ทำเนียบรัฐบาล--29 พ.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานปัญหาอุทกภัยทางภาคใต้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ตาม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวง คมนาคมติดตามสถานการณ์อุทกภัยทางภาคใต้เพื่อหาทางป้องกัน และแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้น
ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะ ได้เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ ภาคใต้ที่ประสบอุทกภัยบางส่วน ซึ่งได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส และ ปัตตานี ระหว่างวันที่22 - 24 พฤศจิกายน 2538 สรุปสถานการณ์อุทกภัย การป้องกันและแก้ไขปัญหา และปัญหาที่เกิดขึ้น สรุปได้ดังนี้
1. การป้องกันและแก้ไขปัญหา
ปัญหาอุทกภัยส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากฝนตกหนักติดต่อกันทำให้เกิดน้ำ ท่วมขัง และเป็นลักษณะของน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเป็นปกติในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม ของทุกปี จังหวัดต่างๆ จึงได้มีการเตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไว้เป็นการล่วงหน้า โดยการจัดตั้งศูนย์ อำนวยการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในระดับจังหวัด อำเภอ เทศบาล และระดับตำบล ซึ่งจะมีการ ประสานแบบอย่างใกล้ชิดของแต่ละฝ่าย มีเป้าหมายที่จะทำให้ความสูญเสียความเสียหายที่เกิดแก่ชีวิต ทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนสาธารณะสมบัติให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด โดยมีมาตรการตามลำดับ ดังนี้
1.1 มาตรการการป้องกัน
- จัดทำแผนปฏิบัติการป้องกัน และบรรเทาความเดือดร้อนจากอุทกภัย โดยจัดเตรียม ความพร้อมไว้ล่วงหน้า
- จัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ และยานพาหนะไว้ให้พร้อม
- สำรวจพื้นที่ที่คาดว่าจะประสบภัยรุนแรง หรือพื้นที่เสี่ยงภัย และเตรียมการช่วยเหลือไว้ เป็นการเร่งด่วน
- ประสานการปฏิบัติในทุกลำดับชั้นของจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน
- ขุดลอกคูระบายน้ำ ท่อระบายน้ำ กำจัดผักตบชวา วัชชพืช ตามเส้นทางคูคลองต่างๆ เพื่อมิให้กีดขวางทางน้ำไหล
- จัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัย
1.2 การช่วยเหลือขณะเกิดอุทกภัย
- ให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัย โดยการอพยพโยกย้ายราษฎร และปศุสัตว์ให้ พื้นที่ที่เสียหายหนัก ให้ไปอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย
- ช่วยหลือราษฎรและให้ความช่วยเหลือด้านเครื่องอุปโภค บริโภค
- ซ่อมแซมถนน และสะพานเบื้องต้น เพื่อให้ราษฎรสัญจรไป - มาได้
- ออกสำรวจความเดือดร้อนของราษฎรอย่างสม่ำเสมอเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที การวางแนวกระสอบเป็นคันกั้นน้ำในเขตเมือง การสูบระบายน้ำออกจากถนน การจัดทำระบบเตือนภัย บริเวณที่เป็นอันตราย
1.3 การดำเนินการช่วยเหลือภายหลังน้ำลด
- เร่งระดมซ่อมแซม สะพาน ถนน ที่ชำรุดเสียหาย
- ฟื้นฟู ซ่อมแซม สถานที่ราชการและสิ่งสาธารณประโยชน์อื่น ๆ ให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว
- ให้การช่วยเหลือฟื้นฟูความเสียหายด้านการเกษตร
2. ปัญหา/อุปสรรคที่เกิดขึ้น
1. ปัญหาเกิดจากการที่ถนน ทางรถไฟ และการถมดินบางพื้นที่ ปิดกั้นทางน้ำไหล และทำให้ เกิดสภาพน้ำท่วมขัง
2. อุปกรณ์ที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ราษฎรไม่เพียงพอ เช่น เรือท้องแบน เครื่องจักรกล รถยนต์บรรทุก
3. ปัญหาทางด้านงบประมาณ ซึ่งแม้จะให้อำนาจนายอำเภอ หรือปลัดอำเภอ ผู้เป็นหัวหน้า ประจำกิ่งอำเภอ สั่งจ่ายเงินทดรองราชการได้ในวงเงิน 100,000 บาท ต่อหนึ่งงวด ตามระเบียบ กระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติการณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2538 ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปได้ระดับหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ยังประสบปัญหากรณีการเบิกจ่ายเงิน ดังกล่าว จะดำเนินการได้ต่อเมื่อเกิดภัยหรือภัยนั้นผ่านพ้นไปแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 28 พฤศจิกายน 2538--
