ทำเนียบรัฐบาล--30 พ.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน วงเงิน 2,000 ล้านบาท ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธ.ส.น.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วมีมติ ดังนี้
1. รับทราบการปรับลดวงเงินการอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย จากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติไว้เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2541 จากจำนวน 5,000 ล้านบาท เหลือเพียง 4,000 ล้านบาท โดยตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน3,500 ล้านบาท จะมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี จนถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2542 และจำนวน 500 ล้านบาท จะมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2542 เป็นต้นไป
2. อนุมัติให้กระทรวงการคลังอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน วงเงิน 2,000 ล้านบาท ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เพื่อนำไปให้กู้ยืมแก่ผู้ส่งออกและผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกไปยังตลาดใหม่ ดังนี้
2.1 เงื่อนไขการกู้เงิน วงเงินกู้ 2,000 ล้านบาท เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่กระทรวงการคลังเป็นผู้อาวัล กำหนดชำระคืนไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันที่ในตั๋วสัญญาใช้เงิน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี
2.2 ธ.ส.น. จะนำเงินกู้จำนวนดังกล่าวไปให้กู้ยืมแก่ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออก ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ดังนี้
- ธ.ส.น. จะต้องนำเงินอนุเคราะห์ของธนาคารไปให้กู้ยืมแก่ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกไปตลาดใหม่ ด้วยการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินจากผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมแทนที่ธนาคารพาณิชย์
- ธ.ส.น. จะนำเงินอนุเคราะห์ของธนาคารไปให้กู้ยืมแก่ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกทดแทนเงินที่ ธ.ส.น. ให้กู้ยืมอยู่แล้วไม่ได้
2.3 ธ.ส.น. นำเงินที่เบิกไปให้กู้ยืมแก่ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกในข้อ 2.2 ได้ไม่เกินวันที่ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกได้รับชำระค่าสินค้าแต่ต้องไม่เกิน 180 วัน นับตั้งแต่วันที่ ธ.ส.น. ให้กู้ยืมเงิน และนำไปให้กู้ยืมในแต่ละรายได้ไม่เกินร้อยละ 60 ของจำนวนเงินที่ ธ.ส.น. ให้กู้แก่ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกรายนั้น
2.4 ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดให้ ธ.ส.น. เบิกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินได้เป็นงวด ๆ ละ 100 ล้านบาท โดยธ.ส.น. จะเบิกงวดที่ 1 ได้ก่อน และจะขอเบิกเงินในงวดถัดไปได้ต่อเมื่อนำเงินไปให้กู้ยืมแก่ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกจนมีจำนวนเงินให้กู้ยืมคงค้างครบจำนวนที่เบิกในงวดก่อนแล้ว โดยต้องแนบบรายงานประจำงวดตามแบบที่แนบไปกับตั๋วสัญญาใช้เงินที่จะใช้เบิกเงินด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 30 พฤศจิกายน 2542--
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน วงเงิน 2,000 ล้านบาท ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธ.ส.น.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วมีมติ ดังนี้
1. รับทราบการปรับลดวงเงินการอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย จากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติไว้เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2541 จากจำนวน 5,000 ล้านบาท เหลือเพียง 4,000 ล้านบาท โดยตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน3,500 ล้านบาท จะมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี จนถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2542 และจำนวน 500 ล้านบาท จะมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2542 เป็นต้นไป
2. อนุมัติให้กระทรวงการคลังอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน วงเงิน 2,000 ล้านบาท ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เพื่อนำไปให้กู้ยืมแก่ผู้ส่งออกและผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกไปยังตลาดใหม่ ดังนี้
2.1 เงื่อนไขการกู้เงิน วงเงินกู้ 2,000 ล้านบาท เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่กระทรวงการคลังเป็นผู้อาวัล กำหนดชำระคืนไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันที่ในตั๋วสัญญาใช้เงิน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี
2.2 ธ.ส.น. จะนำเงินกู้จำนวนดังกล่าวไปให้กู้ยืมแก่ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออก ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ดังนี้
- ธ.ส.น. จะต้องนำเงินอนุเคราะห์ของธนาคารไปให้กู้ยืมแก่ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกไปตลาดใหม่ ด้วยการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินจากผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมแทนที่ธนาคารพาณิชย์
- ธ.ส.น. จะนำเงินอนุเคราะห์ของธนาคารไปให้กู้ยืมแก่ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกทดแทนเงินที่ ธ.ส.น. ให้กู้ยืมอยู่แล้วไม่ได้
2.3 ธ.ส.น. นำเงินที่เบิกไปให้กู้ยืมแก่ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกในข้อ 2.2 ได้ไม่เกินวันที่ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกได้รับชำระค่าสินค้าแต่ต้องไม่เกิน 180 วัน นับตั้งแต่วันที่ ธ.ส.น. ให้กู้ยืมเงิน และนำไปให้กู้ยืมในแต่ละรายได้ไม่เกินร้อยละ 60 ของจำนวนเงินที่ ธ.ส.น. ให้กู้แก่ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกรายนั้น
2.4 ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดให้ ธ.ส.น. เบิกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินได้เป็นงวด ๆ ละ 100 ล้านบาท โดยธ.ส.น. จะเบิกงวดที่ 1 ได้ก่อน และจะขอเบิกเงินในงวดถัดไปได้ต่อเมื่อนำเงินไปให้กู้ยืมแก่ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกจนมีจำนวนเงินให้กู้ยืมคงค้างครบจำนวนที่เบิกในงวดก่อนแล้ว โดยต้องแนบบรายงานประจำงวดตามแบบที่แนบไปกับตั๋วสัญญาใช้เงินที่จะใช้เบิกเงินด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 30 พฤศจิกายน 2542--