ทำเนียบรัฐบาล--13 พ.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีพิจารณาโครงการประแสร์ จังหวัดระยอง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ซึ่งการก่อสร้างโครงการประแสร์มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำ จะเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงส่งน้ำให้ราษฎรใช้ในการเกษตรกรรมอุปโภค - บริโภค อย่างเพียงพอ และยังได้จัดสรรน้ำบางส่วนเพื่อใช้ในการประปา การท่องเที่ยว และการอุตสาหกรรมด้วย ซึ่งจะมีผลต่อการปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก แล้วมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้เปิดโครงการก่อสร้างโครงการประแสร์ ในปีงบประมาณ 2542 - 2547 งบประมาณโครงการ 4,186.52ล้านบาท
2. อนุมัติแผนปฏิบัติการป้องกันและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการประแสร์ ในปีงบประมาณ 2542 -2551 งบประมาณ 4,830.32 ล้านบาท โดยในปีงบประมาณ 2542 กรมชลประทานได้ขอตั้งงบประมาณเพื่อดำเนินการแล้ว
3. ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสนับสนุนโครงการให้แก่กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในสังกัดและนอกสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในวงเงินงบประมาณของแผนงานก่อสร้างและแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวม 9,016.84 ล้านบาท
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่สนับสนุนให้ดำเนินการ แต่โดยที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันกำลังประสบปัญหาวิกฤติทางการเงินการคลัง ก็สมควรที่จะปรับแผนการขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยพิจารณาตัดทอน ชะลอ หรือยกเลิกงาน/โครงการอื่น ๆ ในความรับผิดชอบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนต่ำ หรือไม่สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบันลง เพื่อรองรับภาระผูกพันงบประมาณแผ่นดินที่เพิ่มขึ้นจากการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้เปิดโครงการฯ ดังกล่าว
ทั้งนี้ กรมชลประทานได้ศึกษาและจัดทำรายงานการพิจารณาความเหมาะสมเบื้องต้นโครงการประแสร์ไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลในอันที่จะพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของราษฎรในชนบทของภาคตะวันออก โดยนโยบายหลักที่สำคัญได้แก่ การเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร จึงได้พิจารณาที่จะให้มีการก่อสร้างเขื่อนเก็บน้ำขนาดความจุประมาณ 220 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง ซึ่งผลการศึกษาสรุปได้ว่า การพัฒนาโครงการประแสร์สามารถตอบสนองความต้องการน้ำของราษฎรในพื้นที่ของโครงการได้ในระยะยาว โดยโครงการประแสร์มีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
1. วัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำสำหรับเก็บกักน้ำและส่งให้แก่พื้นที่เพาะปลูก เพื่อให้มีแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภคและบริโภค เพื่อประโยชน์สำหรับการประมงน้ำจืด และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เพื่อป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในเขตอำเภอแกลง จังหวัดระยอง เพื่อป้องกันการรุกตัวของน้ำเค็มในลำน้ำประแสร์ และเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่โครงการ
2. ลักษณะโครงการ เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ประกอบด้วยการก่อสร้างเขื่อน และระบบชลประทาน มีลักษณะโครงการ ดังนี้
ที่ตั้ง : บ้านแก่งหวาย อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง
พื้นที่รับน้ำ : 603 ตารางกิโลเมตร
ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ : 294.5 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี
อัตราน้ำหลากสูงสุดในรอบ 1,000 ปี : 623.2 ลูกบาศก์เมตร/วินาที
องค์ประกอบของโครงการประกอบด้วยการก่อสร้าง ดังนี้
1) เขื่อนหลัก (Main Dam) การออกแบบตัวเขื่อนจะเป็นเขื่อนดินแบบ Zone Type ความยาวของเขื่อนเท่ากับ2,460 เมตร และสูง 24 เมตร โดยมีความจุของอ่างเก็บน้ำเท่ากับ 202.30 ล้านลูกบาศก์เมตร
