษตรกรมีความสนใจในระบบเกษตรกรรมยั่งยืน รวมทั้ง สร้างระบบการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
6. การจัดการทรัพย์สิน หลังสิ้นสุดโครงการนำร่องฯ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ตรวจสอบ
ข้อกฎหมายแล้ว เนื่องจากไม่มีข้อกำหนดใดหรือเงื่อนไขให้มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย) ต้องจ่ายเงิน
ที่ได้ใช้จ่ายไปในการดำเนินงานคืนให้ทางราชการ หรือให้ทรัพย์สินได้มาจากการดำเนินงานโครงการฯ ต้องตก
เป็นทรัพย์สินของทางราชการด้วย ประกอบกับระเบียบมูลนิธิฯ ว่าด้วยโครงการนำร่อง ข้อ 41 กำหนด
“เมื่อสิ้นสุดโครงการนำร่อง ให้วัสดุครุภัณฑ์ ที่ใช้สำหรับสำนักงานและได้ซื้อจากการดำเนินงานโครงการให้ตก
เป็นของมูลนิธิฯ” การบริหารจัดการทรัพย์สินของโครงการนำร่องฯ จึงเป็นอำนาจของมูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน
(ประเทศไทย)
7. จากการประสานภายใน ขณะนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินอยู่ระหว่างตรวจสอบหลักฐานการ
เบิกจ่ายเงินโครงการฯ ปี 2546 ทั้งนี้ ได้ตรวจสอบ ปี 2544 — 2545 เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีข้อคิดเห็น
เสนอกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นระยะๆ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 8 มีนาคม 2548--จบ--