ทำเนียบรัฐบาล--30 มิ.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยได้รายงานการประเมินผลสำเร็จของดำเนินงานของโครงการแก้ไขปัญหาความยากจน (กข.คจ.) ระยะที่ 1 ปี 2536 - 2540 สรุปได้ดังนี้
1. โครงการแก้ไขปัญหาความยากจน (กข.คจ.) ปี 2536 - 2540 ดำเนินการใน 11,608 หมู่บ้าน เงินทุนยืมประกอบอาชีพให้ครัวเรือนยากจนเป้าหมาย จำนวน 3,250.24 ล้านบาท สำหรับครัวเรือนเป้าหมาย จำนวน 731,633 ครัวเรือน มีครัวเรือนยากจนที่ยืมเงินทุนแล้ว 501,331 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 68.52 รวมเป็นเงิน 4,080,475,456 บาท
2. การยืมเงินทุนเป็นการลงทุนในอาชีพด้านการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ จำนวน 401,267 ครัวเรือน ร้อยละ 80.04 ของครัวเรือนยืมเงิน รวมเป็นเงิน 3,190,778,457 บาท คิดเป็นร้อยละ 78.19 ของเงินยืม โดยอาชีพด้านช่างมีรายได้หลังหักต้นทุนแล้วสูงสุดคิดเป็นร้อยละ 26.87 ของทุนที่ดำเนินการ และเมื่อเฉลี่ยรายได้จากการลงทุนในอาชีพแล้ว พบว่ามีรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ร้อยละ 17.79
3. หมู่บ้านเป้าหมายที่มีครัวเรือนยากจนเป้าหมายทุกครัวเรือนมีรายได้ผ่านเกณฑ์ความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) ที่ 15,000บาท/คน/ปี (ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2541) จำนวน 2,958 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 25.48 ทั้งนี้ โดยใน 8,650 หมู่บ้านที่เหลือพบว่าส่วนใหญ่มีครัวเรือนยากจนเป้าหมายมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 15,000 บาท/คน/ปี มากกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนครัวเรือนยากจนในแต่ละหมู่บ้าน
4. สำหรับผลการประเมินในด้านผลของโครงการ สรุปได้ดังนี้
4.1 การเปลี่ยนแปลงระดับการพัฒนาของหมู่บ้าน
1) หมู่บ้านเร่งรัดพัฒนาอันดับ 1 มีจำนวนลดลง หมู่บ้านเร่งรัดพัฒนาอันดับ 2 และ 3 เพิ่มขึ้น ในการนี้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมากกว่าภาคกลางและภาคใต้
2) เครื่องชี้วัด กชช.2 ค อยู่ในระดับมีปัญหามากส่วนใหญ่มีจำนวนลดลงจากจำนวนหมู่บ้านรที่มีเครื่องชี้วัดกขข.2 ค ระดับเดียวกันในปี 2535 มีเพียงเครื่องชี้วัด 4 ข้อ เท่านั้นที่มีจำนวนหมู่บ้านที่มีระดับปัญหามากในเครื่องชี้วัดดังกล่าวเพิ่มขึ้นได้แก่ การอพยพหางาน สภาพทรัพยากรดิน สัตว์ใช้งาน และน้ำเพื่อการเกษตร
3) เครื่องชี้วัดที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี กล่าวคือ มีสัดส่วนของหมู่บ้านที่มีปัญหาเพิ่มขึ้นและสัดส่วนของหมู่บ้านที่มีปัญหาน้อยหรือไม่มีปัญหาลดลงโดยภาพรวมของทั้งประเทศ ได้แก่ เครื่องชี้วัดเรื่อง การอพยพหางานทำ และน้ำเพื่อการเกษตร
4.2 การเปลี่ยนแปลงระดับคุณภาพชีวิตในภาพรวมของหมู่บ้านเป้าหมาย โดยภาพรวมแล้ว คุณภาพชีวิตของประชาชนในหมู่บ้านเป้าหมายในหมวดการศึกษาอนามัยถ้วนทั่วดีขึ้น ทั้งในภาพของประเทศและรายภาค ในส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี ได้แก่ การดูแลตนเอง ครอบครัว และชุมชน โดยเฉพาะคุณภาพชีวิตเกี่ยวกับการเสพย์สุรา บุหรี่ การระมัดระวังตนจากอุบัติเหตุ การใช้สิทธิเลือกตั้ง
