ทำเนียบรัฐบาล--15 มี.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับผลการสัมมนาเรื่อง "จะพัฒนาประชาธิปไตย อย่างไรให้มั่นคง" ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงอุตสหากรรม เสนอ สรุปได้ดังนี้
1. สำนักนายกรัฐมนตรี
1.1 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ เกี่ยวข้องกับนโยบายและมาตรการข้อ 8สนับสนุนให้มีการสอนประชาธิปไตยทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในสถานศึกษาทุกระดับ ทั้งในระบบและนอกระบบ อย่างเป็นระบบต่อเนื่อง" สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติได้ดำเนินการ ดังนี้
(1) ด้านการประเมินผลได้ดำเนินการประเมินผลแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 6 (พ.ศ.2530- 2534) ซึ่งประเด็นหนึ่งในการประเมินผล ได้แก่ "ผลกระทบด้านจิตสำนึกประชาธิปไตย"มีผลสรุปว่าผลกระทบทางประชาธิปไตยยังมีจิตสำนึกในเรื่องนี้น้อย
(2) ด้านการวิจัยและพัฒนา กำลังดำเนินงานการวิจัยและพัฒนา 2 โครงการ คือ โครงการวิจัยเพื่อพัฒนากระบวนการเรียนรู้ และโครงการพัฒนาระบบบริหารการศึกษา ซึ่งโครงการวิจัยเพื่อพัฒนาระบบการเรียนรู้เป็นการวิจัย และพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้คนในชุมชนสามารถรู้จักคิดวิเคราะห์แก้ไขปัญหาของตนเองและชุมชนได้อย่างสอดคล้องเหมาะสมกับวิถีชีวิตของตนและชุมชน มีทักษะในการจัดการกับสภาพเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ของสังคมที่หลากหลาย สำหรับโครงการพัฒนาระบบบริหารการศึกษามีจุดมุ่งหมายประการหนึ่ง เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนและชุมชนเข้าใจในคุณประโยชน์ของการศึกษา และรับรู้ในสิทธิที่ทุกคนพึงได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมทั้งมีความสนใจที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาของชุมชน ซึ่งผลของการศึกษาของทั้งสองโครงการนอกจากจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อหน่วยงาที่รับผิดชอบจัดการศึกษาในอันที่จะได้แนวทางในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการจัดการศึกษาให้เหมาะสม และสอดคล้องกับนโยบาย และแนวทางการจัดการศึกษาตามแผนการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช2535และแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่7แล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน และประชาชนซึ่งเป็นฐานรากที่สำคัญที่สุดของประเทศให้สามารถพึ่งพาตนเองมีระบบการเรียนรู้ การคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหารวมทั้งการทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นรากฐานของกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
(3) การจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540-2544)
1.1 กำลังดำเนินงานการจัดทำซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่1 ตุลาคม 2539 เป็นต้นไป โดยในการจัดทำนโยบายและมาตรการพัฒนาการศึกษานั้น จะได้ข้อเสนอแนะด้านนโยบายและมาตรการในส่วนที่เกี่ยวข้อง บรรจุไว้ในแผนพัฒนาการศึกษาด้านการพัฒนาเนื้อหาสาระและกระบวนการเรียนรู้ทั้งในและนอกระบบโรงเรียนและการพัฒนาเครือข่ายการเรียนรู้ ซึ่งเป็นการสร้างประชาธิปไตยขั้นรากฐานให้กับประชาชน
1.2 องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) ได้ดำเนินการสนับสนุนส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การพัฒนาประชาธิปไตยผ่านทางสื่อต่างๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ อ.ส.ม.ท.
