คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการปรับโครงสร้างและพัฒนาการผลิตสินค้าประมง จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกุ้งทะเลอย่างครบวงจรโครงการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งผลิตหอยแครง และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะเลี้ยงปลานิลแบบครบวงจร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
กษ. รายงานว่า เนื่องจากสถานการณ์การผลิตสินค้าประมงที่สำคัญ 3 ชนิด ได้แก่ กุ้งทะเล หอยแครงและปลานิล เป็นสินค้าที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและมีความสำคัญเชื่อมโยงกับภาคส่วนการผลิต การแปรรูป การบริโภคและการส่งออกตลอดห่วงโซ่การผลิตในอัตราส่วนที่สูง โดยในสภาวะปัจจุบันนี้สินค้ากุ้งทะเลของไทยประสบปัญหาเรื่องผลผลิตลดลงจากการเกิดโรคระบาดและตายจากอาการตายด่วนทำให้ประเทศไทยกำลังสูญเสียตลาดและรายได้ไปเป็นอย่างมาก จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการจัดทำโครงการเพื่อให้เกษตรกรเห็นความสำคัญของการปรับโครงสร้างการผลิตโดยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกุ้งทะเลอย่างครบวงจรในทุกพื้นที่เลี้ยง ส่วนหอยแครงมีผลผลิตที่ลดลงเนื่องจากการเสื่อมโทรมของพื้นที่และวิธีการเลี้ยงจากเกษตรกรไม่ถูกวิธีทำให้ผลผลิตที่ได้ยังไม่เต็มศักยภาพรวมทั้งเรื่องการขาดแคลนพ่อแม่พันธุ์และความสะอาดเป็นไปตามหลักสุขอนามัยในการเลี้ยงหอยแครงของเกษตรกรจำเป็นต้องมีการได้คำแนะนำและสร้างแหล่งพันธุ์ (Seedbed) ไว้ใช้ เพื่อความยั่งยืนของการเลี้ยงต่อไป ส่วนกรณีสินค้าปลานิล เป็นปลาน้ำจืดที่มีการบริโภคกันอย่างกว้างขวางทั่วทุกภูมิภาค รวมทั้งยังสามารถส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศได้ในลักษณะเนื้อแล่เป็นชิ้น (Fillet) ซึ่งตลาดต่างประเทศยังคงมีความต้องการอยู่มาก จึงเป็นแนวโน้มที่ดีที่จะมีการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะผลิตปลานิลอย่างครบวงจร เพื่อเพิ่มรายได้แก่เกษตรกร ลดปัญหาคุณภาพและต้นทุนในการเลี้ยง รวมทั้งการหาตลาดใหม่ ๆ ให้แก่เกษตรกรต่อไป ซึ่งทั้ง 3 โครงการนี้จะต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในการปรับโครงสร้างและพัฒนาการผลิตของทั้ง 3 สินค้า เพื่อให้เกิดการผลิตในพื้นที่ที่เป็นแหล่งขนาดใหญ่ที่เกิดจากการรวมกลุ่มของเกษตรกรจำนวนหลายรายและจะต้องมีผู้จัดการโครงการที่หน่วยงานจะต้องมอบหมายจากเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญเข้ามาจัดการในเรื่องการวางแผนการผลิต การลดต้นทุน การเพิ่มมูลค่าสินค้าและจัดทำแนวทางการตลาดที่แน่นอนให้แก่เกษตรเพื่อให้เกิดการผลิตที่มีปัญหาเรื่องราคาสินค้าให้น้อยที่สุด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 31 มีนาคม 2558--