วธ. เสนอตามรายงานของกรมการศาสนาว่า
1. จุฬาราชมนตรี ซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาอิสลามในประเทศไทยได้รับเงินอุดหนุนฐานะจุฬาราชมนตรี ในอัตราเดือนละ 10,000 บาท ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 และมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาเงินอุดหนุนจุฬาราชมนตรี พ.ศ. 2542 โดยกรมการศาสนาได้จัดสรรให้ภายใต้โครงการอุดหนุนบำรุงฐานะจุฬาราชมนตรี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 เป็นต้นมา
2. เนื่องจากปัจจุบันบทบาทและภารกิจของจุฬาราชมนตรีได้ขยายเพิ่มขึ้น มีปริมาณงานด้านการบริหารงานกิจการศาสนาในฐานะผู้นำกิจการศาสนาอิสลามเพิ่มมากขึ้น ทั้งในด้านต่างประเทศที่ต้องประสานกิจการด้านศาสนากับผู้นำต่างประเทศและผู้นำทางศาสนาในต่างประเทศ รวมทั้งเป็นผู้นำศาสนิกสัมพันธ์ในทางศาสนาเพื่อให้ศาสนิกชนมีศาสนิกสัมพันธ์และเข้าใจหลักศาสนาเพิ่มขึ้น จึงทำให้ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานของจุฬาราชมนตรีเพิ่มสูงขึ้น ตามบทบาทและภารกิจที่ขยายมากขึ้นดังกล่าว ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพของประชากรมีการปรับตัวสูงขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่เงินอุดหนุนฐานะจุฬาราชมนตรียังคงเป็นอัตรา 10,000 บาท ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2542 ยังไม่ได้มีการปรับขึ้นตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา จึงสมควรขอปรับเพิ่มเงินอุดหนุนฐานะจุฬาราชมนตรีเป็นเดือนละ 20,000 บาท
3. มาตรา 20 แห่งพระราชกฤษฎีกาแก้ไขบทบัญญัติให้สอดคล้องกับการโอนอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ได้แก้ไขคำว่า “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ” ในพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 เป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม” จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาเงินอุดหนุนฐานะจุฬาราชมนตรี พ.ศ. 2542 ในเรื่องผู้รักษาการตามกฎหมาย จากคำว่า “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ” เป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม” ด้วย
สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา
แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 3 และมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาเงินอุดหนุนจุฬาราชมนตรี พ.ศ. 2542 โดยกำหนดให้มีเงินอุดหนุนฐานะจุฬาราชมนตรีในอัตราเดือนละสองหมื่นบาท และกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 16 มิถุนายน 2558--