4.3 การเปลี่ยนแปลงระดับคุณภาพชีวิตของครัวเรือนยากจน ครัวเรือนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการประกอบอาชีพและรายได้ ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์และรู้จักวิธีป้องกันโรคเอดส์ ครัวเรือนมีการใช้ส้วมถูกหลักสุขาภิบาล คนในครัวเรือนกินอาหารที่มีเครื่องหมาย อ.ย. คนในครัวเรือนได้รับข่าวสารที่เป็นประโยชน์ ครัวเรือนมีน้ำสะอาดดื่มเพียงพอตลอดปี คนในครัวเรือนกินอาหารพวกเนื้อสัตว์ที่สุกแล้ว คนในครัวเรือนมีการจัดบ้านเรือนและบริเวณบ้านเป็นระเบียบ เด็กที่จบการศึกษาภาคบังคับที่ไม่ได้เรียนต่อได้รับการฝึกอบรมอาชีพ นอกจากนั้นครัวเรือนยากจนมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ที่จำเป็นในการดำรงชีวิตมากขึ้น อีกทั้งยังมีบทบาทในการเข้าร่วมพัฒนาในกิจกรรมของหมู่บ้านอีกด้วย อีกทั้งครัวเรือนยากจนเป้าหมายมีรายได้เพิ่มขึ้นผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในปีนั้น ๆ (5,000 บาทในปีที่ 1 9,000 บาทในปีที่ 2 12,000 บาทในปีที่ 3 และ 15,000 บาทในปีที่ 4)
4.4 ความคิดเห็นและความพึงพอใจของประชาชน
1) โครงการ กข.คจ. แตกต่างไปจากโครงการอื่นและมีลักษณะพิเศษที่มุ่งช่วยเหลือคนยากจน และเป็นการกระจายอำนาจการบริหารโครงการ และงบประมาณให้แก่คณะกรรมการหมู่บ้านอย่างแท้
2) โครงการ กข.คจ. เป็นการเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ครัวเรือนยากจนที่เดิมขาดแคลนแหล่งทุน และไม่สามารถดำเนินการได้ หากไม่ได้รับเงินทุนจากโครงการ กข.คจ.
3) การยืมเงินจากโครงการ กข.คจ. ดีกว่ายืมจากแหล่งอื่น เพราะไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ประกัน และเป็นเงินของหมู่บ้านไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง
5. ปัญหาและข้อเสนอแนะในการปรับปรุงการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่
5.1 ยังขาดการประสานงานระหว่างหน่วยงานด้านวิชาการความรู้ประกอบอาชีพ การพิจารณาให้เงินยืมไม่ยุติธรรมความไม่ไว้วางใจกันระหว่างครัวเรือนยากจนเป้าหมายกับคณะกรรมการหมู่บ้าน การจ่ายเงินให้ครัวเรือนยากจนผิดวิธี (จ่ายเป็นเงินสด)และครัวเรือนเลือกอาชีพไม่เหมาะสม ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นเพียงส่วนน้อยในบางพื้นที่
5.2 ครัวเรือนยากจนยังไม่มีความรู้เพียงพอที่จะตัดสินใจเลือกอาชีพที่น่าลงทุน เนื่องจากการเตรียมชุมนุมเน้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติในการยืมและคืนเงินมากกว่าชี้ช่องทางเศรษฐกิจให้กับครัวเรือนยากจน จึงเห็นว่าการเตรียมชุมชนควรผนวกความรู้ในการประกอบอาชีพและตัวอย่างของการประกอบอาชีพที่สามารถลงทุนและได้ผลตอบแทนในระยะสั้นด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 30 มิถุนายน 2541--
