ทำเนียบรัฐบาล--28 ก.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2542 เรื่อง มาตรการปรับลดอัตรา
การเลื่อนขั้นเงินเดือนและค่าจ้างของรัฐวิสาหกิจประจำปี 2543 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
2.1 ให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่งปรับลดอัตราการเลื่อนขั้นเงิน 2.6 ให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่งดำเนินการจัดแบ่งโครงสร้างเงินเดือน
เดือนและค่าจ้างของรัฐวิสาหกิจประจำปี 2543 (จากผล ให้มีครึ่งขั้น พร้อมทั้งจัดให้มีข้อบังคับคำสั่ง ในการเเลื่อนขั้นเงิน
งานปี 2542) ลดลงจากหลักเกฑณ์เดิมร้อยละ 1 เดือนให้สอดคล้องกัน หรือกำหนดการเลื่อนขั้นเงินเดือนเป็น
2.2 สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ดี รัฐวิสาหกิจที่ประเมินผลตาม อัตราร้อยละของจำนวนเงินเดือนโดยไม่มีขั้นวิ่ง
เกณฑ์เฉลี่ยของธุรกิจและรัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ 2.8 กรณีที่มีปัญหา ซึ่งไม่อาจปฏิบัติตามมมติคณะรัฐมนตรีได้
ต้องปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้บังคับ เช่นวงเงินที่ได้รับตามมติคณะรัฐมนตรีไม่เพียงพอที่จะให้
กับรัฐวิสาหกิจทั่วไป เนื่องจากรัฐวิสาหกิจที่กำหนดโครง พนักงานผู้มีสิทธิได้รับการเลื่อนขั้นตามระเบียบ หรือข้อบังคับ
สร้างเงินเดือนได้เอง และมีโครงสร้างอัตราเงินเดือนที่ค่อน ของรัฐวิสาหกิจนั้น ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้วินิจฉัย แต่ทั้งนี้วง
ข้างสูง จึงเห็นสมควรกำหนดอัตราการเลื่อนขั้นเงินเดือนไม่ เงินเลื่อนขั้นเงินเดือนที่ผ่อนผันให้ต้องไม่เกินสิทธิปกติที่ได้รับ
เกินร้อยละ 6.5 (ถ้าการดำเนินงานมีผลกำไร) หรือไม่เกินร้อย ก่อนมีการปรับลดเงินเดือนตามมติคณะรัฐมนตรีข้างต้น
ละ 5.5 (ถ้าผลการดำเนินงานขาดทุน)
2.4 สำหรับรัฐวิสาหกิจที่มีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดอัตราเพิ่ม
สำหรับการเลื่อนขั้นเงินเดือนค่าจ้างประจำปีไว้เป็นการ
เฉพาะ อันได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขน
ส่งมวลชนกรุงเทพ ก็ให้รัฐวิสาหกิจดังกล่าวใช้อัตราเลื่อนขั้น
เงินเดือนได้ร้อยละ 4 ของจำนวนเงินเดือนและผู้มีสิทธิเลื่อน
ขั้นประจำปี (โดยให้ถือเป็นเกณฑ์ปกติตามระบบประเมินผล
การดำเนินงาน) ตามมติคณะรัฐมนตรีเดิมต่อไป
2.6 ให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่งดำเนินการจัดแบ่งโครงสร้างเงิน
เดือนให้มีครึ่งขั้น เพื่อมิให้มีปัญหาวงเงินเลื่อนขั้นเงินเดือน
ไม่เพียงพอ และเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามมาตรการข้อ
2.1 2.2 และ 2.4 ด้วย
2.8 กรณีที่มีปัญหาในทางปฏิบัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้มี
อำนาจวินิจฉัยชี้ขาด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 28 กันยายน 2542--
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2542 เรื่อง มาตรการปรับลดอัตรา
การเลื่อนขั้นเงินเดือนและค่าจ้างของรัฐวิสาหกิจประจำปี 2543 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
2.1 ให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่งปรับลดอัตราการเลื่อนขั้นเงิน 2.6 ให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่งดำเนินการจัดแบ่งโครงสร้างเงินเดือน
เดือนและค่าจ้างของรัฐวิสาหกิจประจำปี 2543 (จากผล ให้มีครึ่งขั้น พร้อมทั้งจัดให้มีข้อบังคับคำสั่ง ในการเเลื่อนขั้นเงิน
งานปี 2542) ลดลงจากหลักเกฑณ์เดิมร้อยละ 1 เดือนให้สอดคล้องกัน หรือกำหนดการเลื่อนขั้นเงินเดือนเป็น
2.2 สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ดี รัฐวิสาหกิจที่ประเมินผลตาม อัตราร้อยละของจำนวนเงินเดือนโดยไม่มีขั้นวิ่ง
เกณฑ์เฉลี่ยของธุรกิจและรัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ 2.8 กรณีที่มีปัญหา ซึ่งไม่อาจปฏิบัติตามมมติคณะรัฐมนตรีได้
ต้องปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้บังคับ เช่นวงเงินที่ได้รับตามมติคณะรัฐมนตรีไม่เพียงพอที่จะให้
กับรัฐวิสาหกิจทั่วไป เนื่องจากรัฐวิสาหกิจที่กำหนดโครง พนักงานผู้มีสิทธิได้รับการเลื่อนขั้นตามระเบียบ หรือข้อบังคับ
สร้างเงินเดือนได้เอง และมีโครงสร้างอัตราเงินเดือนที่ค่อน ของรัฐวิสาหกิจนั้น ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้วินิจฉัย แต่ทั้งนี้วง
ข้างสูง จึงเห็นสมควรกำหนดอัตราการเลื่อนขั้นเงินเดือนไม่ เงินเลื่อนขั้นเงินเดือนที่ผ่อนผันให้ต้องไม่เกินสิทธิปกติที่ได้รับ
เกินร้อยละ 6.5 (ถ้าการดำเนินงานมีผลกำไร) หรือไม่เกินร้อย ก่อนมีการปรับลดเงินเดือนตามมติคณะรัฐมนตรีข้างต้น
ละ 5.5 (ถ้าผลการดำเนินงานขาดทุน)
2.4 สำหรับรัฐวิสาหกิจที่มีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดอัตราเพิ่ม
สำหรับการเลื่อนขั้นเงินเดือนค่าจ้างประจำปีไว้เป็นการ
เฉพาะ อันได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขน
ส่งมวลชนกรุงเทพ ก็ให้รัฐวิสาหกิจดังกล่าวใช้อัตราเลื่อนขั้น
เงินเดือนได้ร้อยละ 4 ของจำนวนเงินเดือนและผู้มีสิทธิเลื่อน
ขั้นประจำปี (โดยให้ถือเป็นเกณฑ์ปกติตามระบบประเมินผล
การดำเนินงาน) ตามมติคณะรัฐมนตรีเดิมต่อไป
2.6 ให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่งดำเนินการจัดแบ่งโครงสร้างเงิน
เดือนให้มีครึ่งขั้น เพื่อมิให้มีปัญหาวงเงินเลื่อนขั้นเงินเดือน
ไม่เพียงพอ และเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามมาตรการข้อ
2.1 2.2 และ 2.4 ด้วย
2.8 กรณีที่มีปัญหาในทางปฏิบัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้มี
อำนาจวินิจฉัยชี้ขาด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 28 กันยายน 2542--