คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมสรุปรายงานผลการสำรวจประเมินสถานการณ์ยาเสพติด ครั้งที่ 7 (1 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2547) ดังนี้
ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ศตส.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้ดำเนินการสำรวจประเมินสถานการณ์ยาเสพติด ครั้งที่ 7 (1 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2547) โดยการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชนทั่วประเทศ เพื่อประเมินสถานการณ์ยาเสพติดในภาพรวมและระดับพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งประเมินระดับความพึงพอใจของประชาชนต่อผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล เก็บรวบรวมข้อมูลผ่านกลไกของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรุงเทพมหานคร ในระหว่างวันที่ 21 กุมภาพันธ์-18 มีนาคม 2548 ได้รับแบบสำรวจตอบกลับ จำนวน 18,859 คน (ร้อยละ 69.2) สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. สถานการณ์ยาเสพติดในภาพรวมของประเทศ ประชาชนมีความเห็นว่าเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากระดับเบาบางในการสำรวจฯ ครั้งที่ 6 มาอยู่ในระดับปานกลางในการสำรวจฯ ครั้งที่ 7
2. สถานการณ์ยาเสพติดรายด้าน
2.1 ด้านกลุ่มผู้ผลิต/ผู้ค้ายาเสพติด (Supply) ประชาชนมีความเห็นว่าสถานการณ์ยาเสพติดด้านกลุ่มผู้ผลิต/ผู้ค้ายาเสพติดยังคงอยู่ในระดับเบาบาง แต่เริ่มมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจฯ ครั้งที่ 6 โดยเฉพาะจำนวนผู้ค้ายาเสพติด เจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ประชาชน ยังระบุว่าสามารถหาซื้อยาเสพติดได้เพิ่มสูงขึ้น และราคายาบ้าเริ่มลดลงโดยเฉลี่ยเหลือเม็ดละ 204.9 บาท
2.2 ด้านกลุ่มผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด (Demand) ประชาชนมีความเห็นว่าสถานการณ์ยาเสพติดด้านกลุ่มผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากระดับเบาบางในการสำรวจฯ ครั้งที่ 6 มาอยู่ในระดับปานกลางในการสำรวจฯ ครั้งที่ 7 และเมื่อพิจารณาเป็นรายตัวยา ประชาชนระบุว่าพบจำนวนผู้เสพยาบ้า กัญชา สารระเหย และเฮโรอีนเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจฯ ครั้งที่ 6 สำหรับการดำเนินงานกับกลุ่มผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดยังคงมีการดูแลแก้ไขฟื้นฟูพัฒนาอาชีพและรายได้ รวมทั้งการปรับเปลี่ยนเจตคติของสังคม/ชุมชนต่อผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดที่ผ่านการบำบัดฟื้นฟูและรักษาแล้วอย่างต่อเนื่อง
2.3 ด้านกลุ่มผู้มีโอกาสเข้าไปใช้ยาเสพติด (Potential Demand) ประชาชนมีความเห็นว่า สถานการณ์ยาเสพติดด้านกลุ่มผู้มีโอกาสเข้าไปใช้ยาเสพติดยังคงอยู่ในระดับปานกลางและสถานการณ์ค่อนข้างคงที่เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจฯ ครั้งที่ 6 นอกจากนี้ประชาชนยังระบุว่าแหล่งมั่วสุม/แพร่ระบาดยาเสพติดมีแนวโน้มลดลงมาก กลไกเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชนมีประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดได้ภายใน 15 วัน ประชาชนในพื้นที่มีความรู้ ความเข้าใจและเจตจำนงที่จะเข้าร่วมเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดถึงร้อยละ 95.1 และประชาชนถึงร้อยละ 94.5 ระบุว่าโครงการทูบีนัมเบอร์วันมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหายาเสพติด
3. ความพึงพอใจของประชาชนต่อผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล (Satisfaction) ในภาพรวมอยู่ที่ร้อยละ 84.5 ซึ่งใกล้เคียงกับผลการสำรวจฯ ครั้งที่ 6 (ร้อยละ 84.9)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 24 พฤษภาคม 2548--จบ--
ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ศตส.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้ดำเนินการสำรวจประเมินสถานการณ์ยาเสพติด ครั้งที่ 7 (1 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2547) โดยการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชนทั่วประเทศ เพื่อประเมินสถานการณ์ยาเสพติดในภาพรวมและระดับพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งประเมินระดับความพึงพอใจของประชาชนต่อผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล เก็บรวบรวมข้อมูลผ่านกลไกของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรุงเทพมหานคร ในระหว่างวันที่ 21 กุมภาพันธ์-18 มีนาคม 2548 ได้รับแบบสำรวจตอบกลับ จำนวน 18,859 คน (ร้อยละ 69.2) สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. สถานการณ์ยาเสพติดในภาพรวมของประเทศ ประชาชนมีความเห็นว่าเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากระดับเบาบางในการสำรวจฯ ครั้งที่ 6 มาอยู่ในระดับปานกลางในการสำรวจฯ ครั้งที่ 7
2. สถานการณ์ยาเสพติดรายด้าน
2.1 ด้านกลุ่มผู้ผลิต/ผู้ค้ายาเสพติด (Supply) ประชาชนมีความเห็นว่าสถานการณ์ยาเสพติดด้านกลุ่มผู้ผลิต/ผู้ค้ายาเสพติดยังคงอยู่ในระดับเบาบาง แต่เริ่มมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจฯ ครั้งที่ 6 โดยเฉพาะจำนวนผู้ค้ายาเสพติด เจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ประชาชน ยังระบุว่าสามารถหาซื้อยาเสพติดได้เพิ่มสูงขึ้น และราคายาบ้าเริ่มลดลงโดยเฉลี่ยเหลือเม็ดละ 204.9 บาท
2.2 ด้านกลุ่มผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด (Demand) ประชาชนมีความเห็นว่าสถานการณ์ยาเสพติดด้านกลุ่มผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากระดับเบาบางในการสำรวจฯ ครั้งที่ 6 มาอยู่ในระดับปานกลางในการสำรวจฯ ครั้งที่ 7 และเมื่อพิจารณาเป็นรายตัวยา ประชาชนระบุว่าพบจำนวนผู้เสพยาบ้า กัญชา สารระเหย และเฮโรอีนเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจฯ ครั้งที่ 6 สำหรับการดำเนินงานกับกลุ่มผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดยังคงมีการดูแลแก้ไขฟื้นฟูพัฒนาอาชีพและรายได้ รวมทั้งการปรับเปลี่ยนเจตคติของสังคม/ชุมชนต่อผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดที่ผ่านการบำบัดฟื้นฟูและรักษาแล้วอย่างต่อเนื่อง
2.3 ด้านกลุ่มผู้มีโอกาสเข้าไปใช้ยาเสพติด (Potential Demand) ประชาชนมีความเห็นว่า สถานการณ์ยาเสพติดด้านกลุ่มผู้มีโอกาสเข้าไปใช้ยาเสพติดยังคงอยู่ในระดับปานกลางและสถานการณ์ค่อนข้างคงที่เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจฯ ครั้งที่ 6 นอกจากนี้ประชาชนยังระบุว่าแหล่งมั่วสุม/แพร่ระบาดยาเสพติดมีแนวโน้มลดลงมาก กลไกเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชนมีประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดได้ภายใน 15 วัน ประชาชนในพื้นที่มีความรู้ ความเข้าใจและเจตจำนงที่จะเข้าร่วมเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดถึงร้อยละ 95.1 และประชาชนถึงร้อยละ 94.5 ระบุว่าโครงการทูบีนัมเบอร์วันมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหายาเสพติด
3. ความพึงพอใจของประชาชนต่อผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล (Satisfaction) ในภาพรวมอยู่ที่ร้อยละ 84.5 ซึ่งใกล้เคียงกับผลการสำรวจฯ ครั้งที่ 6 (ร้อยละ 84.9)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 24 พฤษภาคม 2548--จบ--