แท็ก
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ร่างพระราชบัญญัติ
กระทรวงการคลัง
สภาผู้แทนราษฎร
คณะรัฐมนตรี
รัฐวิสาหกิจ
ทำเนียบรัฐบาล--24 ก.พ.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติทุนของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีก่อนเสนอคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ หรือมติคณะรัฐมนตรีแปลงทุนเป็นหุ้นและแปลงสภาพเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดได้ ทั้งนี้ เพื่อเอื้ออำนวยให้เอกชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจ และเปิดโอกาสให้รัฐวิสาหกิจกระจายหุ้นโดยขายให้ประชาชนต่อไป
สำหรับรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในข่ายที่จะนำร่างพระราชบัญญัติทุนฯ มาใช้ คือรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ยกเว้น
1) รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้น โดยมีอำนาจหน้าที่เป็นองค์กรกำกับดูแล (Regulator)
2) รัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด และรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งโดยกฎหมายเฉพาะซึ่งมีทุนเป็นทุนเรือนหุ้นอยู่แล้ว
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. "ทุน" หมายความว่า วงเงินที่รัฐวิสาหกิจได้รับจากงบประมาณแผ่นดิน กระทรวงการคลังและ/หรือรัฐบาลจ่ายให้ทั้งที่รัฐวิสาหกิจได้รับโดยตรง หรือโอนมาจากส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่น เงินช่วยเหลือที่ได้รับจากแหล่งต่าง ๆ ในประเทศต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ และทุนที่คณะกรรมการพิจารณาเห็นสมควรแปลงเป็นหุ้น
2. ให้รัฐวิสาหกิจแปลงทุนเป็นหุ้นและแปลงสภาพเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ยกเว้นรัฐวิสาหกิจที่ได้จัดตั้งโดยมีอำนาจหน้าที่เป็นองค์กรกำกับดูแล และรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด เฉพาะที่มีทุนเป็นทุนเรือนหุ้นอยู่แล้ว
3. ให้มีคณะกรรมการทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ปลัดกระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจที่จะดำเนินการแปลงทุนฯ เป็นรองประธาน ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน อธิบดีกรมทะเบียนการค้า เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาอัยการสูงสุด และผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจที่จะดำเนินการแปลงทุนฯ เป็นกรรมการ อธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นกรรมการและเลขานุการ และผู้แทนกระทรวงเจ้าสังกัดที่จะดำเนินการแปลงทุนฯ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
3.1 เสนอให้รัฐวิสาหกิจใดแปลงทุนเป็นหุ้นและแปลงสภาพเป็นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด
3.2 กำหนดทุนของรัฐวิสาหกิจที่จะแปลงเป็นหุ้น กำหนดจำนวนหุ้นและมูลค่าหุ้นในครั้งแรกที่ดำเนินการ
3.3 พิจารณาโอนอำนาจและข้อกำหนดของรัฐวิสาหกิจในกฎหมายจัดตั้งของรัฐวิสาหกิจ ไปเป็นอำนาจและข้อกำหนดของกระทรวงเจ้าสังกัดนั้น หรือองค์กรของรัฐที่มีอยู่แล้วหรือที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลลักษณะกิจการของรัฐวิสาหกิจที่แปลงสภาพ
4. ในการแปลงทุนของรัฐวิสาหกิจใดเป็นทุนเรือนหุ้นและแปลงสภาพเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดให้คณะกรรมการตามข้อ 3 เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ส่วนทุนที่จะแปลงเป็นหุ้น ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด
5. บรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ พนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนแปลงสภาพเป็นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดแล้วให้โอนไปเป็นของบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด แล้วแต่กรณี โดยให้
5.1 หนี้ที่รัฐวิสาหกิจได้ก่อขึ้นโดยกระทรวงการคลังค้ำประกันหรือที่กู้ต่อจากกระทรวงการคลังก่อนวันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน หรือให้กู้ต่อไปจนกว่าบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดนั้นแล้วแต่กรณีชำระครบถ้วนแล้ว
5.2 พนักงานและลูกจ้างที่โอนไปในครั้งแรกให้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างรวมสิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ เท่าที่เคยได้รับอยู่เดิม โดยให้ถือว่าการแปลงสภาพไม่มีผลเป็นการเลิกจ้าง และให้พนักงานและลูกจ้างที่โอนไปนั้นมีเวลาทำงานติดต่อกัน
