ทำเนียบรัฐบาล--7 ธ.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 เพื่อกำหนดให้การทำเหมืองใต้ดิน การขอประทานบัตร และการออกประทานบัตรสำหรับการทำเหมืองใต้ดิน มีวิธีการเป็นการเฉพาะที่แตกต่างจากการทำเหมืองปกติทั่วไป นอกจากนั้น ยังเป็นการกำหนดให้ผู้ถือประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินมีสิทธทำเหมืองใต้ดินที่มีความลึกเกินห้าสิบเมตร อันเป็นการกระทบเรื่องแดนแห่งกรรมสิทธิ์ สรุปได้ดังต่อไปนี้
1. เพิ่มบทนิยามคำว่า "ทำเหมืองใต้ดิน"
2. การออกประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดเขตเหมืองแร่ให้แก่ผู้ขอไม่เกินรายละหนึ่งหมื่นไร่ เว้นแต่ในกรณีเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ รัฐมนตรีโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีจะกำหนดเขตเหมืองแร่ให้ผู้ขอเกินรายละหนึ่งหมื่นไร่ก็ได้
3. การขอประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องสร้างหมุดหลักฐานการแผนที่หรือหลักหมายเขตเหมืองแร่ให้ปรากฏชัดเจนบนผิวดิน โดยผู้ยื่นคำขอประทานบัตรเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
4. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดระดับความลึกที่ปลอดภัยสำหรับการทำเหมืองใต้ดินตามคำแนะนำของคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติแร่ฯ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาการกำหนดระดับความลึกดังกล่าวให้พิจารณาจากโครงสร้างทางธรณีวิทยารวมทั้งเทคนิคการทำเหมืองตามหลักวิศวกรรมเหมืองแร่ในแต่ละพื้นที่ และความปลอดภัยของสิ่งมีชีวิตบนพื้นดิน
5. ผู้ถือประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินมีสิทธิทำเหมืองใต้ดิน ภายในเขตพื้นที่ที่ได้รับประทานบัตร และแดนแห่งกรรมสิทธิ์ของบุคคลมิให้คลุมถึงสิทธิการทำเหมืองใต้ดินหรือสิทธิในแร่ที่อยู่ใต้ดินนั้น
6. ผู้ถือประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นกับบุคคล ทรัพย์สิน หรือสิ่งแวดล้อมที่อยู่ในพื้นที่ภายในเขตเหมืองแร่ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นมิได้เป็นผลมาจากการทำเหมืองแร่ใต้ดินดังกล่าว และต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นกับบุคคล ทรัพย์สิน หรือสิ่งแวดล้อมที่อยู่นอกพื้นที่ของเขตเหมืองแร่ หากผู้ได้รับความเสียหายหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องสามารถพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดขึ้นจากผลการทำเหมืองหรือการทำเหมืองใต้ดินนั้น
ทั้งนี้ โดยที่เทคโนโลยีเหมืองแร่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้สามารถขุดหาแร่ที่อยู่ในระดับลึกมากและมีสายแร่คลุมพื้นที่ที่กว้างมากได้ การทำเหมืองใต้ดินตามหลักเกณฑ์ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันจึงไม่สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเหมืองแร่ และความจำเป็นในการพัฒนาอุตสาหกรรมแร่ สมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับการทำเหมืองให้มีหลักเกณฑ์ที่ใช้บังคับกับการทำเหมืองใต้ดินได้อย่างเหมาะสม โดยกำหนดระดับความลึกของการทำเหมืองใต้ดิน และกำหนดให้ประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินคลุมพื้นที่กว้างขึ้นโดยไม่ต้องแสดงหลักฐานการมีสิทธิทำเหมืองในพื้นที่ขอประทานบัตร อันเป็นการกระทบเรื่องแดนแห่งกรรมสิทธิ์ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเหมืองแร่ และเอื้ออำนวยต่อการลงทุนและพัฒนาแหล่งแร่ใต้ดิน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 7 ธันวาคม 2542--