1.3 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ มีโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายและมาตรการ 8 ประการ จำนวน 6 โครงการดังนี้
(1) โครงการปรับปรุงนโยบายเยาวชนแห่งชาติ เพื่อให้เยาวชนยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ได้ดำเนินการปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว
(2) โครงการชุมนุมผู้นำเยาวชนด้านศาสนา ดำเนินการบรรลุวัตุประสงค์ มีผู้นำเยาวชนเข้าร่วมโครงการ 120 คน
(3) โครงการส่งเสริมประชาธิปไตยสำหรับเยาวชน ได้จัดเตรียมการทำสื่อเพื่อเผยแพร่ความรู้ประชาธิปไตย และจัดตั้งคณะอนุกรรมการเสริมสร้างประชาธิปไตยสำหรับเยาวชน
(4) โครงการประชุมผู้นำศาสนาเพื่อการพัฒนาเด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดำเนินการ บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ทุกประการ และมีผู้เข้าร่วมประชุม 2 รุ่น ๆ ละ 100 คน
(5) โครงการฝึกอบรมผู้นำเยาวชนอาสาสมัคร มีผู้เข้าฝึกอบรมเป็นผู้นำเยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกจากโรงเรียนมัธยมศึกษาและวิทยาลัยอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน จำนวน 90 คน
(6) โครงการสัมมนาผู้นำเยาวชนชนบท มีผู้นำเยาวชนชนบทในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวน 100 คน เข้ารับการสัมมนาโดยผู้นำเยาวชนตระหนักในบทบาทหน้าที่ของตนในการพัฒนาตน และท้องถิ่น
1.4 กรมประชาสัมพันธ์ ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่และรณรงค์วิถีแบบประชาธิปไตยอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนเข้าใจอย่างถูกต้องโดยออกอากาศบทความพิเศษทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2536 - มีนาคม 2537 จำนวน 24 บทความ
2. กระทรวงยุติธรรม
2.1 เสนอแนะผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมทุกฝ่าย เพื่อให้มีการลงโทษผู้กระทำผิดให้สมกับความผิด บุคคลผู้กระทำความผิดโดยมีส่วนสัมพันธ์กับกลุ่มผู้มีอิทธิพลควรถูกพิจารณาโทษอย่างเข้มงวดกวดขันกว่าอาชญากรรมธรรมดาทั่วไปในความผิดอย่างเดียวกัน
2.2 ให้มีการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยเร่งรัด ทั้งนี้ให้เป็นไปตามกฎระเบียบและข้อบังคับที่กฎหมายบัญญัติไว้
2.3เนื่องจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลจำเป็นต้องใช้เงินในการดำเนินงานและการขยายอิทธิพลการจะปราบปรามผู้มีอิทธิจึงต้องทำลายแหล่งเงินทุนของกลุ่มบุคคลเหล่านั้น โดยส่วนใหญ่แล้วรายได้ของผู้มีอิทธิพลมักมีที่มาจากการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงควรออกกฎหมายวางมาตรการในการยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดรวมทั้งลงโทษผู้ที่ใช้ความช่วยเหลือในการฟอกเงินด้วย
2.4 ในประเทศญี่ปุ่นมีการออกกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย โดยกลุ่มอาชญากรรมกฎหมายดังกล่าว กำหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อความปลอดภัย ของสาธารณชน(The Public Safety Commission) ซึ่งมีทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ คณะกรรมการดังกล่าวมีอำนาจพิจารณา และระบุว่าผู้ใดหรือกลุ่มบุคคลใดมีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพลและคณะกรรมการมีอำนาจกำหนดมาตรการในทางควบคุมบุคคลเหล่านี้ได้ เช่น ห้ามการทำกิจการบางประเภท เป็นต้น แนวความคิดเช่นนี้อาจเป็นไปได้ในประเทศไทย
2.5 อาจบัญญัติกฎหมายที่กำหนดว่า การร่วมมือกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อเตรียมการกระทำความผิดบางอย่าง เป็นความผิดอย่างหนึ่ง อันมีลักษณะทำนองเดียวกันกับความผิดฐานซ่องโจร ซึ่งจะช่วยควบคุมการก่ออาชญากรรมของบุคคลเหล่านี้ได้มากขึ้น
3. กระทรวงอุตสาหกรรม
3.1 การให้บริการด้านทรัพยากรธรณี ได้แก่ การดำเนินการเจาะบ่อน้ำบาดาลเพื่อการอุปโภคบริโภคในชนบททั่วประเทศ การเร่งรัดและส่งเสริมการสำรวจและผลิตปิโตรเลี่ยมของผู้รับสัมปทานในเขตชนบท และการเร่งรัดให้หน่วยงานในสังกัดสำรวจหาแหล่งแร่ในพื้นที่ตามชนบทต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักร เพื่อนำมาใช้อย่างต่อเนื่องและเป็นประโยชน์สูงสุด
