1. เห็นชอบให้มีการเปิด “จุดผ่อนปรนการค้าพิเศษด่านสิงขร” ตามข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทยและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ควบคู่ไปกับการรอการรับรองผลการสำรวจภูมิประเทศร่วมของคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย - เมียนมา
2. ให้กระทรวงมหาดไทยและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนำข้อคิดเห็นของที่ประชุมมติคณะอนุกรรมการพิจารณาการเปิดจุดผ่านแดนตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2558 เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2558 ไปพิจารณาดำเนินการเพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อเขตแดนและปัญหาด้านความมั่นคงต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
มท. รายงานว่า
1. ปัจจุบันจุดผ่อนปรนทางการค้าด่านสิงขรมีการพัฒนาความพร้อมในด้านต่าง ๆ และการเจริญเติบโตของการค้าชายแดน รวมทั้งได้รับความสนใจจากภาคธุรกิจทั้งชาวไทยและชาวเมียนมาในการพัฒนาการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ประกอบกับให้มีการลงนามสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องของจังหวัดมะริดและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ร่วมกันอย่างเป็นทางการแล้ว แต่การเดินทางเข้าออกยังคงจำกัดอยู่เพียงแค่ที่ตั้งด่านเท่านั้น
2. ที่ตั้งของด่านสิงขรมีศักยภาพในการเชื่อมโยงทางการค้า การท่องเที่ยว และการคมนาคมขนส่งระหว่างกัน รวมทั้งสภาพโครงสร้างพื้นฐานและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมีความพร้อมที่จะรองรับการดำเนินงานดังกล่าว อีกทั้งไม่มีประเด็นปัญหาด้านความมั่นคงที่รุนแรง ซึ่งทางจังหวัดได้มีการประชุมวางมาตรการในการควบคุมดูแลไว้ด้วยแล้ว การชะลอการใช้ช่องทางด่านสิงขรจะทำให้ฝ่ายไทยสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างมากดังนั้น ควรหาแนวทางที่สามารถดำเนินการได้เพื่อให้สามารถใช้ช่องทางดังกล่าวในการเดินทางควบคู่ไปกับการรอการรับรองผลการสำรวจภูมิประเทศร่วมของคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย –เมียนมา
3. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ประชุมหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่เพื่อพิจารณาแนวทางที่สามารถส่งเสริมและพัฒนาการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ระหว่างกัน โดยเห็นว่าควรเปิดเป็น “จุดผ่อนปรนการค้าพิเศษด่านสิงขร” โดยมีการดำเนินการเพิ่มเติมใน 3 ประเด็น คือ 1) พื้นที่อนุญาตในการเดินทางให้สามารถเดินทางได้ถึงอำเภอเมืองประจวบฯ 2) เอกสารที่ใช้ในการเดินทาง คือ หนังสือเดินทาง (Passport) บัตรผ่านแดน (Border Pass) และบัตรผ่านแดนชั่วคราว (Temporary Border Pass) และ 3) ระยะเวลาให้พำนักได้ 1 คืน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 มีนาคม 2558--