5.3 สิทธิในการใช้หรือเช่าที่ดินที่เป็นที่ราชพัสดุ หรือสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โอนไปเป็นของบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด แต่บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดนั้นจะต้องให้ค่าทดแทนตามที่บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดนั้นแล้วแต่กรณี และกระทรวงการคลังตกลงกัน หากตกลงกันไม่ได้ให้คณะรัฐมนตรีชี้ขาด
ทั้งนี้ เนื่องจากการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและการโทรคมนาคมสื่อสารต่าง ๆ ได้ส่งผลให้โลกก้าวสู่ยุค"โลกาภิวัตน์" ที่ทุกประเทศสามารถติดต่อเชื่อมโยงกันได้ทั่วถึง ทำให้ระบบเศรษฐกิจเป็นระบบที่ไร้พรมแดนและเปิดเสรีที่ทำให้ประเทศต่าง ๆ ต้องปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกันมากขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยโดยเฉพาะกิจการรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นองค์กรของรัฐ มีหน้าที่ในการให้บริการพื้นฐานแก่สาธารณชน ในขณะเดียวกันก็ต้องดำเนินการเชิงพาณิชย์เพื่อแข่งขันกับภาคเอกชน ต้องปรับนโยบายการบริหารงานและการลงทุนให้ก้าวหน้าทันสมัย เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของตนเองและพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างมั่นคง และมีเสรีเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจระหว่างประเทศด้วย นอกจากนี้ การลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศของรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจประเภทสาธารณูปโภคสาธารณูปการ จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก ในขณะเดียวกันงบประมาณที่จะใช้เพื่อลงทุนขยายงานก็ถูกจำกัด ทั้งด้านการลงทุนด้วยรายได้ของรัฐวิสาหกิจเอง เพดานเงินกู้ต่างประเทศและงบประมาณแผ่นดินของรัฐ ทำให้รัฐวิสาหกิจไม่สามารถดำเนินการลงทุนได้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ เพื่อให้รัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพและก่อประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนทุนของรัฐวิสาหกิจเป็นทุนเรือนหุ้น และให้มีการกระจายหุ้นโดยขายให้ประชาชน เป็นการระดมเงินและเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจ ลดภาระของรัฐบาลในด้านการหารเงินมาใช้ในการลงทุนและขยายกิจการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2541--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติทุนของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีก่อนเสนอคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ หรือมติคณะรัฐมนตรีแปลงทุนเป็นหุ้นและแปลงสภาพเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดได้ ทั้งนี้ เพื่อเอื้ออำนวยให้เอกชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจ และเปิดโอกาสให้รัฐวิสาหกิจกระจายหุ้นโดยขายให้ประชาชนต่อไป
สำหรับรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในข่ายที่จะนำร่างพระราชบัญญัติทุนฯ มาใช้ คือรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ยกเว้น
1) รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้น โดยมีอำนาจหน้าที่เป็นองค์กรกำกับดูแล (Regulator)
2) รัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด และรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งโดยกฎหมายเฉพาะซึ่งมีทุนเป็นทุนเรือนหุ้นอยู่แล้ว
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. "ทุน" หมายความว่า วงเงินที่รัฐวิสาหกิจได้รับจากงบประมาณแผ่นดิน กระทรวงการคลังและ/หรือรัฐบาลจ่ายให้ทั้งที่รัฐวิสาหกิจได้รับโดยตรง หรือโอนมาจากส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่น เงินช่วยเหลือที่ได้รับจากแหล่งต่าง ๆ ในประเทศต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ และทุนที่คณะกรรมการพิจารณาเห็นสมควรแปลงเป็นหุ้น
2. ให้รัฐวิสาหกิจแปลงทุนเป็นหุ้นและแปลงสภาพเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ยกเว้นรัฐวิสาหกิจที่ได้จัดตั้งโดยมีอำนาจหน้าที่เป็นองค์กรกำกับดูแล และรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด เฉพาะที่มีทุนเป็นทุนเรือนหุ้นอยู่แล้ว
3. ให้มีคณะกรรมการทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ปลัดกระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจที่จะดำเนินการแปลงทุนฯ เป็นรองประธาน ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน อธิบดีกรมทะเบียนการค้า เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาอัยการสูงสุด และผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจที่จะดำเนินการแปลงทุนฯ เป็นกรรมการ อธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นกรรมการและเลขานุการ และผู้แทนกระทรวงเจ้าสังกัดที่จะดำเนินการแปลงทุนฯ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