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 เพื่อกำหนดให้การทำเหมืองใต้ดิน การขอประทานบัตร และการออกประทานบัตรสำหรับการทำเหมืองใต้ดิน มีวิธีการเป็นการเฉพาะที่แตกต่างจากการทำเหมืองปกติทั่วไป นอกจากนั้น ยังเป็นการกำหนดให้ผู้ถือประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินมีสิทธทำเหมืองใต้ดินที่มีความลึกเกินห้าสิบเมตร อันเป็นการกระทบเรื่องแดนแห่งกรรมสิทธิ์ สรุปได้ดังต่อไปนี้
1. เพิ่มบทนิยามคำว่า "ทำเหมืองใต้ดิน"
2. การออกประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดเขตเหมืองแร่ให้แก่ผู้ขอไม่เกินรายละหนึ่งหมื่นไร่ เว้นแต่ในกรณีเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ รัฐมนตรีโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีจะกำหนดเขตเหมืองแร่ให้ผู้ขอเกินรายละหนึ่งหมื่นไร่ก็ได้
3. การขอประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องสร้างหมุดหลักฐานการแผนที่หรือหลักหมายเขตเหมืองแร่ให้ปรากฏชัดเจนบนผิวดิน โดยผู้ยื่นคำขอประทานบัตรเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
4. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดระดับความลึกที่ปลอดภัยสำหรับการทำเหมืองใต้ดินตามคำแนะนำของคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติแร่ฯ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาการกำหนดระดับความลึกดังกล่าวให้พิจารณาจากโครงสร้างทางธรณีวิทยารวมทั้งเทคนิคการทำเหมืองตามหลักวิศวกรรมเหมืองแร่ในแต่ละพื้นที่ และความปลอดภัยของสิ่งมีชีวิตบนพื้นดิน
5. ผู้ถือประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินมีสิทธิทำเหมืองใต้ดิน ภายในเขตพื้นที่ที่ได้รับประทานบัตร และแดนแห่งกรรมสิทธิ์ของบุคคลมิให้คลุมถึงสิทธิการทำเหมืองใต้ดินหรือสิทธิในแร่ที่อยู่ใต้ดินนั้น
6. ผู้ถือประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นกับบุคคล ทรัพย์สิน หรือสิ่งแวดล้อมที่อยู่ในพื้นที่ภายในเขตเหมืองแร่ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นมิได้เป็นผลมาจากการทำเหมืองแร่ใต้ดินดังกล่าว และต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นกับบุคคล ทรัพย์สิน หรือสิ่งแวดล้อมที่อยู่นอกพื้นที่ของเขตเหมืองแร่ หากผู้ได้รับความเสียหายหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องสามารถพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดขึ้นจากผลการทำเหมืองหรือการทำเหมืองใต้ดินนั้น
ทั้งนี้ โดยที่เทคโนโลยีเหมืองแร่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้สามารถขุดหาแร่ที่อยู่ในระดับลึกมากและมีสายแร่คลุมพื้นที่ที่กว้างมากได้ การทำเหมืองใต้ดินตามหลักเกณฑ์ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันจึงไม่สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเหมืองแร่ และความจำเป็นในการพัฒนาอุตสาหกรรมแร่ สมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับการทำเหมืองให้มีหลักเกณฑ์ที่ใช้บังคับกับการทำเหมืองใต้ดินได้อย่างเหมาะสม โดยกำหนดระดับความลึกของการทำเหมืองใต้ดิน และกำหนดให้ประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินคลุมพื้นที่กว้างขึ้นโดยไม่ต้องแสดงหลักฐานการมีสิทธิทำเหมืองในพื้นที่ขอประทานบัตร อันเป็นการกระทบเรื่องแดนแห่งกรรมสิทธิ์ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเหมืองแร่ และเอื้ออำนวยต่อการลงทุนและพัฒนาแหล่งแร่ใต้ดิน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 7 ธันวาคม 2542--