คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่มีมาถึงนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี ในรอบ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2548 (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 — วันที่ 31 มีนาคม 2548) และรับทราบแนวทางการติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาตามข้อร้องเรียนของประชาชนในภาพรวม เพื่อมอบหมายให้ทุกกระทรวงดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวต่อไป ซึ่งสรุปได้ดังนี้
1. สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่มีมาถึงนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีในรอบ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2548 (1 ตุลาคม 2547 — 31 มีนาคม 2548) ประชาชนได้มีหนังสือร้องเรียนในประเด็นปัญหาต่าง ๆ จำนวนรวมทั้งสิ้น 47,605 เรื่อง ซึ่งศูนย์บริการประชาชนได้ดำเนินการจนได้ข้อยุติจำนวน 29,816 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 62.63 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด โดยสรุปประเด็นร้องเรียนที่สำคัญ ได้ดังนี้
1.1 ประเด็นร้องเรียนที่มีการร้องเรียนมากที่สุดใน 3 อันดับแรก ได้แก่
อันดับ 1 ปัญหาด้านหนี้สิน มีการร้องเรียน จำนวน 8,303 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 17.44 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด
อันดับ 2 ปัญหาด้านสวัสดิการสงเคราะห์และสาธารณสุข มีการร้องเรียน จำนวน 7,904 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 16.60 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด
อันดับ 3 ปัญหาด้านราษฎรขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่รัฐ มีการร้องเรียน จำนวน 6,377 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 13.40 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด
1.2 ประเด็นการร้องเรียนที่ดำเนินการแก้ไขปัญหาจนได้ข้อยุติ
ประเด็นการร้องเรียนที่ได้ดำเนินการประสานการแก้ไขปัญหากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนได้ข้อยุติ จำนวนรวมทั้งสิ้น 29,816 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 62.63 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด โดยมีประเด็นการร้องเรียนที่ ดำเนินการแก้ไขปัญหาจนได้ข้อยุติมากที่สุดใน 3 อันดับแรก สรุปได้ดังนี้
อันดับ 1 ปัญหาด้านการเมือง มีการร้องเรียน จำนวน 83 เรื่อง ดำเนินการจนได้ข้อยุติ จำนวน 72 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 86.75 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนในประเด็นดังกล่าว
อันดับ 2 ปัญหาด้านความผิดอาญา มีการร้องเรียนจำนวน 3,696 เรื่อง ดำเนินการจนได้ข้อยุติ จำนวน 2,993 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 80.98 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนในประเด็นดังกล่าว
อันดับ 3 ปัญหาด้านคัดค้านโครงการของรัฐ มีการร้องเรียน จำนวน 211 เรื่อง ดำเนินการจนได้ข้อยุติ จำนวน 161 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 76.30 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนในประเด็นดังกล่าว
1.3 ประเด็นร้องเรียนที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในบางกรณีปัญหาอยู่ระหว่างการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 17,620 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 37.01 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด โดยสรุปประเด็นปัญหาที่ดำเนินการยังไม่แล้วเสร็จที่สำคัญใน 3 อันดับแรก ดังนี้
อันดับ 1 ปัญหาด้านการเกษตร มีการร้องเรียน จำนวน 1,144 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 883 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 72.81 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนในประเด็นดังกล่าว
อันดับ 2 ปัญหาด้านหนี้สิน มีการร้องเรียนจำนวน 8,303 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 6,010 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 72.38 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนในประเด็นดังกล่าว
อันดับ 3 ปัญหาด้านที่ดินทำกิน มีการร้องเรียน จำนวน 2,187 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 1,414 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 64.65 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนในประเด็นดังกล่าว
2. แนวทางการติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาตามข้อร้องเรียนของประชาชนในภาพรวม ซึ่งมีประเด็นเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน 3 ปัญหาหลัก ได้แก่ ปัญหาด้านการเกษตร ปัญหาด้านหนี้สิน และปัญหาด้านที่ดินทำกิน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละกรณีดำเนินการ ล่าช้า จึงทำให้มีเรื่องที่อยู่ในระหว่างดำเนินการค้างอยู่จำนวนมาก ดังนั้น สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐ-มนตรี จึงเห็นควรกำหนดแนวทางในการแก้ไขกรณีที่หน่วยงานบางหน่วยงานดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนล่าช้า ดังนี้
2.1 แนวทางแก้ไขปัญหาในระยะสั้น
ในการแก้ไขปัญหาในระยะสั้นนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มปัญหาที่อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะกลุ่มปัญหาที่มีเรื่องอยู่ในระหว่างดำเนินการจำนวนมากใน 3 อันดับแรก ได้แก่ ปัญหาด้านการเกษตร ปัญหาด้านหนี้สิน และปัญหาด้านที่ดินทำกิน ควรกำหนดแนวทางในการดำเนินการที่สำคัญ สรุปได้ดังนี้
1) หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องในแต่ละกรณีควรจัดให้มีการประชุมหารือร่วมกันในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในแต่ละกรณีเพื่อกำหนดมาตรการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ แบบบูรณาการในภาพรวม โดยหน่วยงานหลักควรจะจัดทำระบบฐานข้อมูลที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงครอบคลุมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบของกระบวนการแก้ไขปัญหาโดยรวม ทั้งนี้ มาตรการในการแก้ไขปัญหาในแต่ละประเด็นดังกล่าวข้างต้นควรดำเนินการตามแนวทาง ดังต่อไปนี้
1.1) มีการรวบรวมปัญหาและสรุปสาระสำคัญของปัญหารวมทั้งกำหนดให้มีการรวบรวมหลักฐานหรือข้อมูลเชิงประจักษ์ (Empirical Data) ซึ่งได้แก่ เอกสารหลักฐานต่าง ๆ ประกอบการนำเสนอปัญหาด้วย
1.2) มีการจัดกลุ่มประเภทของปัญหาและประเด็นต่าง ๆ แยกออกเป็นกลุ่ม ๆ ตามประเภทอย่างชัดเจน
1.3) มีการนำเสนอกลุ่มของปัญหาและประเด็นสำคัญต่าง ๆ ต่อที่ประชุมร่วมกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องก่อนเพื่อเป็นการระดมความคิดและนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาแบบเชิงบูรณาการ
1.4) ปัญหาและแนวทางแก้ไขของแต่ละประเด็นควรมีการนำเสนอที่ประชุมใหญ่ที่เกี่ยวข้องในแต่ละกรณีปัญหาเพื่อให้ความเห็นชอบแนวทางดังกล่าวก่อนนำไปปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป
2) ดำเนินการตามมาตรการที่หารือร่วมในข้อ 1) ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยมีระบบการติดตามผลการแก้ไขปัญหาในแต่ละประเด็นอย่างต่อเนื่อง
3) ควรกำหนดให้มีระบบการประชาสัมพันธ์ผลความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขในแต่ละกรณีปัญหาอย่างเป็นระบบที่ชัดเจนและเห็นผลเป็นรูปธรรม
4) หน่วยงานหลักในแต่ละกรณีปัญหาควรสรุปผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาของประชาชนในภาพรวม เสนอรัฐมนตรีที่รับผิดชอบหรือเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง
2.2 แนวทางแก้ไขปัญหาในระยะยาว
ในการแก้ไขปัญหาในระยะยาวนั้น ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ควรกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนแบบบูรณาการและเชิงรุก เพื่อให้การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ รวดเร็วและป้องกันมิให้ปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นอีกโดยควรมีแนวทางสรุปเป็นประเด็นสำคัญได้ ดังนี้
1) ทุกหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับกรณีปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนควรจัดประชุมหารือเพื่อกำหนดแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้รวดเร็ว รวมทั้งกำหนดแนวทางป้องกันมิให้เกิดปัญหาในแต่ละกรณีปัญหาขึ้นอีก ซึ่งในการกำหนดแนวทางต่าง ๆ นั้น ควรให้สอดรับกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 และสอดคล้องกับนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยยึดหลัก “ประชาชนเป็นศูนย์กลางของการแก้ไขปัญหา” โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการกำหนดมาตรการต่าง ๆ ในภาพรวม
2) ควรมีการทบทวนและแก้ไขปรับปรุงกฎ ระเบียบต่าง ๆ เกี่ยวข้องกับกรณีปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในภาพรวมให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
3) หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในทุกพื้นที่ควรมีระบบ การประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเป็นระยะอย่างต่อเนื่องและให้เห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรม เพื่อเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของหน่วยงานให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในศักยภาพการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนของหน่วยงานต่างๆ ในทุกพื้นที่
4) ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนควรมีการประสานการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การแก้ไขปัญหาโดยรวมรวดเร็วเป็นเอกภาพเดียวกัน
5) ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนควรมีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในด้านต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา รวมทั้งให้สอดรับกับความเจริญก้าวหน้าของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโดยสามารถใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลดังกล่าวประกอบการพิจารณาของผู้บริหารในระดับต่างๆ ได้ ทั้งนี้ ระบบฐานข้อมูลดังกล่าวข้างต้นนั้น ควรมีการเชื่อมโยงครอบคลุมทุกพื้นที่และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เปรียบเสมือนระบบประสาท (Nervous System) เพื่อควบคุมการปฏิบัติงานด้านการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในภาพรวม
6) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนควรกำหนดมาตรการในการติดตามผลความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยหน่วยงานหลักของแต่ละกรณีปัญหาควรสรุปผลการดำเนินการในภาพรวม เสนอรัฐมนตรีที่รับผิดชอบหรือเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบเป็นระยะต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในกรณีปัญหาที่อยู่ในระหว่างดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากที่สุด 3 ปัญหา ได้แก่ ปัญหาด้านการเกษตร ปัญหาด้านหนี้สิน และปัญหาที่ดินทำกินนั้น ควรมอบหมายให้หน่วยงานหลักเร่งดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป ดังนี้
1) ปัญหาด้านการเกษตร เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานแก้ไขปัญหา
2) ปัญหาด้านหนี้สิน เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานแก้ไขปัญหา
3) ปัญหาด้านที่ดินทำกิน เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้ ให้หน่วยงานหลักในแต่ละกรณีปัญหาดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวข้างต้นด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 28 มิถุนายน 2548--จบ--
1. สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่มีมาถึงนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีในรอบ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2548 (1 ตุลาคม 2547 — 31 มีนาคม 2548) ประชาชนได้มีหนังสือร้องเรียนในประเด็นปัญหาต่าง ๆ จำนวนรวมทั้งสิ้น 47,605 เรื่อง ซึ่งศูนย์บริการประชาชนได้ดำเนินการจนได้ข้อยุติจำนวน 29,816 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 62.63 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด โดยสรุปประเด็นร้องเรียนที่สำคัญ ได้ดังนี้
1.1 ประเด็นร้องเรียนที่มีการร้องเรียนมากที่สุดใน 3 อันดับแรก ได้แก่
อันดับ 1 ปัญหาด้านหนี้สิน มีการร้องเรียน จำนวน 8,303 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 17.44 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด
อันดับ 2 ปัญหาด้านสวัสดิการสงเคราะห์และสาธารณสุข มีการร้องเรียน จำนวน 7,904 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 16.60 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด
อันดับ 3 ปัญหาด้านราษฎรขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่รัฐ มีการร้องเรียน จำนวน 6,377 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 13.40 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด
1.2 ประเด็นการร้องเรียนที่ดำเนินการแก้ไขปัญหาจนได้ข้อยุติ
ประเด็นการร้องเรียนที่ได้ดำเนินการประสานการแก้ไขปัญหากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนได้ข้อยุติ จำนวนรวมทั้งสิ้น 29,816 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 62.63 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด โดยมีประเด็นการร้องเรียนที่ ดำเนินการแก้ไขปัญหาจนได้ข้อยุติมากที่สุดใน 3 อันดับแรก สรุปได้ดังนี้
อันดับ 1 ปัญหาด้านการเมือง มีการร้องเรียน จำนวน 83 เรื่อง ดำเนินการจนได้ข้อยุติ จำนวน 72 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 86.75 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนในประเด็นดังกล่าว