2) เขื่อนปิดช่องเขา (Saddle Dam) เขื่อนปิดช่องเขาต่ำอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาวงเวียน ซึ่งห่างจากตอม่อฝั่งซ้ายของเขื่อนหลักประมาณ 3.0 กิโลเมตร ปิดช่องเขาต่ำเพื่อป้องกันการรั่วไหลของน้ำจากอ่าง เขื่อนเปิดช่องเขาต่ำจะมีลักษณะเป็นเขื่อนดินแบบ Homogeneous Type
3) ระบบชลประทาน มีพื้นที่ชลประทานรวม 137,000 ไร่ ประกอบด้วยพื้นที่ชลประทานฝั่งขวาของแม่น้ำประแสร์เท่ากับ 83,000 ไร่ โดยมีระบบท่อส่งน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.00 - 1.80 เมตร ความยาวทั้งสิ้น 24 กิโลเมตร และพื้นที่ชลประทานฝั่งซ้าย 54,000 ไร่ ออกแบบให้ส่งน้ำโดยระบบโน้มถ่วง เป็นคลองดาดคอนกรีตทั้งหมดมีความยาวของคลองรวม 20 กิโลเมตร
4) องค์ประกอบอื่น ๆ ได้แก่ อาคารระบายน้ำฉุกเฉิน อาคารระบายน้ำลงลำน้ำเดิม และอาคารปากคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย
3. แผนพัฒนาโครงการ แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่
3.1 ระยะเตรียมการ : พ.ศ. 2541 - 2542
3.2 ระยะการก่อสร้างหัวงาน : พ.ศ. 2542 - 2544
3.3 ระยะการก่อสร้างระบบชลประทาน : พ.ศ. 2543 - 2545
3.4 ระยะหลังการก่อสร้าง : ระยะต่อเนื่อง โดยจะประเมินผลการดำเนินงานและส่งเสริมและพัฒนาให้มีการใช้ประโยชน์จากโครงการสูงสุด
4. ค่าก่อสร้างโครงการ เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 9,016.84 ล้านบาท โดยแยกเป็น การก่อสร้างโครงการ เป็นเงิน 4,186.52ล้านบาท และการป้องกันแก้ไขพัฒนา และการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม เป็นเงิน 4,830.32 ล้านบาท
5. ผลประโยชน์ของโครงการ
5.1 ด้านการเกษตรกรรม โดยที่จะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 155,248 ไร่
5.2 การประปาและการท่องเที่ยว 28,500 ลูกบาศก์เมตร/วัน
5.3 เป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุตสาหกรรม 20,500 ลูกบาศก์เมตร/เดือน
5.4 การควบคุมน้ำท่วม โดยสามารถลดปริมาณน้ำนองสูงสุดได้ร้อยละ 70 คิดเป็นมูลค่าที่จะลดความเสียหายต่อพื้นที่ประมาณ 12 ล้านบาท/ปี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 12 พฤษภาคม 2541--
คณะรัฐมนตรีพิจารณาโครงการประแสร์ จังหวัดระยอง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ซึ่งการก่อสร้างโครงการประแสร์มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำ จะเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงส่งน้ำให้ราษฎรใช้ในการเกษตรกรรมอุปโภค - บริโภค อย่างเพียงพอ และยังได้จัดสรรน้ำบางส่วนเพื่อใช้ในการประปา การท่องเที่ยว และการอุตสาหกรรมด้วย ซึ่งจะมีผลต่อการปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก แล้วมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้เปิดโครงการก่อสร้างโครงการประแสร์ ในปีงบประมาณ 2542 - 2547 งบประมาณโครงการ 4,186.52ล้านบาท
2. อนุมัติแผนปฏิบัติการป้องกันและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการประแสร์ ในปีงบประมาณ 2542 -2551 งบประมาณ 4,830.32 ล้านบาท โดยในปีงบประมาณ 2542 กรมชลประทานได้ขอตั้งงบประมาณเพื่อดำเนินการแล้ว
3. ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสนับสนุนโครงการให้แก่กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในสังกัดและนอกสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในวงเงินงบประมาณของแผนงานก่อสร้างและแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวม 9,016.84 ล้านบาท
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่สนับสนุนให้ดำเนินการ แต่โดยที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันกำลังประสบปัญหาวิกฤติทางการเงินการคลัง ก็สมควรที่จะปรับแผนการขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยพิจารณาตัดทอน ชะลอ หรือยกเลิกงาน/โครงการอื่น ๆ ในความรับผิดชอบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนต่ำ หรือไม่สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบันลง เพื่อรองรับภาระผูกพันงบประมาณแผ่นดินที่เพิ่มขึ้นจากการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้เปิดโครงการฯ ดังกล่าว