3.1 เสนอให้รัฐวิสาหกิจใดแปลงทุนเป็นหุ้นและแปลงสภาพเป็นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด
3.2 กำหนดทุนของรัฐวิสาหกิจที่จะแปลงเป็นหุ้น กำหนดจำนวนหุ้นและมูลค่าหุ้นในครั้งแรกที่ดำเนินการ
3.3 พิจารณาโอนอำนาจและข้อกำหนดของรัฐวิสาหกิจในกฎหมายจัดตั้งของรัฐวิสาหกิจ ไปเป็นอำนาจและข้อกำหนดของกระทรวงเจ้าสังกัดนั้น หรือองค์กรของรัฐที่มีอยู่แล้วหรือที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลลักษณะกิจการของรัฐวิสาหกิจที่แปลงสภาพ
4. ในการแปลงทุนของรัฐวิสาหกิจใดเป็นทุนเรือนหุ้นและแปลงสภาพเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดให้คณะกรรมการตามข้อ 3 เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ส่วนทุนที่จะแปลงเป็นหุ้น ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด
5. บรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ พนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนแปลงสภาพเป็นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดแล้วให้โอนไปเป็นของบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด แล้วแต่กรณี โดยให้
5.1 หนี้ที่รัฐวิสาหกิจได้ก่อขึ้นโดยกระทรวงการคลังค้ำประกันหรือที่กู้ต่อจากกระทรวงการคลังก่อนวันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน หรือให้กู้ต่อไปจนกว่าบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดนั้นแล้วแต่กรณีชำระครบถ้วนแล้ว
5.2 พนักงานและลูกจ้างที่โอนไปในครั้งแรกให้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างรวมสิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ เท่าที่เคยได้รับอยู่เดิม โดยให้ถือว่าการแปลงสภาพไม่มีผลเป็นการเลิกจ้าง และให้พนักงานและลูกจ้างที่โอนไปนั้นมีเวลาทำงานติดต่อกัน
5.3 สิทธิในการใช้หรือเช่าที่ดินที่เป็นที่ราชพัสดุ หรือสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โอนไปเป็นของบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด แต่บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดนั้นจะต้องให้ค่าทดแทนตามที่บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดนั้นแล้วแต่กรณี และกระทรวงการคลังตกลงกัน หากตกลงกันไม่ได้ให้คณะรัฐมนตรีชี้ขาด
ทั้งนี้ เนื่องจากการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและการโทรคมนาคมสื่อสารต่าง ๆ ได้ส่งผลให้โลกก้าวสู่ยุค"โลกาภิวัตน์" ที่ทุกประเทศสามารถติดต่อเชื่อมโยงกันได้ทั่วถึง ทำให้ระบบเศรษฐกิจเป็นระบบที่ไร้พรมแดนและเปิดเสรีที่ทำให้ประเทศต่าง ๆ ต้องปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกันมากขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยโดยเฉพาะกิจการรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นองค์กรของรัฐ มีหน้าที่ในการให้บริการพื้นฐานแก่สาธารณชน ในขณะเดียวกันก็ต้องดำเนินการเชิงพาณิชย์เพื่อแข่งขันกับภาคเอกชน ต้องปรับนโยบายการบริหารงานและการลงทุนให้ก้าวหน้าทันสมัย เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของตนเองและพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างมั่นคง และมีเสรีเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจระหว่างประเทศด้วย นอกจากนี้ การลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศของรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจประเภทสาธารณูปโภคสาธารณูปการ จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก ในขณะเดียวกันงบประมาณที่จะใช้เพื่อลงทุนขยายงานก็ถูกจำกัด ทั้งด้านการลงทุนด้วยรายได้ของรัฐวิสาหกิจเอง เพดานเงินกู้ต่างประเทศและงบประมาณแผ่นดินของรัฐ ทำให้รัฐวิสาหกิจไม่สามารถดำเนินการลงทุนได้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ เพื่อให้รัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพและก่อประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนทุนของรัฐวิสาหกิจเป็นทุนเรือนหุ้น และให้มีการกระจายหุ้นโดยขายให้ประชาชน เป็นการระดมเงินและเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจ ลดภาระของรัฐบาลในด้านการหารเงินมาใช้ในการลงทุนและขยายกิจการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2541--