อันดับ 2 ปัญหาด้านความผิดอาญา มีการร้องเรียนจำนวน 3,696 เรื่อง ดำเนินการจนได้ข้อยุติ จำนวน 2,993 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 80.98 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนในประเด็นดังกล่าว
อันดับ 3 ปัญหาด้านคัดค้านโครงการของรัฐ มีการร้องเรียน จำนวน 211 เรื่อง ดำเนินการจนได้ข้อยุติ จำนวน 161 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 76.30 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนในประเด็นดังกล่าว
1.3 ประเด็นร้องเรียนที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในบางกรณีปัญหาอยู่ระหว่างการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 17,620 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 37.01 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด โดยสรุปประเด็นปัญหาที่ดำเนินการยังไม่แล้วเสร็จที่สำคัญใน 3 อันดับแรก ดังนี้
อันดับ 1 ปัญหาด้านการเกษตร มีการร้องเรียน จำนวน 1,144 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 883 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 72.81 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนในประเด็นดังกล่าว
อันดับ 2 ปัญหาด้านหนี้สิน มีการร้องเรียนจำนวน 8,303 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 6,010 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 72.38 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนในประเด็นดังกล่าว
อันดับ 3 ปัญหาด้านที่ดินทำกิน มีการร้องเรียน จำนวน 2,187 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 1,414 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 64.65 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนในประเด็นดังกล่าว
2. แนวทางการติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาตามข้อร้องเรียนของประชาชนในภาพรวม ซึ่งมีประเด็นเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน 3 ปัญหาหลัก ได้แก่ ปัญหาด้านการเกษตร ปัญหาด้านหนี้สิน และปัญหาด้านที่ดินทำกิน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละกรณีดำเนินการ ล่าช้า จึงทำให้มีเรื่องที่อยู่ในระหว่างดำเนินการค้างอยู่จำนวนมาก ดังนั้น สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐ-มนตรี จึงเห็นควรกำหนดแนวทางในการแก้ไขกรณีที่หน่วยงานบางหน่วยงานดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนล่าช้า ดังนี้
2.1 แนวทางแก้ไขปัญหาในระยะสั้น
ในการแก้ไขปัญหาในระยะสั้นนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มปัญหาที่อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะกลุ่มปัญหาที่มีเรื่องอยู่ในระหว่างดำเนินการจำนวนมากใน 3 อันดับแรก ได้แก่ ปัญหาด้านการเกษตร ปัญหาด้านหนี้สิน และปัญหาด้านที่ดินทำกิน ควรกำหนดแนวทางในการดำเนินการที่สำคัญ สรุปได้ดังนี้
1) หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องในแต่ละกรณีควรจัดให้มีการประชุมหารือร่วมกันในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในแต่ละกรณีเพื่อกำหนดมาตรการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ แบบบูรณาการในภาพรวม โดยหน่วยงานหลักควรจะจัดทำระบบฐานข้อมูลที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงครอบคลุมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบของกระบวนการแก้ไขปัญหาโดยรวม ทั้งนี้ มาตรการในการแก้ไขปัญหาในแต่ละประเด็นดังกล่าวข้างต้นควรดำเนินการตามแนวทาง ดังต่อไปนี้
1.1) มีการรวบรวมปัญหาและสรุปสาระสำคัญของปัญหารวมทั้งกำหนดให้มีการรวบรวมหลักฐานหรือข้อมูลเชิงประจักษ์ (Empirical Data) ซึ่งได้แก่ เอกสารหลักฐานต่าง ๆ ประกอบการนำเสนอปัญหาด้วย
1.2) มีการจัดกลุ่มประเภทของปัญหาและประเด็นต่าง ๆ แยกออกเป็นกลุ่ม ๆ ตามประเภทอย่างชัดเจน
1.3) มีการนำเสนอกลุ่มของปัญหาและประเด็นสำคัญต่าง ๆ ต่อที่ประชุมร่วมกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องก่อนเพื่อเป็นการระดมความคิดและนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาแบบเชิงบูรณาการ
1.4) ปัญหาและแนวทางแก้ไขของแต่ละประเด็นควรมีการนำเสนอที่ประชุมใหญ่ที่เกี่ยวข้องในแต่ละกรณีปัญหาเพื่อให้ความเห็นชอบแนวทางดังกล่าวก่อนนำไปปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป
