แท็ก
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ธนาคารอาคารสงเคราะห์
กระทรวงการคลัง
กฎกระทรวง
เครดิต
ทำเนียบรัฐบาล--3 ส.ค.--บิสนิวส์
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบความคืบหน้าในการจัดตั้งบริษัทข้อมูลเครดิตของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ดังนี้
1. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาส่งร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงที่แก้ไขแล้วให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยไม่ต้องนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีก เพียงเสนอให้นายกรัฐมนตรีลงนาม และนำทูลเกล้าฯ ให้ทรงลงประปรมาภิไธยแล้ว และจะสามารถประกาศใช้ได้ในวันที่ 2 สิงหาคม 2542 เป็นต้นไป
2. สำนักรัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐได้เสนอความเห็นมาแล้วว่า ไม่ต้องนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรีอีก เนื่องจากคณะกรรมการ ธอส. จะเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการตั้งงบประมาณและงบลงทุนประจำปีของ ธอส. ได้เอง โดยมิต้องนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณา เนื่องจากรัฐวิสาหกิจประเภทธนาคารและประกันภัยไม่อยู่ในข่ายที่จะต้องดำเนินการนำเสนองบลงทุนตามระเบียบว่าด้วยงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2522 ประกอบกับการจัดตั้ง Credit Bureau เป็นกิจการที่เอกชนทำได้ มิได้ผูกขาดโดยรัฐ จึงไม่ถือเป็นกิจการของรัฐที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามพระราชบัญญัติ ธอส. ได้ให้อำนาจตณะกรรมการธนาคารฯ ที่จะดำเนินการได้ตามที่จะกำหนดกิจการอันพึงเป็นงานธนาคารโดยออกเป็นพระราชกฤษฎีกา สำนักรัฐวิสาหกิจฯ จึงเห็นว่าคณะกรรมการ ธอส. มีอำนาจในการจัดตั้งหรือร่วมกิจการกับบุคคลอื่นเพื่อดำเนินการกิจการเกี่ยวกับการรวบรวมประมวลผลและให้บริการข้อมูลการให้สินเชื่อของ ธอส. เพื่อประโยชน์ต่อระบบการให้สินเชื่อได้ ทั้งนี้ ข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนดเพื่อดำเนินการดังกล่าว จะต้องนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 17(4) แห่งพระราชบัญญัติ ธอส. พ.ศ. 2496
3. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ผ่านร่างพระราชบัญญัติบริษัทข้อมูลเครดิตของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้วรอนำเข้าพิจารณาสู่รัฐสภาในสมัยประชุมนี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 2 สิงหาคม 2542--
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบความคืบหน้าในการจัดตั้งบริษัทข้อมูลเครดิตของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ดังนี้
1. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาส่งร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงที่แก้ไขแล้วให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยไม่ต้องนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีก เพียงเสนอให้นายกรัฐมนตรีลงนาม และนำทูลเกล้าฯ ให้ทรงลงประปรมาภิไธยแล้ว และจะสามารถประกาศใช้ได้ในวันที่ 2 สิงหาคม 2542 เป็นต้นไป
2. สำนักรัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐได้เสนอความเห็นมาแล้วว่า ไม่ต้องนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรีอีก เนื่องจากคณะกรรมการ ธอส. จะเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการตั้งงบประมาณและงบลงทุนประจำปีของ ธอส. ได้เอง โดยมิต้องนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณา เนื่องจากรัฐวิสาหกิจประเภทธนาคารและประกันภัยไม่อยู่ในข่ายที่จะต้องดำเนินการนำเสนองบลงทุนตามระเบียบว่าด้วยงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2522 ประกอบกับการจัดตั้ง Credit Bureau เป็นกิจการที่เอกชนทำได้ มิได้ผูกขาดโดยรัฐ จึงไม่ถือเป็นกิจการของรัฐที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามพระราชบัญญัติ ธอส. ได้ให้อำนาจตณะกรรมการธนาคารฯ ที่จะดำเนินการได้ตามที่จะกำหนดกิจการอันพึงเป็นงานธนาคารโดยออกเป็นพระราชกฤษฎีกา สำนักรัฐวิสาหกิจฯ จึงเห็นว่าคณะกรรมการ ธอส. มีอำนาจในการจัดตั้งหรือร่วมกิจการกับบุคคลอื่นเพื่อดำเนินการกิจการเกี่ยวกับการรวบรวมประมวลผลและให้บริการข้อมูลการให้สินเชื่อของ ธอส. เพื่อประโยชน์ต่อระบบการให้สินเชื่อได้ ทั้งนี้ ข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนดเพื่อดำเนินการดังกล่าว จะต้องนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 17(4) แห่งพระราชบัญญัติ ธอส. พ.ศ. 2496
3. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ผ่านร่างพระราชบัญญัติบริษัทข้อมูลเครดิตของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้วรอนำเข้าพิจารณาสู่รัฐสภาในสมัยประชุมนี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 2 สิงหาคม 2542--