ทำเนียบรัฐบาล--23 มิ.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลัการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงกฎหมายภาษีอากรที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการขายชอร์ต การยืมและการให้ยืมหลักทรัพย์) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีการอนุญาตให้ทำธุรกรรมการขายชอร์ต การยืมและการให้ยืมหลักทรัพย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาตลาดทุน คือ เมื่อมีการขายชอร์ตจะเป็นการเพิ่มปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์หรือสภาพคล่องให้เพิ่มขึ้น ช่วยรักษาเสถียรภาพของตลาดทุน และเป็นการเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีผู้ที่เกี่ยวข้องในธุรกรรมขายชอร์ต และการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ยังคงต้องมีภาระภาษีเงินได้เนื่องจากการกระทำธุรกรรมดังกล่าว จึงเห็นควรให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรโดยลดอัตราและยกเว้นภาษีให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในธุรกรรมการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ เพื่อส่งเสริมธุรกรรมดังกล่าว จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้ร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2541 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับวันที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อนุญาตให้เริ่มทำธุรกรรมการขายชอร์ต การยืมและการให้ยืมหลักทรัพย์ได้
2. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ผู้ยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ สำหรับเงินได้ที่เกิดจากการโอนหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์ ทั้งนี้ การโอนดังกล่าวต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด
3. ลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนี้
3.1 ให้แก่ผู้ยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์ ที่ได้รับเงินชดเชยเงินปันผล ซึ่งยอมให้ผู้จ่ายหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 10 ของเงินที่จ่าย โดยผู้มีเงินได้มีสิทธิเลือกไม่นำเงินได้ดังกล่าวไปรวมคำนวณภาษีสิ้นปี
3.2 ให้แก่ผู้ยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์ ที่ได้รับเงินชดเชยดอกเบี้ย ซึ่งยอมให้ผู้จ่ายหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 15 ของเงินที่จ่าย โดยผู้มีเงินได้มีสิทธิเลือกไม่นำเงินได้ดังกล่าวไปรวมคำนวณภาษีสิ้นปี
4. ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ซึ่งเป็นผู้ยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์ และได้รับหลักทรัพย์ที่ยืมหรือให้ยืมกลับคืนมาเพื่อรับเงินปันผล ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 23 มิถุนายน 2541--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลัการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงกฎหมายภาษีอากรที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการขายชอร์ต การยืมและการให้ยืมหลักทรัพย์) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีการอนุญาตให้ทำธุรกรรมการขายชอร์ต การยืมและการให้ยืมหลักทรัพย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาตลาดทุน คือ เมื่อมีการขายชอร์ตจะเป็นการเพิ่มปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์หรือสภาพคล่องให้เพิ่มขึ้น ช่วยรักษาเสถียรภาพของตลาดทุน และเป็นการเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีผู้ที่เกี่ยวข้องในธุรกรรมขายชอร์ต และการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ยังคงต้องมีภาระภาษีเงินได้เนื่องจากการกระทำธุรกรรมดังกล่าว จึงเห็นควรให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรโดยลดอัตราและยกเว้นภาษีให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในธุรกรรมการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ เพื่อส่งเสริมธุรกรรมดังกล่าว จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้ร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2541 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับวันที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อนุญาตให้เริ่มทำธุรกรรมการขายชอร์ต การยืมและการให้ยืมหลักทรัพย์ได้
2. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ผู้ยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ สำหรับเงินได้ที่เกิดจากการโอนหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์ ทั้งนี้ การโอนดังกล่าวต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด
3. ลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนี้
3.1 ให้แก่ผู้ยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์ ที่ได้รับเงินชดเชยเงินปันผล ซึ่งยอมให้ผู้จ่ายหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 10 ของเงินที่จ่าย โดยผู้มีเงินได้มีสิทธิเลือกไม่นำเงินได้ดังกล่าวไปรวมคำนวณภาษีสิ้นปี
3.2 ให้แก่ผู้ยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์ ที่ได้รับเงินชดเชยดอกเบี้ย ซึ่งยอมให้ผู้จ่ายหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 15 ของเงินที่จ่าย โดยผู้มีเงินได้มีสิทธิเลือกไม่นำเงินได้ดังกล่าวไปรวมคำนวณภาษีสิ้นปี
4. ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ซึ่งเป็นผู้ยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์ และได้รับหลักทรัพย์ที่ยืมหรือให้ยืมกลับคืนมาเพื่อรับเงินปันผล ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 23 มิถุนายน 2541--