ทำเนียบรัฐบาล--29 พ.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการยกเลิกข้อสงวนในอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีใน ทุกรูปแบบ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ แล้วมีมติอนุมัติ ดังนี้
1. ยกเลิกข้อสงวนข้อ 7 และข้อ 10 และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการ แจ้งสหประชาชาติต่อไป
2. ให้หน่วยงานที่มีกฎระเบียบหรือข้อบังคับที่ขัดกับข้อ 7 และข้อ 10 ดำเนินการแก้ไขกฎ ระเบียบหรือข้อบังคับเหล่านั้น โดยพิจารณาเห็นว่า ตามที่รัฐบาลไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการ ขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบของสหประชาชาติโดยการภาคยานุวัติซึ่งมีผลใช้บังคับกับประเทศ ตั้งแต่วันที่8 กันยายน2538 และเพื่อให้เป็นไปตามผลการประชุมของคณะกรรมการส่งเสริมและประสาน งานสตรีแห่งชาติที่เห็นสมควรให้ยกเลิกข้อสงวนในข้อ 7 เกี่ยวกับความเสมอภาคทางการเมืองและการ รับตำแหน่งทางราชการ และข้อ 10 เกี่ยวกับความเสมอภาคทางการศึกษา เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น ในความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยต่อประชาคมโลก และเป็นการแสดงว่า ประเทศไทยได้ให้ ความสำคัญต่ออนุสัญญานี้ ประกอบกับมีเพียงกฎและระเบียบของกองทัพเท่านั้น ที่ยังไม่เปิดโอกาสให้สตรี ปฏิบัติงานในระดับผู้บังคับหน่วยกำลังรบ หรือเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียนนายร้อย จปร. โรงเรียนนายเรือ และโรงเรียนเสนาธิการของทุกเหล่าทัพ ส่วนกระทรวงมหาดไทย (ในกรณี ของปลัดอำเภอ) และกระทรวงอื่น ๆ ก็ได้มีการปรับปรุงมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง โดยไม่ให้มีการเลือก ปฏิบัติต่อสตรีในการดำรงตำแหน่งทางราชการแล้ว
อนึ่ง โดยที่การยกเลิกข้อสงวนดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกระทรวงกลาโหมโดยตรง กระทรวง การต่างประเทศจึงได้มีหนังสือสอบถามความเห็นจากกระทรวงกลาโหม และได้รับแจ้งว่า ไม่มีข้อขัด ข้องในการยกเลิกข้อสงวนทั้งสองดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 28 พฤศจิกายน 2538--
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการยกเลิกข้อสงวนในอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีใน ทุกรูปแบบ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ แล้วมีมติอนุมัติ ดังนี้
1. ยกเลิกข้อสงวนข้อ 7 และข้อ 10 และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการ แจ้งสหประชาชาติต่อไป
2. ให้หน่วยงานที่มีกฎระเบียบหรือข้อบังคับที่ขัดกับข้อ 7 และข้อ 10 ดำเนินการแก้ไขกฎ ระเบียบหรือข้อบังคับเหล่านั้น โดยพิจารณาเห็นว่า ตามที่รัฐบาลไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการ ขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบของสหประชาชาติโดยการภาคยานุวัติซึ่งมีผลใช้บังคับกับประเทศ ตั้งแต่วันที่8 กันยายน2538 และเพื่อให้เป็นไปตามผลการประชุมของคณะกรรมการส่งเสริมและประสาน งานสตรีแห่งชาติที่เห็นสมควรให้ยกเลิกข้อสงวนในข้อ 7 เกี่ยวกับความเสมอภาคทางการเมืองและการ รับตำแหน่งทางราชการ และข้อ 10 เกี่ยวกับความเสมอภาคทางการศึกษา เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น ในความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยต่อประชาคมโลก และเป็นการแสดงว่า ประเทศไทยได้ให้ ความสำคัญต่ออนุสัญญานี้ ประกอบกับมีเพียงกฎและระเบียบของกองทัพเท่านั้น ที่ยังไม่เปิดโอกาสให้สตรี ปฏิบัติงานในระดับผู้บังคับหน่วยกำลังรบ หรือเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียนนายร้อย จปร. โรงเรียนนายเรือ และโรงเรียนเสนาธิการของทุกเหล่าทัพ ส่วนกระทรวงมหาดไทย (ในกรณี ของปลัดอำเภอ) และกระทรวงอื่น ๆ ก็ได้มีการปรับปรุงมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง โดยไม่ให้มีการเลือก ปฏิบัติต่อสตรีในการดำรงตำแหน่งทางราชการแล้ว
อนึ่ง โดยที่การยกเลิกข้อสงวนดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกระทรวงกลาโหมโดยตรง กระทรวง การต่างประเทศจึงได้มีหนังสือสอบถามความเห็นจากกระทรวงกลาโหม และได้รับแจ้งว่า ไม่มีข้อขัด ข้องในการยกเลิกข้อสงวนทั้งสองดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 28 พฤศจิกายน 2538--