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยได้รายงานการประเมินผลสำเร็จของดำเนินงานของโครงการแก้ไขปัญหาความยากจน (กข.คจ.) ระยะที่ 1 ปี 2536 - 2540 สรุปได้ดังนี้
1. โครงการแก้ไขปัญหาความยากจน (กข.คจ.) ปี 2536 - 2540 ดำเนินการใน 11,608 หมู่บ้าน เงินทุนยืมประกอบอาชีพให้ครัวเรือนยากจนเป้าหมาย จำนวน 3,250.24 ล้านบาท สำหรับครัวเรือนเป้าหมาย จำนวน 731,633 ครัวเรือน มีครัวเรือนยากจนที่ยืมเงินทุนแล้ว 501,331 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 68.52 รวมเป็นเงิน 4,080,475,456 บาท
2. การยืมเงินทุนเป็นการลงทุนในอาชีพด้านการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ จำนวน 401,267 ครัวเรือน ร้อยละ 80.04 ของครัวเรือนยืมเงิน รวมเป็นเงิน 3,190,778,457 บาท คิดเป็นร้อยละ 78.19 ของเงินยืม โดยอาชีพด้านช่างมีรายได้หลังหักต้นทุนแล้วสูงสุดคิดเป็นร้อยละ 26.87 ของทุนที่ดำเนินการ และเมื่อเฉลี่ยรายได้จากการลงทุนในอาชีพแล้ว พบว่ามีรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ร้อยละ 17.79
3. หมู่บ้านเป้าหมายที่มีครัวเรือนยากจนเป้าหมายทุกครัวเรือนมีรายได้ผ่านเกณฑ์ความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) ที่ 15,000บาท/คน/ปี (ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2541) จำนวน 2,958 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 25.48 ทั้งนี้ โดยใน 8,650 หมู่บ้านที่เหลือพบว่าส่วนใหญ่มีครัวเรือนยากจนเป้าหมายมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 15,000 บาท/คน/ปี มากกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนครัวเรือนยากจนในแต่ละหมู่บ้าน
4. สำหรับผลการประเมินในด้านผลของโครงการ สรุปได้ดังนี้
4.1 การเปลี่ยนแปลงระดับการพัฒนาของหมู่บ้าน
1) หมู่บ้านเร่งรัดพัฒนาอันดับ 1 มีจำนวนลดลง หมู่บ้านเร่งรัดพัฒนาอันดับ 2 และ 3 เพิ่มขึ้น ในการนี้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมากกว่าภาคกลางและภาคใต้
2) เครื่องชี้วัด กชช.2 ค อยู่ในระดับมีปัญหามากส่วนใหญ่มีจำนวนลดลงจากจำนวนหมู่บ้านรที่มีเครื่องชี้วัดกขข.2 ค ระดับเดียวกันในปี 2535 มีเพียงเครื่องชี้วัด 4 ข้อ เท่านั้นที่มีจำนวนหมู่บ้านที่มีระดับปัญหามากในเครื่องชี้วัดดังกล่าวเพิ่มขึ้นได้แก่ การอพยพหางาน สภาพทรัพยากรดิน สัตว์ใช้งาน และน้ำเพื่อการเกษตร
3) เครื่องชี้วัดที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี กล่าวคือ มีสัดส่วนของหมู่บ้านที่มีปัญหาเพิ่มขึ้นและสัดส่วนของหมู่บ้านที่มีปัญหาน้อยหรือไม่มีปัญหาลดลงโดยภาพรวมของทั้งประเทศ ได้แก่ เครื่องชี้วัดเรื่อง การอพยพหางานทำ และน้ำเพื่อการเกษตร
4.2 การเปลี่ยนแปลงระดับคุณภาพชีวิตในภาพรวมของหมู่บ้านเป้าหมาย โดยภาพรวมแล้ว คุณภาพชีวิตของประชาชนในหมู่บ้านเป้าหมายในหมวดการศึกษาอนามัยถ้วนทั่วดีขึ้น ทั้งในภาพของประเทศและรายภาค ในส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี ได้แก่ การดูแลตนเอง ครอบครัว และชุมชน โดยเฉพาะคุณภาพชีวิตเกี่ยวกับการเสพย์สุรา บุหรี่ การระมัดระวังตนจากอุบัติเหตุ การใช้สิทธิเลือกตั้ง