ทั้งนี้ กรมชลประทานได้ศึกษาและจัดทำรายงานการพิจารณาความเหมาะสมเบื้องต้นโครงการประแสร์ไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลในอันที่จะพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของราษฎรในชนบทของภาคตะวันออก โดยนโยบายหลักที่สำคัญได้แก่ การเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร จึงได้พิจารณาที่จะให้มีการก่อสร้างเขื่อนเก็บน้ำขนาดความจุประมาณ 220 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง ซึ่งผลการศึกษาสรุปได้ว่า การพัฒนาโครงการประแสร์สามารถตอบสนองความต้องการน้ำของราษฎรในพื้นที่ของโครงการได้ในระยะยาว โดยโครงการประแสร์มีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
1. วัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำสำหรับเก็บกักน้ำและส่งให้แก่พื้นที่เพาะปลูก เพื่อให้มีแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภคและบริโภค เพื่อประโยชน์สำหรับการประมงน้ำจืด และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เพื่อป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในเขตอำเภอแกลง จังหวัดระยอง เพื่อป้องกันการรุกตัวของน้ำเค็มในลำน้ำประแสร์ และเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่โครงการ
2. ลักษณะโครงการ เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ประกอบด้วยการก่อสร้างเขื่อน และระบบชลประทาน มีลักษณะโครงการ ดังนี้
ที่ตั้ง : บ้านแก่งหวาย อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง
พื้นที่รับน้ำ : 603 ตารางกิโลเมตร
ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ : 294.5 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี
อัตราน้ำหลากสูงสุดในรอบ 1,000 ปี : 623.2 ลูกบาศก์เมตร/วินาที
องค์ประกอบของโครงการประกอบด้วยการก่อสร้าง ดังนี้
1) เขื่อนหลัก (Main Dam) การออกแบบตัวเขื่อนจะเป็นเขื่อนดินแบบ Zone Type ความยาวของเขื่อนเท่ากับ2,460 เมตร และสูง 24 เมตร โดยมีความจุของอ่างเก็บน้ำเท่ากับ 202.30 ล้านลูกบาศก์เมตร
2) เขื่อนปิดช่องเขา (Saddle Dam) เขื่อนปิดช่องเขาต่ำอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาวงเวียน ซึ่งห่างจากตอม่อฝั่งซ้ายของเขื่อนหลักประมาณ 3.0 กิโลเมตร ปิดช่องเขาต่ำเพื่อป้องกันการรั่วไหลของน้ำจากอ่าง เขื่อนเปิดช่องเขาต่ำจะมีลักษณะเป็นเขื่อนดินแบบ Homogeneous Type
3) ระบบชลประทาน มีพื้นที่ชลประทานรวม 137,000 ไร่ ประกอบด้วยพื้นที่ชลประทานฝั่งขวาของแม่น้ำประแสร์เท่ากับ 83,000 ไร่ โดยมีระบบท่อส่งน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.00 - 1.80 เมตร ความยาวทั้งสิ้น 24 กิโลเมตร และพื้นที่ชลประทานฝั่งซ้าย 54,000 ไร่ ออกแบบให้ส่งน้ำโดยระบบโน้มถ่วง เป็นคลองดาดคอนกรีตทั้งหมดมีความยาวของคลองรวม 20 กิโลเมตร
4) องค์ประกอบอื่น ๆ ได้แก่ อาคารระบายน้ำฉุกเฉิน อาคารระบายน้ำลงลำน้ำเดิม และอาคารปากคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย
3. แผนพัฒนาโครงการ แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่
3.1 ระยะเตรียมการ : พ.ศ. 2541 - 2542
3.2 ระยะการก่อสร้างหัวงาน : พ.ศ. 2542 - 2544
3.3 ระยะการก่อสร้างระบบชลประทาน : พ.ศ. 2543 - 2545
3.4 ระยะหลังการก่อสร้าง : ระยะต่อเนื่อง โดยจะประเมินผลการดำเนินงานและส่งเสริมและพัฒนาให้มีการใช้ประโยชน์จากโครงการสูงสุด
4. ค่าก่อสร้างโครงการ เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 9,016.84 ล้านบาท โดยแยกเป็น การก่อสร้างโครงการ เป็นเงิน 4,186.52ล้านบาท และการป้องกันแก้ไขพัฒนา และการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม เป็นเงิน 4,830.32 ล้านบาท
5. ผลประโยชน์ของโครงการ
5.1 ด้านการเกษตรกรรม โดยที่จะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 155,248 ไร่
5.2 การประปาและการท่องเที่ยว 28,500 ลูกบาศก์เมตร/วัน
5.3 เป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุตสาหกรรม 20,500 ลูกบาศก์เมตร/เดือน
5.4 การควบคุมน้ำท่วม โดยสามารถลดปริมาณน้ำนองสูงสุดได้ร้อยละ 70 คิดเป็นมูลค่าที่จะลดความเสียหายต่อพื้นที่ประมาณ 12 ล้านบาท/ปี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 12 พฤษภาคม 2541--