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานปัญหาอุทกภัยทางภาคใต้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ตาม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวง คมนาคมติดตามสถานการณ์อุทกภัยทางภาคใต้เพื่อหาทางป้องกัน และแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้น
ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะ ได้เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ ภาคใต้ที่ประสบอุทกภัยบางส่วน ซึ่งได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส และ ปัตตานี ระหว่างวันที่22 - 24 พฤศจิกายน 2538 สรุปสถานการณ์อุทกภัย การป้องกันและแก้ไขปัญหา และปัญหาที่เกิดขึ้น สรุปได้ดังนี้
1. การป้องกันและแก้ไขปัญหา
ปัญหาอุทกภัยส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากฝนตกหนักติดต่อกันทำให้เกิดน้ำ ท่วมขัง และเป็นลักษณะของน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเป็นปกติในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม ของทุกปี จังหวัดต่างๆ จึงได้มีการเตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไว้เป็นการล่วงหน้า โดยการจัดตั้งศูนย์ อำนวยการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในระดับจังหวัด อำเภอ เทศบาล และระดับตำบล ซึ่งจะมีการ ประสานแบบอย่างใกล้ชิดของแต่ละฝ่าย มีเป้าหมายที่จะทำให้ความสูญเสียความเสียหายที่เกิดแก่ชีวิต ทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนสาธารณะสมบัติให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด โดยมีมาตรการตามลำดับ ดังนี้
1.1 มาตรการการป้องกัน
- จัดทำแผนปฏิบัติการป้องกัน และบรรเทาความเดือดร้อนจากอุทกภัย โดยจัดเตรียม ความพร้อมไว้ล่วงหน้า
- จัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ และยานพาหนะไว้ให้พร้อม
- สำรวจพื้นที่ที่คาดว่าจะประสบภัยรุนแรง หรือพื้นที่เสี่ยงภัย และเตรียมการช่วยเหลือไว้ เป็นการเร่งด่วน
- ประสานการปฏิบัติในทุกลำดับชั้นของจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน
- ขุดลอกคูระบายน้ำ ท่อระบายน้ำ กำจัดผักตบชวา วัชชพืช ตามเส้นทางคูคลองต่างๆ เพื่อมิให้กีดขวางทางน้ำไหล
- จัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัย
1.2 การช่วยเหลือขณะเกิดอุทกภัย
- ให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัย โดยการอพยพโยกย้ายราษฎร และปศุสัตว์ให้ พื้นที่ที่เสียหายหนัก ให้ไปอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย
- ช่วยหลือราษฎรและให้ความช่วยเหลือด้านเครื่องอุปโภค บริโภค
- ซ่อมแซมถนน และสะพานเบื้องต้น เพื่อให้ราษฎรสัญจรไป - มาได้
- ออกสำรวจความเดือดร้อนของราษฎรอย่างสม่ำเสมอเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที การวางแนวกระสอบเป็นคันกั้นน้ำในเขตเมือง การสูบระบายน้ำออกจากถนน การจัดทำระบบเตือนภัย บริเวณที่เป็นอันตราย
1.3 การดำเนินการช่วยเหลือภายหลังน้ำลด
- เร่งระดมซ่อมแซม สะพาน ถนน ที่ชำรุดเสียหาย
- ฟื้นฟู ซ่อมแซม สถานที่ราชการและสิ่งสาธารณประโยชน์อื่น ๆ ให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว
- ให้การช่วยเหลือฟื้นฟูความเสียหายด้านการเกษตร
2. ปัญหา/อุปสรรคที่เกิดขึ้น
1. ปัญหาเกิดจากการที่ถนน ทางรถไฟ และการถมดินบางพื้นที่ ปิดกั้นทางน้ำไหล และทำให้ เกิดสภาพน้ำท่วมขัง
2. อุปกรณ์ที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ราษฎรไม่เพียงพอ เช่น เรือท้องแบน เครื่องจักรกล รถยนต์บรรทุก
3. ปัญหาทางด้านงบประมาณ ซึ่งแม้จะให้อำนาจนายอำเภอ หรือปลัดอำเภอ ผู้เป็นหัวหน้า ประจำกิ่งอำเภอ สั่งจ่ายเงินทดรองราชการได้ในวงเงิน 100,000 บาท ต่อหนึ่งงวด ตามระเบียบ กระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติการณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2538 ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปได้ระดับหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ยังประสบปัญหากรณีการเบิกจ่ายเงิน ดังกล่าว จะดำเนินการได้ต่อเมื่อเกิดภัยหรือภัยนั้นผ่านพ้นไปแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 28 พฤศจิกายน 2538--