เรื่อง ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้ขอกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามพระราชบัญญัติการกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 พ.ศ. 2557)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้ขอกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามพระราชบัญญัติการกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 พ.ศ. 2557) ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
กค. เสนอว่า
1. พระราชบัญญัติการกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 พ.ศ. 2557 ได้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2557 เพื่อให้ข้าราชการซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) รวมทั้งผู้รับบำนาญและทหารกองหนุนมีเบี้ยหวัดซึ่งเคยเป็นสมาชิก กบข. ที่รับราชการอยู่ก่อนวันที่บทบัญญัติในหมวด 3 สมาชิกและสิทธิประโยชน์ของสมาชิกแห่งพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 ใช้บังคับสามารถขอกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 ซึ่งผู้ขอกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 ต้องคืนเงินให้หรือได้รับเงินจากส่วนราชการหรือ กบข. ดังต่อไปนี้
ผู้ขอกลับไปใช้สิทธิ เงินที่ต้องคืนให้แก่ส่วนราชการ เงินที่ได้รับจากส่วนราชการหรือ กบข. ข้าราชการ ไม่มี แต่ไม่มีสิทธิได้รับเงินสบทบ เงินประเดิม เงิน เงินสะสมและผลประโยชน์ตอบแทนของเงินสะสม ชดเชย และผลประโยชน์ตอบแทนของเงินดังกล่าว ผู้รับบำนาญ เงินสบทบ เงินประเดิม เงินชดเชย และ เงินบำนาญที่พึงได้รับตามหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติ ผลประโยชน์ตอบแทนของเงินดังกล่าวที่ กบข. บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 ตั้งแต่วัน คำนวณให้ในวันปิดบัญชีเงินรายบุคคล และเงิน ออกจากราชการจนถึง วันที่ 30 กันยายน 2558 บำนาญที่ได้รับหรือพึงได้รับตามหลักเกณฑ์ตาม พระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 ตั้งแต่วันออกจากราชการจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2558 ทหารกองหนุนมีเบี้ยหวัด เงินสมทบและผลประโยชน์ตอบแทนของเงินสมทบ เงินบำนาญเหตุทดแทนตามพระราชบัญญัติบำเหน็จ โดยไม่มีสิทธิได้รับเงินประเดิม เงินชดเชย และ บำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 ที่พึงได้รับตั้งแต่วัน ผลประโยชน์ตอบแทนของเงินดังกล่าว ออกจากกองหนุนเบี้ยหวัดเพื่อรับบำนาญเหตุทดแทน จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2558
โดยในกรณีที่ผู้ขอกลับไปใช้สิทธิเป็นผู้รับบำนาญจะใช้วิธีการหักกลบลบกัน โดยผู้รับบำนาญที่ต้องคืนเงินจะต้องส่งเงินคืนให้แก่ส่วนราชการภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2558 หรือแบ่งชำระเงินออกเป็นส่วน ๆ ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2558 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2558
2. เงินที่ผู้ขอกลับไปใช้สิทธิได้รับจากส่วนราชการหรือ กบข. ต้องเสียภาษี ดังนี้
2.1 เงินสะสม เป็นเงินที่สมาชิกได้จ่ายเข้า กบข. เมื่อได้รับเงินที่จ่ายไปนั้นคืนจาก กบข. จึงไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
2.2 ผลประโยชน์ตอบแทนของเงินสะสม เป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร จึงต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
2.3 เงินส่วนเพิ่ม เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร จึงต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
3. กรมบัญชีกลางคาดว่า จะมีผู้ขอกลับไปใช้สิทธิ 728,521 คน จากผู้มีสิทธิ 971,361 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 75 ซึ่งขณะนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 8 มิถุนายน 2558 มีผู้แสดงความประสงค์กลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 แล้ว จำนวน 346,554 ราย โดยกรมบัญชีกลางได้ประมาณการว่าเมื่อครบกำหนดแสดงความประสงค์ จะมีการจ่ายเงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสมให้แก่ข้าราชการ รวมประมาณ 26,610 ล้านบาท และ 14,135 ล้านบาท ตามลำดับ รวมทั้งจ่ายเงินเพิ่มให้แก่ผู้รับบำนาญและทหารกองหนุนมีเบี้ยหวัด ประมาณ 13,000 ล้านบาท ซึ่งผลประโยชน์ของเงินสะสมและเงินส่วนเพิ่มดังกล่าวเป็นเงินได้พึงประเมินมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น การขอกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามพระราชบัญญัติการกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 พ.ศ. 2557 จะทำให้กรมสรรพากรจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ ประมาณ 1,220 ล้านบาท อย่างได้ก็ดี รายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจำนวนดังกล่าวไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการรายได้ภาษีสรรพากร ประจำปีงบประมาณ 2558 ดังนั้น การยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้ขอกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามพระราชบัญญัติการกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 พ.ศ. 2557 จะไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามประมาณการรายได้ภาษีสรรพากร
4. พระราชบัญญัติดังกล่าวมีเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือเยียวยาข้าราชการและผู้รับบำนาญซึ่งเป็นสมาชิก กบข. โดยสมัครใจ แต่ต่อมาได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนคลาดเคลื่อนจากสมมติฐานที่ใช้ในการตัดสินใจเป็นสมาชิก กบข. ประกอบกับข้าราชการและผู้รับบำนาญส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ดังนั้น กค. พิจารณาแล้วเห็นควรยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้ขอกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สำหรับผลประโยชน์ตอบแทนของเงินสะสมและเงินส่วนเพิ่มที่ได้รับ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาข้าราชการและผู้รับบำนาญซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 พ.ศ. 2557
5. การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้ขอกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญข้าราชการจะมีส่วนช่วยทำให้ข้าราชการมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่งด้วย
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
1. การกำหนดให้เงินได้พึงประเมินที่ข้าราชการและผู้รับบำนาญได้รับเนื่องจากการกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามพระราชบัญญัติการกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 พ.ศ. 2557 ดังต่อไปนี้ เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
1.1 เงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนใด ๆ ที่ข้าราชการซึ่งขอกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 ได้รับจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 พ.ศ. 2557
1.2 เงินส่วนเพิ่มที่ผู้รับบำนาญซึ่งขอกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 ได้รับจากกรมบัญชีกลางตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติการกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 พ.ศ. 2557
2. กำหนดให้เงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีผลใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 30 มิถุนายน 2558--