3.2การให้บริการด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมได้แก่การดำเนินการฝึกอาชีพอุตสหากรรมในครอบครัวและหัตถกรรมให้แก่ราษฎรในหมู่บ้านต่างๆ ส่งเสริมการใช้เครื่องทุ่นแรง และให้คำปรึกษาแนะนำเทคโนโลยีการผลิตการฝึกอบรมการจัดการธุรกิจ สนับสนุนด้านการเงินเพื่อประกอบการและขยายกิจการและส่งเสริมพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรม การดำเนินงานโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมให้ราษฎรในหมู่บ้านเป้าหมายในชนบทรวมกลุ่มกันผลิตสินค้าอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทย เพื่อจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศ โดยสามารถดำเนินงานด้านการตลาดและการจัดการด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังมีการดำเนินงานโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาในเขตชนบท 3 จังหวัด ได้แก่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง จังหวัดนราธิวาส ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน จังหวัดสกลนคร และโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย จังหวัดเพชรบุรี เพื่อส่งเสริมอาชีพให้ราษฎรนำเอาทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาใช้ในการประกอบอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรม เพื่อเพิ่มพูนรายได้และยกฐานะความเป็นอยู่ของราษฎรให้สูงขึ้น
3.3 การดำเนินงานด้านการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ปัจจุบันการนิคมอุตสาหกรรมแห่ง ประเทศไทยได้ดำเนินการจัดตั้งและบริหารนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศแล้ว จำนวน 21 แห่ง ประกอบด้วยโรงงานจำนวน 1.194 โรงงาน และมีการจ้างแรงงานจำนวน 334.096 คน และตามแผนระยะยาว (พ.ศ. 2535 - 2544) กำหนดเป้าหมายที่จะจัดตั้ง/ขยายนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศจำนวน 54 แห่ง โรงงาน 2,800 โรงงาน โดยคาดว่าจะมีการจ้างแรงงานประมาณ 617.000 คน
3.4 การดำเนินงานด้านการทำเหมืองแร่ดีบุกในทะเล องค์การเหมืองแร่ในทะเลได้ประกอบกิจการทำเหมืองแร่ดีบุกในทะเล ในท้องที่จังหวัดภูเก็ตและพังงา เป็นการกระจายรายได้ไปสู่จังหวัดดังกล่าว ทั้งในด้านการจ้างแรงงาน ตลอดจนกิจการธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเหมืองแร่
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 14 มีนาคม 2538--
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับผลการสัมมนาเรื่อง "จะพัฒนาประชาธิปไตย อย่างไรให้มั่นคง" ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงอุตสหากรรม เสนอ สรุปได้ดังนี้
1. สำนักนายกรัฐมนตรี
1.1 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ เกี่ยวข้องกับนโยบายและมาตรการข้อ 8สนับสนุนให้มีการสอนประชาธิปไตยทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในสถานศึกษาทุกระดับ ทั้งในระบบและนอกระบบ อย่างเป็นระบบต่อเนื่อง" สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติได้ดำเนินการ ดังนี้
(1) ด้านการประเมินผลได้ดำเนินการประเมินผลแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 6 (พ.ศ.2530- 2534) ซึ่งประเด็นหนึ่งในการประเมินผล ได้แก่ "ผลกระทบด้านจิตสำนึกประชาธิปไตย"มีผลสรุปว่าผลกระทบทางประชาธิปไตยยังมีจิตสำนึกในเรื่องนี้น้อย
(2) ด้านการวิจัยและพัฒนา กำลังดำเนินงานการวิจัยและพัฒนา 2 โครงการ คือ โครงการวิจัยเพื่อพัฒนากระบวนการเรียนรู้ และโครงการพัฒนาระบบบริหารการศึกษา ซึ่งโครงการวิจัยเพื่อพัฒนาระบบการเรียนรู้เป็นการวิจัย และพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้คนในชุมชนสามารถรู้จักคิดวิเคราะห์แก้ไขปัญหาของตนเองและชุมชนได้อย่างสอดคล้องเหมาะสมกับวิถีชีวิตของตนและชุมชน มีทักษะในการจัดการกับสภาพเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ของสังคมที่หลากหลาย สำหรับโครงการพัฒนาระบบบริหารการศึกษามีจุดมุ่งหมายประการหนึ่ง เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนและชุมชนเข้าใจในคุณประโยชน์ของการศึกษา และรับรู้ในสิทธิที่ทุกคนพึงได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมทั้งมีความสนใจที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาของชุมชน ซึ่งผลของการศึกษาของทั้งสองโครงการนอกจากจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อหน่วยงาที่รับผิดชอบจัดการศึกษาในอันที่จะได้แนวทางในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการจัดการศึกษาให้เหมาะสม และสอดคล้องกับนโยบาย และแนวทางการจัดการศึกษาตามแผนการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช2535และแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่7แล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน และประชาชนซึ่งเป็นฐานรากที่สำคัญที่สุดของประเทศให้สามารถพึ่งพาตนเองมีระบบการเรียนรู้ การคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหารวมทั้งการทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นรากฐานของกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
(3) การจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540-2544)
1.1 กำลังดำเนินงานการจัดทำซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่1 ตุลาคม 2539 เป็นต้นไป โดยในการจัดทำนโยบายและมาตรการพัฒนาการศึกษานั้น จะได้ข้อเสนอแนะด้านนโยบายและมาตรการในส่วนที่เกี่ยวข้อง บรรจุไว้ในแผนพัฒนาการศึกษาด้านการพัฒนาเนื้อหาสาระและกระบวนการเรียนรู้ทั้งในและนอกระบบโรงเรียนและการพัฒนาเครือข่ายการเรียนรู้ ซึ่งเป็นการสร้างประชาธิปไตยขั้นรากฐานให้กับประชาชน
1.2 องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) ได้ดำเนินการสนับสนุนส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การพัฒนาประชาธิปไตยผ่านทางสื่อต่างๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ อ.ส.ม.ท.
1.3 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ มีโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายและมาตรการ 8 ประการ จำนวน 6 โครงการดังนี้
(1) โครงการปรับปรุงนโยบายเยาวชนแห่งชาติ เพื่อให้เยาวชนยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ได้ดำเนินการปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว
(2) โครงการชุมนุมผู้นำเยาวชนด้านศาสนา ดำเนินการบรรลุวัตุประสงค์ มีผู้นำเยาวชนเข้าร่วมโครงการ 120 คน
(3) โครงการส่งเสริมประชาธิปไตยสำหรับเยาวชน ได้จัดเตรียมการทำสื่อเพื่อเผยแพร่ความรู้ประชาธิปไตย และจัดตั้งคณะอนุกรรมการเสริมสร้างประชาธิปไตยสำหรับเยาวชน
(4) โครงการประชุมผู้นำศาสนาเพื่อการพัฒนาเด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดำเนินการ บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ทุกประการ และมีผู้เข้าร่วมประชุม 2 รุ่น ๆ ละ 100 คน
(5) โครงการฝึกอบรมผู้นำเยาวชนอาสาสมัคร มีผู้เข้าฝึกอบรมเป็นผู้นำเยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกจากโรงเรียนมัธยมศึกษาและวิทยาลัยอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน จำนวน 90 คน
(6) โครงการสัมมนาผู้นำเยาวชนชนบท มีผู้นำเยาวชนชนบทในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวน 100 คน เข้ารับการสัมมนาโดยผู้นำเยาวชนตระหนักในบทบาทหน้าที่ของตนในการพัฒนาตน และท้องถิ่น
1.4 กรมประชาสัมพันธ์ ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่และรณรงค์วิถีแบบประชาธิปไตยอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนเข้าใจอย่างถูกต้องโดยออกอากาศบทความพิเศษทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2536 - มีนาคม 2537 จำนวน 24 บทความ
2. กระทรวงยุติธรรม
2.1 เสนอแนะผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมทุกฝ่าย เพื่อให้มีการลงโทษผู้กระทำผิดให้สมกับความผิด บุคคลผู้กระทำความผิดโดยมีส่วนสัมพันธ์กับกลุ่มผู้มีอิทธิพลควรถูกพิจารณาโทษอย่างเข้มงวดกวดขันกว่าอาชญากรรมธรรมดาทั่วไปในความผิดอย่างเดียวกัน
2.2 ให้มีการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยเร่งรัด ทั้งนี้ให้เป็นไปตามกฎระเบียบและข้อบังคับที่กฎหมายบัญญัติไว้