4.3 การเปลี่ยนแปลงระดับคุณภาพชีวิตของครัวเรือนยากจน ครัวเรือนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการประกอบอาชีพและรายได้ ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์และรู้จักวิธีป้องกันโรคเอดส์ ครัวเรือนมีการใช้ส้วมถูกหลักสุขาภิบาล คนในครัวเรือนกินอาหารที่มีเครื่องหมาย อ.ย. คนในครัวเรือนได้รับข่าวสารที่เป็นประโยชน์ ครัวเรือนมีน้ำสะอาดดื่มเพียงพอตลอดปี คนในครัวเรือนกินอาหารพวกเนื้อสัตว์ที่สุกแล้ว คนในครัวเรือนมีการจัดบ้านเรือนและบริเวณบ้านเป็นระเบียบ เด็กที่จบการศึกษาภาคบังคับที่ไม่ได้เรียนต่อได้รับการฝึกอบรมอาชีพ นอกจากนั้นครัวเรือนยากจนมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ที่จำเป็นในการดำรงชีวิตมากขึ้น อีกทั้งยังมีบทบาทในการเข้าร่วมพัฒนาในกิจกรรมของหมู่บ้านอีกด้วย อีกทั้งครัวเรือนยากจนเป้าหมายมีรายได้เพิ่มขึ้นผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในปีนั้น ๆ (5,000 บาทในปีที่ 1 9,000 บาทในปีที่ 2 12,000 บาทในปีที่ 3 และ 15,000 บาทในปีที่ 4)
4.4 ความคิดเห็นและความพึงพอใจของประชาชน
1) โครงการ กข.คจ. แตกต่างไปจากโครงการอื่นและมีลักษณะพิเศษที่มุ่งช่วยเหลือคนยากจน และเป็นการกระจายอำนาจการบริหารโครงการ และงบประมาณให้แก่คณะกรรมการหมู่บ้านอย่างแท้
2) โครงการ กข.คจ. เป็นการเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ครัวเรือนยากจนที่เดิมขาดแคลนแหล่งทุน และไม่สามารถดำเนินการได้ หากไม่ได้รับเงินทุนจากโครงการ กข.คจ.
3) การยืมเงินจากโครงการ กข.คจ. ดีกว่ายืมจากแหล่งอื่น เพราะไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ประกัน และเป็นเงินของหมู่บ้านไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง
5. ปัญหาและข้อเสนอแนะในการปรับปรุงการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่
5.1 ยังขาดการประสานงานระหว่างหน่วยงานด้านวิชาการความรู้ประกอบอาชีพ การพิจารณาให้เงินยืมไม่ยุติธรรมความไม่ไว้วางใจกันระหว่างครัวเรือนยากจนเป้าหมายกับคณะกรรมการหมู่บ้าน การจ่ายเงินให้ครัวเรือนยากจนผิดวิธี (จ่ายเป็นเงินสด)และครัวเรือนเลือกอาชีพไม่เหมาะสม ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นเพียงส่วนน้อยในบางพื้นที่
5.2 ครัวเรือนยากจนยังไม่มีความรู้เพียงพอที่จะตัดสินใจเลือกอาชีพที่น่าลงทุน เนื่องจากการเตรียมชุมนุมเน้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติในการยืมและคืนเงินมากกว่าชี้ช่องทางเศรษฐกิจให้กับครัวเรือนยากจน จึงเห็นว่าการเตรียมชุมชนควรผนวกความรู้ในการประกอบอาชีพและตัวอย่างของการประกอบอาชีพที่สามารถลงทุนและได้ผลตอบแทนในระยะสั้นด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 30 มิถุนายน 2541--