2) ดำเนินการตามมาตรการที่หารือร่วมในข้อ 1) ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยมีระบบการติดตามผลการแก้ไขปัญหาในแต่ละประเด็นอย่างต่อเนื่อง
3) ควรกำหนดให้มีระบบการประชาสัมพันธ์ผลความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขในแต่ละกรณีปัญหาอย่างเป็นระบบที่ชัดเจนและเห็นผลเป็นรูปธรรม
4) หน่วยงานหลักในแต่ละกรณีปัญหาควรสรุปผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาของประชาชนในภาพรวม เสนอรัฐมนตรีที่รับผิดชอบหรือเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง
2.2 แนวทางแก้ไขปัญหาในระยะยาว
ในการแก้ไขปัญหาในระยะยาวนั้น ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ควรกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนแบบบูรณาการและเชิงรุก เพื่อให้การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ รวดเร็วและป้องกันมิให้ปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นอีกโดยควรมีแนวทางสรุปเป็นประเด็นสำคัญได้ ดังนี้
1) ทุกหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับกรณีปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนควรจัดประชุมหารือเพื่อกำหนดแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้รวดเร็ว รวมทั้งกำหนดแนวทางป้องกันมิให้เกิดปัญหาในแต่ละกรณีปัญหาขึ้นอีก ซึ่งในการกำหนดแนวทางต่าง ๆ นั้น ควรให้สอดรับกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 และสอดคล้องกับนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยยึดหลัก “ประชาชนเป็นศูนย์กลางของการแก้ไขปัญหา” โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการกำหนดมาตรการต่าง ๆ ในภาพรวม
2) ควรมีการทบทวนและแก้ไขปรับปรุงกฎ ระเบียบต่าง ๆ เกี่ยวข้องกับกรณีปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในภาพรวมให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
3) หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในทุกพื้นที่ควรมีระบบ การประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเป็นระยะอย่างต่อเนื่องและให้เห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรม เพื่อเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของหน่วยงานให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในศักยภาพการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนของหน่วยงานต่างๆ ในทุกพื้นที่
4) ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนควรมีการประสานการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การแก้ไขปัญหาโดยรวมรวดเร็วเป็นเอกภาพเดียวกัน
5) ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนควรมีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในด้านต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา รวมทั้งให้สอดรับกับความเจริญก้าวหน้าของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโดยสามารถใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลดังกล่าวประกอบการพิจารณาของผู้บริหารในระดับต่างๆ ได้ ทั้งนี้ ระบบฐานข้อมูลดังกล่าวข้างต้นนั้น ควรมีการเชื่อมโยงครอบคลุมทุกพื้นที่และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เปรียบเสมือนระบบประสาท (Nervous System) เพื่อควบคุมการปฏิบัติงานด้านการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในภาพรวม
6) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนควรกำหนดมาตรการในการติดตามผลความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยหน่วยงานหลักของแต่ละกรณีปัญหาควรสรุปผลการดำเนินการในภาพรวม เสนอรัฐมนตรีที่รับผิดชอบหรือเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบเป็นระยะต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในกรณีปัญหาที่อยู่ในระหว่างดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากที่สุด 3 ปัญหา ได้แก่ ปัญหาด้านการเกษตร ปัญหาด้านหนี้สิน และปัญหาที่ดินทำกินนั้น ควรมอบหมายให้หน่วยงานหลักเร่งดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป ดังนี้
1) ปัญหาด้านการเกษตร เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานแก้ไขปัญหา
2) ปัญหาด้านหนี้สิน เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานแก้ไขปัญหา
3) ปัญหาด้านที่ดินทำกิน เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้ ให้หน่วยงานหลักในแต่ละกรณีปัญหาดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวข้างต้นด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 28 มิถุนายน 2548--จบ--