2.3เนื่องจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลจำเป็นต้องใช้เงินในการดำเนินงานและการขยายอิทธิพลการจะปราบปรามผู้มีอิทธิจึงต้องทำลายแหล่งเงินทุนของกลุ่มบุคคลเหล่านั้น โดยส่วนใหญ่แล้วรายได้ของผู้มีอิทธิพลมักมีที่มาจากการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงควรออกกฎหมายวางมาตรการในการยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดรวมทั้งลงโทษผู้ที่ใช้ความช่วยเหลือในการฟอกเงินด้วย
2.4 ในประเทศญี่ปุ่นมีการออกกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย โดยกลุ่มอาชญากรรมกฎหมายดังกล่าว กำหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อความปลอดภัย ของสาธารณชน(The Public Safety Commission) ซึ่งมีทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ คณะกรรมการดังกล่าวมีอำนาจพิจารณา และระบุว่าผู้ใดหรือกลุ่มบุคคลใดมีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพลและคณะกรรมการมีอำนาจกำหนดมาตรการในทางควบคุมบุคคลเหล่านี้ได้ เช่น ห้ามการทำกิจการบางประเภท เป็นต้น แนวความคิดเช่นนี้อาจเป็นไปได้ในประเทศไทย
2.5 อาจบัญญัติกฎหมายที่กำหนดว่า การร่วมมือกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อเตรียมการกระทำความผิดบางอย่าง เป็นความผิดอย่างหนึ่ง อันมีลักษณะทำนองเดียวกันกับความผิดฐานซ่องโจร ซึ่งจะช่วยควบคุมการก่ออาชญากรรมของบุคคลเหล่านี้ได้มากขึ้น
3. กระทรวงอุตสาหกรรม
3.1 การให้บริการด้านทรัพยากรธรณี ได้แก่ การดำเนินการเจาะบ่อน้ำบาดาลเพื่อการอุปโภคบริโภคในชนบททั่วประเทศ การเร่งรัดและส่งเสริมการสำรวจและผลิตปิโตรเลี่ยมของผู้รับสัมปทานในเขตชนบท และการเร่งรัดให้หน่วยงานในสังกัดสำรวจหาแหล่งแร่ในพื้นที่ตามชนบทต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักร เพื่อนำมาใช้อย่างต่อเนื่องและเป็นประโยชน์สูงสุด
3.2การให้บริการด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมได้แก่การดำเนินการฝึกอาชีพอุตสหากรรมในครอบครัวและหัตถกรรมให้แก่ราษฎรในหมู่บ้านต่างๆ ส่งเสริมการใช้เครื่องทุ่นแรง และให้คำปรึกษาแนะนำเทคโนโลยีการผลิตการฝึกอบรมการจัดการธุรกิจ สนับสนุนด้านการเงินเพื่อประกอบการและขยายกิจการและส่งเสริมพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรม การดำเนินงานโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมให้ราษฎรในหมู่บ้านเป้าหมายในชนบทรวมกลุ่มกันผลิตสินค้าอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทย เพื่อจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศ โดยสามารถดำเนินงานด้านการตลาดและการจัดการด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังมีการดำเนินงานโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาในเขตชนบท 3 จังหวัด ได้แก่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง จังหวัดนราธิวาส ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน จังหวัดสกลนคร และโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย จังหวัดเพชรบุรี เพื่อส่งเสริมอาชีพให้ราษฎรนำเอาทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาใช้ในการประกอบอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรม เพื่อเพิ่มพูนรายได้และยกฐานะความเป็นอยู่ของราษฎรให้สูงขึ้น
3.3 การดำเนินงานด้านการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ปัจจุบันการนิคมอุตสาหกรรมแห่ง ประเทศไทยได้ดำเนินการจัดตั้งและบริหารนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศแล้ว จำนวน 21 แห่ง ประกอบด้วยโรงงานจำนวน 1.194 โรงงาน และมีการจ้างแรงงานจำนวน 334.096 คน และตามแผนระยะยาว (พ.ศ. 2535 - 2544) กำหนดเป้าหมายที่จะจัดตั้ง/ขยายนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศจำนวน 54 แห่ง โรงงาน 2,800 โรงงาน โดยคาดว่าจะมีการจ้างแรงงานประมาณ 617.000 คน
3.4 การดำเนินงานด้านการทำเหมืองแร่ดีบุกในทะเล องค์การเหมืองแร่ในทะเลได้ประกอบกิจการทำเหมืองแร่ดีบุกในทะเล ในท้องที่จังหวัดภูเก็ตและพังงา เป็นการกระจายรายได้ไปสู่จังหวัดดังกล่าว ทั้งในด้านการจ้างแรงงาน ตลอดจนกิจการธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเหมืองแร่
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 14 มีนาคม 2538--